ราเมงอาหารในแบบฉบับของคนญี่ปุ่น ที่คนไทยจะต้องคุ้นเคย


MGalleryItem

โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นอาจารย์แบงค์ http://www.ajarnbank.com/

   ถ้า จะพูดถึงก๋วยเตี๋ยวถ้าเป็นคนไทยก็จะนึกถึงเส้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เส้นหมี่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นบะหมี่ และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ถ้าเราจะถูกถึงประเทศญี่ปุ่นแล้วคงจะไม่มีเส้นจำพวกนี้มากเหมือนประเทศ ไทย คนไทยจะต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีถึงคำว่า "ราเมง" ที่คุณจะต้องเคยรับประทานกันมาบ้าง แล้วรู้กันหรือไม่ว่า ประเภทของราเมงจะมีอะไรกันบ้าง และแต่ละประเภทจะมีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร วันนี้อาจารย์จะนำราเมงแต่ละประเภทมีอะไรบ้าง


   "รา เมง" เป็นอาหารอีกอย่างหนึ่งที่นิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น ถ้าฝั่งตะวันตกยก ให้แฮมเบอร์เกอร์เป็นอาหารจานด่วน ที่ญี่ปุ่นก็ต้องยกให้ราเมงเป็นอาหารจาน ด่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากกว่า แฮมเบอร์เกอร์ ที่ญี่ปุ่นจึงมาร้านราเมงพุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด พอๆ กับร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านเราเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละแห่งก็มักจะมีสูตรน้ำ ซุปที่เป็นสุดยอดเคล็ดลับของแต่ละร้าน


   การ จะทำราเมงให้อร่อนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องใช้เวลาเคี่ยวน้ำซุป จากกระดูกเป็นเวลาหลายชั่วโมง หรือบางแห่งอาจนานถึง 8 ชม. เลยทีเดียว เพราะรสชายหลักของราเมงนั้นจะแตกต่างกันก็ตรงน้ำซุปนี่ แหละ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าน้ำซุปของราเมงนั้นจะอร่อย หวาน กลมกล่อมแค่ไหน และทำไมนั่งกินราเมงแล้วถึงไม่มีเครื่องปรุงเหมือนไป นั่งโซ้ยก๋วยเตี๋ยว เหมือนบ้านเรา ที่ต้องใส่พริงหนึ่งช้อน น้ำส้มสายชูสองช้อน น้ำตาลครึ่งช้อน เรียกได้ว่าถ้ากินราเมงก็ไม่ต้องปรุงเพิ่มแต่อย่างใด หาก เผลอไปปรุงเข้าอาจจะโดนเจ้าของร้านค้อนให้ได้ เพราะฉะนั้นอย่างที่ได้กล่าว ข้างต้นไปแล้วว่าน้ำซุปของแต่ละร้านจะมีรสชาด แตกต่างกัน มีทั้งน้ำซุปที่เคี่ยวจากกระดูกไก่ , กระดูกหมู, ปลาซาดีน หรือ (niboshi) นอกจากนั้นยังมีน้ำซุปที่ปรุปจากสาหร่ายนานาชนิด น้ำซุปจากผักต่างๆ เช่น หัวผักกาด ขิง กระเทียม ต้นหอม และเห็ด

 

เราสามารถจำแนกราเมง ได้ 4 แบบด้วยกัน คือ

 

     1. Shio ramen คือ ราเมนน้ำซุปที่ปรุงรสจากเกลือ ผัก ไก่หรือกระดูกหมู น้ำซุปจะมีสีเหลืองใสๆ รสชาติเบาๆ และเส้นบะหมี่ส่วนใหญ่จะใช้แบบเส้นตรงและเล็ก ท็อปปิ้งด้วย สาหร่ายทะเล ไข่ต้ม หมูชาชู (หมูย่างหั่นสไลด์) วางไว้อยู่บนราเมนอีกด้วย

 

Shio-ramen

 

รูปตัวอย่างของ Shio ramen

 

2.  โชยุ ราเมนซุป (Shoyu ramen Soup)

     Shōyu ramen น้ำซุปที่ใช้ซอสถั่วเหลืองเป็นส่วนผสม สีออกน้ำตาล หรือใส

     เคล็ด ลับความอร่อยของ น้ำซุปโชยุ (Shoyu) "soy sauce" อยู่ที่การตุ๋นน้ำซุปซึ่งใช้เวลานานกว่าค่อนวันเพื่อให้ความ หวาน ความหอมและรสชาติที่กลมกล่อม ปรุงด้วยซ๊อสโชยุอย่างดีที่นำเข้ามาจาก ประเทศญี่ปุ่น ให้ความเป็นซุปราเมนขนานแท้ซึ่งมีสีน้ำตาลใส นิยมทานกับเส้น ramen เส้นเล็กแบบลอนมากกว่าเส้นชนิดตรง เสิร์ฟร้อนๆให้น้ำลายสอกันเลยทีเดียว


Shoyu-Ramen

 

รูปตัวอย่างของ Shoyu ramen

 

3. Tonkotsu ramen (ทงคัสซึ ราเมน) คือ รา เมงในน้ำซุปกระดูกหมูสีขาวขุ่น น้ำซุป ทำจากน้ำซุปที่เคี่ยวด้วยกระดูกหมูนานหลายชั่วโมง จนหอมและมีรส ชาติที่เข้มข้นกลมกล่อม น้ำซุปมีลักษณะสีขาวขุ่น อร่อยล้ำโดยแทบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม ซุปทงคัสซึ (Tonkotsu soup) นิยมทานกับเส้นราเมนเส้นบางๆตรงๆ บางคนก็ใส่โชยุหรือน้ำมัน กระเทียม,น้ำมันงาพริกเผาเพื่อให้รสเข้มข้นขึ้น

     ลักษณะของซุปทงคัสซึ (Tonkotsu soup) จะคล้ายซุปกระดูกหมูของจีนที่มีสีขาวเช่นกัน เรียกว่า "Bai tang" (ป๋ายทัง) มีรสชาติออกหวาน


tonkotsu-ramen

 

รูปตัวอย่างของ Tonkotsu ramen

 

4.  มิโซะ ราเมนซุป (Miso Ramen Soup) มีต้นกำเนิดจากฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เอกลักษณ์เฉพาะตัวคือเต้าเจี้ยวบดที่เป็นองค์ประกอบหลัก ให้ความหอม มัน เค็ม กลมกล่อม ของถั่วเหลืองหมักที่อุดมไปด้วยไฟโตนิวเตรียนที่มีส่วนช่วยเสริม สร้างกระดูก ลดอาการขณะเริ่มหมดประจำเดือน จัดว่าเป็นเมนูสำหรับผู้ที่รัก สุขภาพไม่ควรพลาด

santa_miso_ramen

 

รูปตัวอย่างของ Miso ramen

 

 

   โดย ทั่วไปราเมงก็จะมี negi (ต้นหอม), shinachiku (หน่อไม้), nori (สาหร่าย), yakibuta (หมูแฮมหมัก), ไข่ต้ม เป็นต้น แต่ราเมงในเมนูตามร้านราเมงนั้นมักจะตั้งชื่อตามหน้าราเมง หรือ ตั้งตามท๊อปปิ้งที่ใส่ไว้บนราเมง เช่น

 

 

   เวลา กินราเมงที่ร้านราเมงที่ญี่ปุ่นนั้นก็ไม่ต้องสงวนท่าทีเพราะสามารถทำเสียง ดังเวลาซดน้ำ หรือสูบเส้นเข้าปากได้ไม่มีใครมาคอยส่งค้อนให้แน่นอน เพราะถือเป็นธรรม เนียมปฎิบัติกันเลยทีเดียว ยิ่งซดน้ำเสียงดังเท่าไหร่แสดงว่าราเมงชามนี้ อร่อยสุดๆ ไปเลย แต่ถ้ามาทำเสียงซดดังๆ แบบนี้ที่ร้านอาหารในเมืองไทย 

 

เนื้อเรื่องโดย  อาจารย์แบงค์

ภาพโดย  ทีมงานโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นอาจารย์แบงค์ www.ajarnbank.com

 


หมายเลขบันทึก: 466237เขียนเมื่อ 26 ตุลาคม 2011 14:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม 2012 12:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท