จากที่ตั้งใจ ตั้งเป้าไว้สำหรับการฝึกฝนตนเอง ดั่งที่เขียนไว้ในบันทึก Task นั้น
ได้ทดลองฝึกมาได้ระยะหนึ่งนั้น...
ก็ยังให้ผลการปฏิบัติได้ไม่ดี
นั่นสะท้อนให้เห็นถึงกำลังของจิตกำลังของใจเราว่าเป็นเช่นไร...
ยังฝึกไม่พอ ยังเพียรไม่พอ
...
วันนี้มี...
และรวมถึงบันทึกนี้ ได้ ๖ บันทึก จากตั้งเป้าหมายไว้ ๗ และตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้ว
การเขียนอยู่ที่บ้านและอยู่ที่วัด
ดั่งนั้นการพากเพียรจึงต้องมากกว่าเดิม
เพราะบ้านแม่นั้นต้องใช้สมาธิอย่างมาก และการใคร่ครวญพิจารณา ซึ่งก็ไม่ได้ลื่นคล่องเหมือนอยู่ที่วัด...
วัดผลอาศัยผลของงาน
และพิจารณาพลังงานจากใจที่หนุนนำให้ทำความพากเพียรต่อไป
...
แล้วฝึกอย่างไรเล่า?
ก็ฝึกเจริญสติและการฝึกใช้สัมปชัญญะ...ให้มีมากขึ้น
ที่สำคัญ คือ สติและสมาธิ
ส่วนเรื่องการทานอาหารก็มีผล ทานหนักเกินไปก็เป็นอุปสรรค
ไม่เหมือนอยู่ที่วัด ซึ่งทานเพียงมื้อเดียว...แต่ที่บ้านแม่มีโอกาสได้ทานข้าวพร้อมแม่
...
๒๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔
การเขียนสามารถเยียวยาชีวิตของผมเองได้
ตอนแรก ๆ ผมไม่รู้ว่า...จะเขียนอะไรดี
ก็เริ่มขึ้นเรื่องราวของตนเอง และสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวัน
และที่แน่ ๆ เขียนแล้ว...ไม่ต้องการทำลายผู้ที่เข้ามาอ่านครับ
ขอบพระคุณอาจารย์...ที่ทำให้ผมได้เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้
ได้เขียนบันทึกเกือบทุกวัน
แต่ก็มีบางวันที่ใจเราไม่นิ่งกับสิ่งที่เข้ามากระทบในใจ
ทำให้เหลวไหลต่อคำสัญญา (1 ปี) ของตนเองไม่ได้
ค่อย ๆ ขัดเกลาใจผ่านการเขียน
และมีสติกับการเขียน
สติ ที่ไม่ใช่ คิดก่อนเขียนนะครับ
แต่เป็นที่รู้ตัว
ไม่ใช่รู้แต่เขียนนะครับ
ขอบพระคุณนะครับ