"โมสาร์ท เอฟเฟ็ก" เรื่องจริงหรือแค่อิงวิจัย
จุดเริ่มต้นของ "โมสาร์ท เอฟเฟ็ก" เกิดขึ้นเมื่อปี 1993 เมื่อ เราเชอร์ ชอว์ และไค ได้ทำการวิจัยโดยให้นักศึกษามหาวิทยาลัยฟังเพลงของโมสาร์ท 10 นาที แล้วทำแบบทดสอบ ปรากฎว่า นักศึกษาทำแบบทดสอบได้คะแนนดีมาก ซึ่งมีการทำการทดสอบซ้ำในเรื่องอื่นก็ได้ผลดีเช่นเดียวกัน
ถึงประสิทธิภาพของการฟังเพลงโมสาร์ทเพียงแค่ 10 นาที ยังคงๆเป็นที่น่าสงสัย แต่จากผลการวิจัยนี้ ทำให้เกิดการฟังเพลงของโมสาร์ทดังไปทั่ว ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ อย่างกว้างขวางในเรื่องนี้
ทำให้เชื่อว่าการให้เด็กฟังเพลงของโมสาร์ทตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจะทำให้เด็กมีพัฒนาการทางสมองดีกว่าเด็กคนอื่นๆ
หลายปีถัดมา มีการทำการวิจัยซ้ำในเรื่องนี้ ซึ่งได้ผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม แสดงความล้มเหลงว่าไม่สามารถเชื่อมโยงไปใช้ได้จริง และยังคงมีการทำการวิจัยซ้ำในเรื่องนี้อีกหลายครั้งก็ยังคงพบความล้มเหลว
เมื่อเป็นเช่นนี้ คำถามที่ตามมา ว่า แม้เสียงดนตรีอาจไม่สามารถพัฒนาสมองได้อย่างที่คาด แต่น่าจะมีผลอะไรกับเด็็กทารกบ้าง เพราะพบว่าเด็กจำนวนมาก สามารถโยกย้ายไปตามทำนองและจังหวะของเสียงดนตรีได้
ไม่เป็นที่น่าแปลกใจในเรื่องนี้ เพราะจากงานวิจัยมหาวิทยาลัยบราวน์ พบว่า เด็กที่อายุ 6 เดือนขึ้นไป สามารถแยกแยะระดับเสียงหรือทำนองได้ เด็กบางคนสามารถร้องให้ได้เมื่อได้ฟังเพลงบรรเลงในงานศพ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น คือ นักประสาทวิทยามหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย พบว่า การที่้เด็กเล่นดนตรี คือเล่นเป็นเพลง ไม่ใช่แค่ฟังเพลงจะทำให้เซลล์สมองมีการเคลื่อนไหว โดยงานวิจัยทดสอบเด้กอายุ 3-5 ขวบ ที่มีการเรียนเปียโนมาอย่างน้อง 6 เดือน เปรียบเทียบกับเด็กที่เรียนร้องเพลง เรียนคอมพิวเตอร์ ฯลฯ ได้ผลว่าเด็กกลุ่มแรกมีความสามารถเชิงตรรกะเชิงสัญลักษณ์(เป็นพื้นฐานวิชาวิศวกรรมและคณิตศาสตร์) มากกว่าเด็กกลุ่มอื่นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังพบว่ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อนำไปใช้ในเด้กโต พบว่าเด็ก ป.2 ที่ได้เรียนเปียโน สามารถทำโจทย์คณิศาสตร์ได้เทียบเท่าดีกว่าเด็ก ป.4 ปกติที่ไม่ได้เรียนเปียโน
เครดิต : มหิดลสาร ปีที่ 36 ฉบับที่ 12 (31 ธันวาคม 2554) MU Newsletter 2011. Vol.12 หัวข้อเรื่อง "โมสาร์ท เอฟเฟ็กต์" เรื่องจริงหรือแค่อิงวิจัย เขียนและเรียบเรียงโดย อ.ดร.ปรียาสิริ มานะสันต์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์สื่อความหมาย และแพทยศาตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
ไม่มีความเห็น