เมื่อก่อนผมก็ไม่เข้าใจ เรื่องของ มโนกรรมหรือกรรมทางใจสักเท่าไหร่ (ตอนนี้ก็อาจยังไม่เข้าใจ) ทำไมแค่การไปคิดเรื่องไม่ดี ทั้งต่อตัวเองและคนอื่นต้องถือเป็น "กรรม" ที่ไม่ควรทำ และเป็น "อกุศลกรรม" เพราะหากเรายังไม่ไปทำอะไรใคร หมายถึง "กายกรรม" หรือว่ากล่าวใคร หมายถึง "วจีกรรม" ก็ไม่น่าจะ "บาป" เพราะยังไม่ทำให้ใครเดือดร้อนนี่ ตอนนี้พอจะเข้าใจแล้วว่า "จิตก่อนตาย" เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะนำให้เราไปไหน ทำดีมาแทบตายทั้งชีวิต แต่จิตก่อนตายกลับเป็น "อกุศล" ก็อาจต้องไป "อบายภูมิ" กันก่อน ตัวอย่างที่พระอาจารย์มิตซูโอะ ยกมาทำให้ผมพอจะเข้าใจได้ ๒ อย่าง นั่นคือ
ในชีวิตประจำวันบ่อยครั้งที่เราก็ "ประมาทในเรื่องของจิต" ผมชอบยกตัวอย่างเรื่องการขับรถ ตามประสาคนอยู่ในกรุงเทพฯ หากมีคนขับรถมาปาดหน้าเรา รอไม่พอใจ จะด่า สบถ หรือคิดโมโหในใจก็ตาม ขณะนั้นเกิดมีรถอีกคันขับมาชนเราอย่างแรง เราเสียชีวิตทันที ใครรับกรรมครับ ก็น่าจะเป็นเรา เพราะจิตขณะโมโหนั้นน่าจะนำพาเราไป "อบายภูมิ" ส่วนคนที่ขับรถปาดหน้าเราก็อาจไม่ได้มารับรู้ "กรรม" ของเรา (ผมใช้คำว่า "อาจ" เพราะเรื่องของ "กรรม" เป็นเรื่องที่ซับซ้อน)
ÄÄ..ท่านพุทธทาส..แปล..คำว่า..กุศล ว่า..ความฉลาด..อาจจะ..คิดเป็นว่า..ความฉลาดแห่งผลการกระทำ..(กรรม)..คือรู้ว่าอะไรเป็นอะไรบริสุทธิ์และบริบูรณ์รู้สิ้นรู้จริงถึงไตรลักษณ์..อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา..ที่จริงก็ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนใดๆๆ...เพราะมันเป็นจริงอยู่ดังนั้น..แล...
ขอบคุณครับ คุณยายธี เมื่อเข้าใจ อนัตตา ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะไม่มีอะไรให้ซับซ้อน แต่กว่าจะไม่มีอะไรให้ซับซ้อน ก็ต้องพยายามหลุดไปจากความซับซ้อนครับ