LLOVE model เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ???
(เปลี่ยนเป็น) LLOVE MODEL รหัสรักเพื่อชุมชน)
โดย ธีระ. เจริญชัยรัตนะ รังสิทธิ์ ทำสีทา |
(รูปแบบแห่งรักและความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพของชุมชน)
“พ่อใหญ่เฮ็ดดีแล้วบ่ จั่งมาบอกไทข้อย” เป็นคำพูดที่ลูกหลานเยาวชนได้สะท้อนกลับมาถึงทีมงานวิจัย ไทบ้านที่คิดจะไปแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่และดื่มของมึนเมาของเด็กและเยาวชนในเขตพื้นที่ตำบลหนองภัยศูนย์ อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งทำให้ทีมงานต้องกลับมาทบทวนตัวเองและทำการบ้านอย่างหนักว่าเป็นอิหยังเด็กน้อยมันจึงกล้าย้อนความแบบนี้ ท้ายที่สุดทุกคนจึงต้องร้องอ๋อ!! ออกมาพร้อมกันว่า “แบบอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน” ซึ่ง เป็นสุภาษิตที่มีมาตั้งแต่ก่อนนาน คนสมัยนี้มักลืมและไม่ได้กล่าวถึงแล้ว จึงก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมาท่ามกลางระบบทุนนิยมและใน ยุคโลกาภิวัฒน์ หรือ ฟ้าบ่กั้น
ดังคุณยายคนหนึ่งได้พูดว่า “ หย้อนมันเป็นนำยุคพัฒนา นี้แหละ จั่งเฮ็ดให้เด็กน้อย สมัยซูมื้อนี้เปลี่ยนไป เด็กน้อยหัวถ่อกำปั้นหนังสือกะบ่เรียนพากันหนีไปซุมหัวสูบยา กินเหล้าแถวเถียงนา ใต้ฮ่มไม้ พ่อแม่มันกะบ่รู้ ครูกะบ่ว่าจั๋งได๋ บ่กล้าตี ย่านถูกฟ้อง แล้วผู้ได๋ซิมาซอยแก้ไขปัญหาเหล่านี้หนอ? หาทางให้แหน่ผู้ได๋กะได้ซิมาซอยพวกดิฉัน”
ก่อนหน้านี้ช่วงปี 49 – 50 แกนนำผู้สูงอายุในพื้นที่ตำบลหนองภัยศูนย์ ได้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น พบว่ามีกลุ่มเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งประมาณ 8 – 10 คน พากันไปดื่มเหล้า เบียร์ และสูบบุหรี่ ใต้ต้นไม้ เถียงนาน้อย เป็นประจำ จึงเกิดคำถามในหมู่ผู้สูงอายุด้วยกันว่ามันเกิดอิหยังขึ้นกับเด็กน้อยกลุ่มนี้ ?
จากนั้นนำไปสู่กะบวนการซอกหาปัญหาที่เกิดขึ้น โดยทีมวิจัยไทบ้าน พบว่า “ มีความต้องการอยากลองสูบมานานจนเลิกไม่ได้,ผู้ใหญ่สูบให้เห็น,พ่อแม่ไม่มีเวลาสนใจลูกๆ,เพื่อนชักชวน ถ้าสูบจะได้เข้ากลุ่มกับเพื่อนๆได้,ไม่มีความรู้เรื่องโทษพิษภัยบุหรี่,หาซื้อตามร้านค้าได้ง่าย,ครูไม่สนใจ,
ในส่วนของเด็กน้อยที่ดื่มของมึนเมาให้เหตุผลว่า “มีความต้องการอยากลองคิดว่าเท่และชอบ ,หมู่ชักชวน ,ทำตามคนในครอบครัว, พี่ชายชวนดื่ม,ทำประชดพ่อแม่,หาซื้อตามร้านค้าได้ง่าย,พ่อแม่ไม่ห้ามไม่ว่าให้ อยากเฮ็ดหยังกะเฮ็ดโลดค้านเว้าแล้ว”
ในส่วนของเด็กน้อยที่ไม่กินไม่สูบให้เหตุผลว่า “หย้านพ่อแม่ดุด่าว่าให้ ถ้ารู้ ก็จะตี ก็เลยกลัวไม่ทำ ,พิษภัยของบุหรี่และน้ำเมามีอันตราย, ทำให้เรียนหนังสือไม่ทันเพื่อนไม่ดีต่อสุขภาพ กลัวเป็นโรคมะเร็งไม่มีเงินซื้อ, พ่อแม่จำกัดการใช้เงินเพื่อนห้ามไว้ ,ไม่ควรทดลองกลัวเลิกไม่ได้,กลัวครูหักคะแนนพ่อกับแม่บอกว่ารอให้โตก่อนค่อยกินค่อยสูบ” นี่คือเหตุผลแนวคิด ที่ทีมวิจัยได้รับทราบปัญหาของกลุ่มเด็กนักเรียนที่สูบบุหรี่และดื่มของมึนเมา
รูปแบบการดำเนินงาน ได้ใช้หลักการ สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ได้แก่ ไทบ้านเป็นคนนำ อบต.หนุนเสริม อนามัยสนับสนุนวิชาการ ผลสำเร็จที่เกิดขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนในชุมชนเกิดความสุขในระดับที่น่าพอใจเกินความคาดหมาย และคนในชุมชนเริ่มให้ความสำคัญตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ขยายผลไปสู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง พบว่าการใช้ฐานข้อมูลงานวิจัยท้องถิ่น ที่ได้จากการทำวิจัย โดยทีมวิจัยชุมชน ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพเป็นข้อมูลจริงที่มีอยู่ในพื้นที่ ส่งผลให้การทำสมัชชามีความชัดเจนและยืนหยัดอยู่บนฐานของความจริงและความถูกต้อง และในส่วนของผู้นำชุมชน / แกนนำในชุมชน / ส.อบต./ผู้ปกครอง/ผู้อำนวยการสถานศึกษา ให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้นและพร้อมร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา ของเด็กและเยาวชนด้วยความเต็มใจ
โดยผู้นำชุมชน พร้อมที่จะเป็นแบบอย่างให้ลูกหลานได้อย่างภาคภูมิใจ ในการทำงานโครงการสมัชชาที่จะให้ประสบผล สำเร็จในพื้นที่นั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือทีมงานโดยทีมผู้นำและผู้ที่มีอิทธิพลด้านความคิดในชุมชน ใช้รูปแบบความรักแห่งความเข้าใจ(LLOVE model) ในการทำเวทีสมัชชา และสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีได้ พูดได้และต้องทำได้ ใช้นวัตกรรมที่ได้จากงานวิจัย ได้แก่ “แบบอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน” ให้ชุมชน เยาวชน สามารถยึดถือเป็นแบบอย่าง และให้ความสำคัญของคนทุกคนในชุมชน พฤติกรรมการทำดีให้ลูกหลานเบิ่ง ยกย่องคนดีในชุมชน เกิดนโยบายสาธารณะในพื้นที่ ที่ทุกคนช่วยกันออกกำหนดข้อบังคับที่ทำขึ้นเพื่อชุมชนและสุขภาวะของคนในชุมชน ซึ่งจะนำไปสู่วัฒนธรรมประเพณีและค่านิยมที่ดี ที่คนหนองภัยศูนย์ได้ช่วยกันร่วมมือกันออกแบบเพื่ออนาคตของหมู่บ้านและลูกหลานต่อไปในวันข้างหน้า
การทำสมัชชาในครั้งนี้ พบว่า ทีมงานมีความสำคัญเป็นอันดับแรก และการทำงานต้องมีพหุภาคี จากหลากหลายทุกภาคส่วนได้เรียนรู้ถึงความร่วมมือการใช้ทฤฎีสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขาของอาจารย์หมอประเวศ วะสี เป็นตัวขับเคลื่อน นอจากนี้แล้ว ทีมงานยังได้เรียนรู้ถึงวิธีการคิดในการแก้ไขปัญหาของคนในชุมชน เกิดกระบวนการเรียนรู้ จากการประชุม อบรม สู่การปฏิบัติจริง เกิดการจัดการความรู้ จากแนวคิด ทฤษฎี สู่การปฏิบัติเกิดเวทีสมัชชาสุขภาพภาคปฏิบัติ อย่างมีระบบมีมีขั้นตอน มีรูปแบบชัดเจน ทำให้สามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้
ลักษณะการทำงานแบบนี้ส่งผลให้เกิด ปัญญาปฏิบัติ ในการที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้นและประเด็น ปัญหาสุขภาพอื่นๆที่สำคัญ เนื่องด้วยทีมงานถูกถามย้อนกลับ จากลูกหลานว่า “เจ้าเฮ็ดดีแล้วบ่พ่อใหญ่จั่งมาบอกไทข้อย” การดำเนินงานสมัชชาต้องเริ่มจากจุดเล็กๆ ที่เกิดจากความต้องการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ โดยใช้รูปแบบ LLOVE Model ซึ่งเป็นการใช้รูปแบบของความรักแห่งเข้าใจ ในในการเรียนรู้เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน ให้โอกาสกับคนทุกคน มีจิตใจสาธารณกุศล โดย เริ่มต้นจากตัวเอง เป็นผู้นำการปลี่ยนแปลง การเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูกหลานและเยาวชนคนในครอบครัว ซึ่งยืนหยัดอยู่บนพื้นฐานแห่งความจริง ความรักความเข้าใจและความปรารถนาดีไม่มีสิ้นสุด ได้แก่
L = Leader = การมีภาวะผู้นำที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของชุมชนไปในทิศทางที่ดีและคนในชุมชนทุกคนได้ผลประโยชน์ร่วมกัน เห็นปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วอยากลงมือทำช่วยกัน
L = Learning = การเรียนรู้ เรียนรู้ทุกอย่างอย่างมีเหตุและผล และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ภูมิปัญญาของกันและกัน ในการหาทางออกปัญหา ร่วมกัน โดยพื้นฐานแห่งความรักความเข้าใจและจริงใจ มีความปรารถนาดีต่อกัน
O = Opportunity = การให้โอกาสกับทุกคนรอบข้าง ตัวเอง คนทุกคนในชุมชนทุกสิ่งทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ ไม่มีอะไรที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์นี้ ที่เราทำไม่ได้
V = Volunteer = การมีจิตใจเสียสละ อุทิศตนเพื่อส่วนรวม เพื่อคนอื่น มีจิตอาสา มองผลประโยชน์ของชุมชนเป็นที่ตั้ง
E = Evaluation = การประเมินผลติดตามความต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ ในชุมชน คอยควบคุมกำกับติดตามอย่างใกล้ชิดและห่วงใยตลอดเวลา
เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในพื้นที่แล้ว ชุมชนต้องการอยากช่วยกันแก้ไข ต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการตามรูปแบบดังกล่าว แล้วชักชวน ชี้แจงให้คนในพื้นที่ ได้เข้าใจรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วลงมือทำร่วมกัน โดยใช้เวลาที่เหมาะสม ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ เจริญเติบโต อย่าไปรีบเร่งมากนัก ให้เวลาได้เรียนรู้ ได้อยู่กับปัญหา กับความจริง ได้เข้าใจถึงแก่นแท้และรากเหง้าของมัน แล้วจะนำพาไปสู่การสร้างสุขภาวะของชุมชนได้อย่างแท้จริง
ซึ่งทั้งหมดนี้ได้เกิดขึ้นในพื้นที่ตำบลหนองภัยศูนย์และกำลังขยายผลไปยังหมู่บ้านใกล้เคียง จากคำพูดของ สมาชิก อบต.คนหนึ่งในหมู่บ้านว่า “ผมภาคภูมิใจหลายที่งานศพของของแม่ผมปลอดเหล้าและบ่มีผู้ใหญ่มากินเหล้ามาสูบยาในงานทำให้ผมประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้หลายพอสมควร สมัยที่พ่อผมตายเมื่อปีที่ผ่านมา เงินค่าเหล้าค่ายาสูบไปเซนต์ไว้ร้านค้า ประมาณสามหมื่นบาท ขอขอบคุณทีมงานสมัชชาสุขภาพที่ได้ให้โอกาสแก่งานศพของแม่ผมได้เป็นตัวอย่างให้ชุมชนได้อย่างภาคภูมิใจ และเงินที่ช่วยประหยัดค่าใข้จ่ายจะนำไปเป็นทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนในโอกาสต่อไป”
เลขาสมัชชา คุณพ่อรังสิทธิ์ คำสีทา ผู้ช่วยกำนัน/ ประธานอปพร.ตำบลหนองภัยศูนย์ ได้พูดถึงว่า “ในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาในชุมชนพวกเฮาต้องช่วยกันเฮ็ดจริงๆจังๆ และต้องชี้ให้ทุกคนในชุมชนเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมันบ่แม่นของผู้ใด๋ผู้หนึ่ง มันเป็นของพวกไทเฮาทุกคนที่ต้องร่วมมือกันซอยกันแก้ไขอย่านิ่งดูดาย โดยเฉพาะผู้นำต้องทำเป็นแบบอย่างให้ไทบ้านเพิ่นเบิ่งให้ลูกหลานได้ทำตามได้ เพราะเด็กน้อยเยาวชนคนหนุ่คนสาวพวกเขา คืออนาคตของหมู่บ้านของประเทศชาติในมื้อข้างหน้าต่อไป”
“พี่น้องเอ่ย ฟานมากินบักขามป้อมมันเลยไปคาคอหมั่ง ซั้นแหลว ครั้นหมั่งบ่ขี้ สามมื้อกระต่ายตาย พอกระต่ายตายแล้วเห็นอ้มก็เน่านำ” จากสุภาษิตคำโบราณบทนี้เตือนให้พวกเรารับรู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนถึงแม้ว่าจะใม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่มันทำให้มีผลกระทบต่อทุกคนที่อยู่ในระแวกบ้านเดียวกัน ถ้าทุกคนไม่รีบหาทางแก้ไขช่วยกัน มันอาจจะต้องส่งผลถึงคนทุกคนที่อยู่ในชุมชนได้
LLOVE model จึงเป็นเครื่องมืออีกรูปแบบหนึ่งของชุมชนตำบลหนองภัยศูนย์ ที่ได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนที่สูบบุหรี่และดื่มของมึนเมาได้ อย่างภาคภูมิใจ แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่พวกเราก็ได้ทำด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่ ได้อย่างสวยงามตลอดไป.
แนวคิดนี้ได้ถูกติพิมพ์ในงาน อีสานสร้างสุข ที่อุบลปี 2552 ครับ
ช่วยคอมเม้นเต็มที่ครับ