ก้านแมงจินูน บุญช่วย มีจิต
ทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อน
ก่อนที่จะได้อ่านต่อไปใคร่ขอทำความเข้าใจกับท่านผู้อ่านก่อน เกี่ยวกับศัพท์และความหมายของคำที่ใช้ เพราะคำบางคำจำเป็นต้องใช้ภาษาถิ่น เพราะเมื่อแปลออกมาแล้วไม่ได้ความหมายหรือความรู้สึกเหมือนภาษาเดิมเขา
คำว่า “ ก้าน” ไม่ได้หมายถึงกิ่งไม้ หรือ ส่วนใดส่วนหนึ่งของกิ่งไม้เลยแม้แต่น้อย แต่ก้านคำนี้เป็นคำกริยา หมายถึงใช้ไฟส่องหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งในที่มืด
“ แมงจินูน” ตัวแมลงชนิดหนึ่งสีน้ำตาลอมแดง ชอบกินใบไม้อ่อน ๆ เช่นใบมะขาม ตะโก ติ้ว เป็นต้น ตัวเล็ก ๆ นำมาคั่วไฟอ่อน ๆ รับประทานกับข้าวเหนียวอร่อยดีนัก คนอีสานชอบกินเป็นประจำ บางแห่งเรียก แมงขะหนูน แมงอิฮูม แล้วแต่ท้องถิ่น แต่หมายถึงแมลงกินใบไม้ชนิดเดียวกัน
แมลงชนิดนี้ใช่ว่าจะมีทุกฤดูก็หาไม่ แต่จะมีเฉพาะหน้าแล้งใบไม้ผลัดใบ ออกใบอ่อนพวกมันก็จะพากันมากินใบไม้ตอนหัวค่ำ ถ้าตกดึกพวกมันกินอิ่มแล้วก็จะบินไปที่อื่น และกลางวันก็จะหลบซ่อนตัวตามพุ่มไม้หรือพื้นดิน แต่พอตะวันตกดินตอนหัวค่ำก็จะพากันออกมากินใบไม้เต็มไปหมด จะสังเกตว่าต้นไหนมีแมงจินูนมากินมากหรือน้อย ต้องดูที่ใบไม้(ส่วนใหญ่จะเป็นตันมะขาม) จะเห็นแหว่ง เหี้ยนโกร๋นไปทั้งต้น แสดงว่าพวกเขามากินกันมาก
กรรมวิธีการจับแมงจินูนแบบเดิม ๆ ก็ใช้ตะเกียง หรือ กะบอง ( ขี้ใต้ ) ส่องให้แสงสว่าง เจ้าแมงจินูนก็จะจับแทะกินใบไม้เต็มไปพรืดหมด พวกเราก็จะเก็บ ( จับ ) ใส่ตะข้อง หรือ กระป๋องน้ำใส่น้ำนิดหนึ่งกันไม่ให้พวกมันบินหนี ถ้าเป็นต้นไม้สูง ๆ เก็บไม่ถึงก็จะเขย่าลำต้นให้มันร่วงลงดินแล้วก็แย่งกันเก็บ
การออกไปก้านแมงจินูนนี้ เป็นกิจกรรมที่สนุกสนานมาก เด็ก ๆ ชอบ เพราะไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ เฉพาะเพื่อนซี้ที่รู้ใจ คุยกันไปเก็บกันไป ถ้าโตเป็นหนุ่มเป็นสาวก็ถือโอกาสจีบกันไปจนลืมเก็บแมงจินูนเลยก็มี ตอนหัวค่ำจะมองเห็นแสงไฟส่องวับ ๆ แวม ๆ อยู่ทั่วไปตามสุมทุมพุ่มไม้ หรือ ใต้ต้นไม้ สักพักหนึ่งก็จะเดินทางกลับบ้าน
เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพราะขี้ใต้ก็ทำเองจากน้ำมันยางผสมขอนดอก(ไม้เนื้ออ่อนผุ ๆ ) ห่อด้วยใบไม้ตองกุง แต่ปัจจุบันใช้ตะเกียงแก๊ส แบตเตอรี่ หรือ ไฟฉายให้แสงสว่างแทน และแมงจินูนที่ว่าก็หาได้ยากกว่าแต่ก่อน ต้นหนึ่ง ๆ มีไม่กี่ตัวเท่านั้นเอง นั่นเพราะจำนวนคนหามากขึ้น และที่สำคัญไม่ได้หาพอคั่วกินเพียงวัน ๆ เท่านั้น แต่หาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะเอาไปขายที่ตลาดได้ จึงทำให้ปริมาณแมงจินูนลดลงอย่างน่าใจหาย อีกไม่นานคงจะเป็นแมงสงวนหรือสูญพันธุ์ไปในที่สุด
ไม่มีความเห็น