โดยทั่วไปการเลี้ยงไหมของเกษตรกรในอดีตจะใช้ใบหม่อนพันธุ์พื้นเมือง เช่น หม่อนไผ่ หม่อนน้อย คุณไพ หม่อนสร้อยมีลักษณะใบบาง ผลผลิตต่ำ เลี้ยงไหมโดยใช้พันธุ์ไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน ต่อพันธุ์เองเก็บพันธุ์เอง ผลผลิตต่ำ ทำการเลี้ยงโดยการสืบทอดจากบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่นเรื่อยมา ต่อมามีการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์หม่อนได้พันธุ์หม่อนพันธุ์ส่งเสริมหลายพันธุ์ที่มีคุณภาพดีมีผลผลิตใบหม่อนสูงใบหม่อนมีคุณค่าทางอาหารเหมาะสมที่จะนำมาเลี้ยงไหมแต่ละวัย เช่น ทนแล้งได้ดี ต้านทานโรคราสนิมฯ ใช้พันธุ์ไหมจากศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ (กาญจนบุรี) ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้แข็งแรง ผลผลิตดีมีการแนะนำการเลี้ยงที่เหมาะสม
เกษตรกรที่จะเลี้ยงไหมต้องมีการเตรียมแปลงหม่อนมีการจัดการแปลงหม่อนให้พร้อมและเพียงพอก่อนที่จะนำไข่ไหมมาเลี้ยงเกษตรกรของจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนใหญ่ประสบปัญหาใบหม่อนไม่เพียงพอกับการเลี้ยงไหมในช่วงวัย 4 และวัย 5 (วัยแก่) ซึ่งเป็นช่วงที่หนอนไหมมีความต้องการกินใบหม่อนในปริมาณมากเนื่องจากช่วงฤดูแล้งต้นหม่อนขาดน้ำทำให้ใบหม่อนเหลืองร่วงหล่นไม่เพียงพอในการนำมาใช้เลี้ยงไหม ส่วนในฤดูฝนเกษตรกรจะประสบปัญหาหม่อนเกิดโรครากเน่าซึ่งยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ในพื้นที่ที่เคยเกิดโรครากเน่ามักจะเกิดปัญหาซ้ำอีกเมื่อนำหม่อนไปปลูกในพื้นที่เคยเกิดโรครากเน่า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรขาดแคลนใบหม่อนในการเลี้ยงไหม
เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมบ้านทุ่งนางครวญ หมู่ 6 ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ประสบกับปัญหาดังกล่าวเช่นกัน นางไสว ถาวงค์กลาง และนายทองลวด แหงไธสง เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในกลุ่มนี้ มีสมาชิกประมาณ 6 - 10 ราย ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเป็นอาชีพเสริม เลี้ยงไหมปีละ 5 - 8 รุ่น ส่งเส้นไหมให้กับโครงการศูนย์ศิลปาชีพฯ
นางไสว ถาวงศ์กลาง และนายทองลวด แหงไธสง ตลอดจนสมาชิกในกลุ่มแก้ไขปัญหาการขาดแคลนใบหม่อนโดยการใช้ใบหม่อนป่าซึ่งมีในป่าบนภูเขาใกล้หมู่บ้านมาเลี้ยงไหม บางรายนำหม่อนป่ามาปลูกบริเวณข้างบ้านเพื่อเก็บใบหม่อนเลี้ยงไหมช่วงไหมวัย 4 และวัย 5 ในช่วงที่ใบหม่อนปกติที่ปลูกไว้ไม่เพียงพอ
จากการติดตามผลการเลี้ยงไหมของเกษตรกรและการให้ข้อมูลของเกษตรกรพบว่ามีการใช้ใบหม่อนป่ามาเลี้ยงไหมในช่วงวัย 4 และวัย 5 เพื่อแก้ไขปัญหาใบหม่อนไม่เพียงพอในการเลี้ยงไหมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 โดยผลผลิตรังไหม เส้นไหมที่ได้ไม่แตกต่างจากการเลี้ยงโดยใบหม่อนปกติมากนัก ซึ่งวิธีการในการเก็บ ใบหม่อนป่าเกษตรกรปฏิบัติเช่นเดียวกับหม่อนปกติโดยการตัดกิ่งรูดใบหม่อนใช้ผ้าชุบน้ำคลุมเพื่อรักษาคุณภาพของใบหม่อนขณะขนส่งและรอนำไปเลี้ยงไหม
ลำต้นหม่อนป่าในสภาพธรรมชาติ
ลักษณะใบหม่อนป่าชนิดใบแฉก
ลักษณะใบหม่อนป่าชนิดใบโพธิ์/หลังตกแต่ง
การปฏิบัติของเกษตรกรในการนำหม่อนป่ามาเลี้ยงไหม
1. การเลี้ยงไหมวัยอ่อนวัย 1 – วัย 3 ใช้เวลาในการเลี้ยง 12 วัน
เลี้ยงโดยให้กินใบหม่อนปกติ พันธุ์ส่งเสริม
ภาพการใช้ใบหม่อนป่าที่นำมาทดสอบเลี้ยงไหมวัยอ่อนถึงวัย 5 ดำเนินการในศูนย์ฯ
2. การเลี้ยงไหมวัยแก่วัย 4 และวัย 5 ใช้เวลาในการเลี้ยง 13 วัน
ไหมสุกทำรังใช้เวลา 5 วัน
เลี้ยงโดยให้กินใบหม่อนป่าไม่มีใบอ่อนยอดอ่อนติดมา
ภาพการทดสอบใช้หม่อนป่าเลี้ยงไหมวัย4 - วัย5 ดำเนินการในศูนย์ฯ
3.ผลผลิตรังไหมที่ได้
นำรังไหมมาสาวได้เส้นไหมได้รังไหม 12 กิโลกรัม สาวได้เส้นไหม 1 กิโลกรัม
รังไหมที่เลี้ยงโดยใช้ใบหม่อนปกติพันธุ์ส่งเสริม
รังไหมที่เลี้ยงโดยใช้ใบหม่อนป่าตั้งแต่วัย1 - วัย5
จากข้อมูลดังกล่าวที่ได้รับจากเกษตรกรพบว่าเกษตรกรไม่เคยนำใบหม่อนป่าเลี้ยงไหมวัยอ่อน ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ (กาญจนบุรี) จึงได้ทดสอบนำใบหม่อนป่ามาเลี้ยงไหมวัยอ่อนตั้งแต่แรกฟักจนถึงวัย 3 และเลี้ยงต่อไปจนถึงวัย 5 ผลก็คือหม่อนป่าสามารถใช้เลี้ยงไหมได้ทั้งวัยอ่อนและวัยแก่จนถึงไหมสุกทำรังซึ่งการนำใบหม่อนป่ามาเลี้ยงวัยอ่อนจะทำให้ตัวหนอนไหมได้ช้ากว่าปกติประมาณ 1.5 – 2 วัน เปลือกรังบาง รังเล็กกว่าการเลี้ยงด้วยใบหม่อนปกติ การเจริญเติบโตของหนอนไหมในช่วงวัยอ่อนจะโตช้ากว่า (นอนช้ากว่า) หนอนไหมที่กินใบหม่อนปกติ 1.5 – 2 วัน
หมายเหตุ หม่อนป่าสามารถนำมาปลูกในแปลงปลูกหม่อนปกติได้ ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ (กาญจนบุรี) กำลังจะดำเนินการศึกษาทดสอบเพื่อพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้นี้เพื่อให้เกิดการพัฒนาด้านหม่อนและทำให้เกิดการพัฒนาด้านอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและวงการหม่อนไหมต่อไป
ที่มา ผู้ให้ข้อมูล นางไสว ถาวงศ์กลาง บ้านเลขที่ 57 หมู่ 6 บ้านทุ่งนางครวญ ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
นางไสว ถาวงศ์กลาง ผู้ให้ข้อมูล
ผู้รวบรวมและเผยแพร่นางพรไสว ชุ่มบุญชู ตำแหน่ง นักวิชาการเกษตรชำนาญการ
ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ (กาญจนบุรี) โทร. 034-552237 มือถือ 081-8806727
สงสัยว่าจะกินเพื่อความอยู่รอด