ชุมชนเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
เมื่อเอ๋ยถึงนักท่องเที่ยวหลายคนรู้จัก
ซึ่งเป็นชุมชนที่ขึ้นชื่อในการท่องเที่ยว
ผู้คนจะเดินทางมาเลือกชมและซื้อสินค้าหัตถกรรมผ้าไหมและที่สำคัญเครื่องเงิน
หรือปะเกือมนั่นเอง ซึ่งที่นี่จะมีภูมิปัญญาด้าน
หัตถกรรมอยู่ทุกหมู่บ้าน
เมื่อก่อนสุภาพสตรีก่อนออกเรือนก็จะต้องทอผ้าไหมเป็น
การผลิตสินค้าเพื่อใช้เอง
รวมทั้งผลิตเพื่อการจำหน่ายในยุคปัจจุบัน
จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้มาเยือนและท่องเที่ยวชมนั่นเอง ณ
วันนี้เอง
แหล่งผลิตผ้าไหมเขวาสินรินทร์ได้เปิดตัวการท่องเที่ยวอย่างเต็มความภาคภูมิ
เป็นหมู่บ้านทอผ้าไหมนาตัง (Thai Silk Village)
และเป็นหมู่บ้านโฮมเสตย์เพื่อรองรับการท่องเที่ยวอีกด้วย
ซึ่งหากท่านจะเดินทางมาเยือนเขวาสินรินทร์
จึงขอแนะนำเส้นทางการท่องเที่ยว ในดินแเดนหัตถกรรมแห่งนี้
รวมทั้งพาไปชมชุมชนโบราณ
แวะนมัสการพระศักดิ์สิทธิ์ที่ชุมชนโบราณบ้านพระปืด
วัดปราสาทแก้ว ปราสาททอง
เราเริ่มจากการเดินทางออกจากตัวเมืองสุรินทร์ ตามทางหลวง
หมายเลข 214 สายสุรินทร์ - ร้อยเอ็ด มาถึงกิโลเมตรที่ 14
เลื้ยวขวาตรงแยกป้อมยามตำรวจ
เข้าสู่อำเภอเขวาสินรินทร์ประมาณ 1 กิโลเมตรแยกซ้ายมือ
จะเป็นหมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านนาตัง (Thai Silk Village)
ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานนี้เองเป็นหมู่บ้านโฮมเสตย์
และพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมีเที่ยวชมวิถีชุมชน
ภูมิปัญญาท้องถิ่น แหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย
ซึ่งที่นี่มีการย้อมไหมสีธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวเป็นชุมชนแรกๆในการทอผ้าไหมโฮลที่สวยงาม
ก่อนที่จะนำไปขยายการผลิตไปยังชุมชนอื่นๆ
นอกจากท่านจะได้ชมผ้าไหมลายต่างๆพร้อมฐานการเรียนรู้การผลิตแล้ว
ยังมีกลุ่มหัตถกรรมจากเครื่องประดับ
ทองเหลือง เครื่องเงินโบราณให้ท่านได้ชมและเลือกซื้อ
ซึ่งเป็นเครื่องประดับตกแต่งใส่กับชุดผ้าไหมดูโดดเด่นได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้แล้วที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับที่ส่งออกไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน
ลาว เขมร เวียตนาม และพม่าอีกด้วย
บางทีสินค้าที่ท่านซื้อจากช่องผ่านด่านประเทศเพื่อนบ้าน
สินค้าบางชิ้นก็อาจจะมาจากที่นี่
อีกแห่งที่นี่ยังมีบ้านสมุนไพรไทย
เป็นบ้านโฮมเสตย์สัมผัสบรรยากาศที่เป็นกันเองของเจ้าของบ้าน
และบรรยากาศกลิ่นไอธรรมชาติแห่งท้องทุ่ง
ควรแ่ก่การเดินทางมาพักผ่อน
จากนั้นเดินทางต่อ ก่อนถึงบ้านเขวาสินรินทร์
จะผ่านหมู่บ้านนาโพธิ์
ซึ่งบ้านนี้มีกลุ่มอาชีพผลิตสินค้าจากผ้าเป็นศิลปประดิษฐ์แจกันดอกไม้ไว้ประดับตกแต่งภายในบ้านที่สวยงาม
และมีแหล่งผลิตผ้าไหมสีธรรมชาติเป็นกลุ่มอาชีพ บ้านแม่ฮิ่ง
อุนัยบัน
กลุ่มนี้ก็จะมีการเดินทางไปขายและออกร้านในที่ต่างๆอย่างสม่ำเสมอ
แต่ถ้ามาแวะชมเลือกซื้อที่นี่ก็จะได้ราคาพิเศษ
ซึ่งมีผ้าลายต่างๆให้เลือกชมเป็นการผลิตจากภูมิปัญญาของคนที่นี่เอง
เข้าสู่บ้านเขวาสินรินทร์
หน้าทางเข้าหมู่บ้านนี้ด้านซ้ายมือ
ซึ่งขึ้นเนินมาจะเห็นวัดเก่าแก่ของที่นี่
ชื่อว่าวัดโพธิ์รินทร์วิเวก
วัดแห่งนี้ยังมีความสำคัญได้สร้างขึ้ันตั้งแต่ พ.ศ.2247
สมัยพระสุทธิ์ สินรินทร์เป็นเจ้าอาวาส เมื่อผ่านมาประมาณ
800 เมตรทางขวามือจะเห็นอาคารหลังใหญ่เป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าOTOP
เขวาสินรินทร์ ที่นี่
จะมีร้านค้าของชุมชนจากกลุ่มผู้่ผลิตในแหล่งผลิตต่างๆของชุมชน มาเปิดขายสินค้าหัตถกรรมและของที่ระลึก ทั้งผ้าไหม เครื่องเงิน เครื่องประดับ เสื้อผ้าและของที่ระลึกมากมายหลายร้าน ท่านสามารถเลือกชมและซื้อได้ตามอัธยาศัย ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนมาก ก็จะเดินทางตรงมาที่นี่แห่งเดียว หากไม่มีเวลาเดินทางไปชมในแหล่งผลิตอื่นๆ แต่ถ้ามีเวลาอีกหน่อยก็อยากให้เดินทางไปชมแหล่งผลิตเครื่องเงินโบราณที่มีชื่อเสียงของเขวาสินรินทร์ คือเครื่องเงินโบราณบ้่านลุงป่วน เจียวทอง ซึ่งท่านเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ได้รับเกียรติยกย่องเป็นครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 6 ในการทำเครื่องเงินโบราณ ต่อจากนั้นเดินทางไปชมบ้านภูมิปัญญาทอผ้าไหม แม่เอือม แยบดี ครูภูมิปัญญาไทยรุ่นที่ 3 ด้านการทอผ้าไหม ซึ่งมีลูกศิษย์ที่ท่านได้ถ่ายทอดความรู้การทอผ้าหลายรุ่น เยี่ยมบ้านแม่บุญเกื้ัอ คงดี หรือ ร้านแดงบุหงา เป็นภูมิปัญญาด้านร้อยเครื่องเงิน
ประยุกต์
เพราะว่าเมื่อก่อนเมื่อมีการผลิตเครื่องเงินที่เรียกว่า ปะเกือมแล้ว
แม่บุญเกื้อ
เป็นบุคคลที่ริเริ่มนำสินค้าหัตถกรรมเครื่องเงินชิ้นที่ได้มาสร้างสรรค์คุณค่าให้เข้ากับยุคสมัย
โดยการร้อยเครื่องเงินประยุกต์หรือมีการบวกกับหินสีเพื่อให้ใส่ได้กับชุดไปรเวท
นอกเหนือที่จะใส่กับชุดผ้าไหมอย่างเดียว
ภูมิปัญญาทั้ง 3
ท่านนี้ล้วนได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์ทั้งสิ้น
หลังจากที่ได้เลือกชมและซื้อสินค้าของภูมิปัญญาที่นี่แล้ว
ก็เดินทางต่อไปนมัสการพระศักดิ์สิทธิ์
ตามเส้นทางบ้านเขวาสินรินทร์ - บ้านแร่ ประมาณ 5 กิโลเมตร
จะถึงชุมชนโบราณบ้านพระปืด ตำบลบ้านแร่ อำเภอเขวาสินรินทร์
มีลักษณะสถาพทั่วไปของชุมชนเป็นกำแพงคันดินที่ล้อมรอบหมู่บ้าน
ซึ่งนักท่องเที่ยวเองจะไม่ค่อยมีใครทราบว่าที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
ที่ยังคงทิ้งร่องรอยหลักฐานประวัติศาสตร์
ความเจริญทางด้านวัฒนธรรม จากการขุดค้นพบโบราณวัตถุ
กระดูกมนุษย์โบราณ เศษภาชนะดินเผาต่างๆมากมาย
ชุมชนโบราณบ้านพระปืดเป็นชุมชนที่มีคูน้ำคันดินล้อมรอบที่มีสภาพสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่ง
มีตำนานท้องถิ่นที่น่าสนใจ มีโบราณสถานเก่าแก่
และมีวัตถุโบราณที่ค้นพบใหม่เป็นจำนวนมาก
นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าเริ่มตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์
สมัยประวัติศาสตร์ตอนต้น สมัยลพบุรีและัแบบเขมร
สมัยล้านช้าง - อยุธยา หรือแบบท้องถิ่นและสมัยปัจจุบัน
ที่นี่มีพระศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมือง ชุมชนโบราณบ้านพระปืด
ที่ประดิษฐานในองค์ปราสาทแก้ว
ซึ่งพุทธลักษณะสันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลจากศิลปกรรมล้านช้างผสมกับศิลปกรรมแบบท้องถิ่น
ในพุทธศวรรษที่ 21 - 24
และลักษณะที่แสดงให้เห็นถึงศิลปะท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
และมีพระอีกองค์ที่อยู่ในวัดปราสาทแก้ว คือ พระเสี่ยงทาย
หรือพระปราสาทแก้ว
เดิมเคยประดิษฐานอยู่คู่กับพระปืดภายในปราสาืทแก้ว
ปัจจุบันทางวัดได้นำมาไว้บนศาลาการเปรียญ
ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ถูกคนร้ายขโมยไป ถึง 2 ครั้ง
แต่ก็เอาไปไม่ได้ ครั้งแรกชาวบ้านไปพบที่หนองน้ำบ้านบึง
ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกัน และครั้งที่สอง ไปพบที่ในทุ่งนา
บ้านหนองตะครอง บรรดาชาวบ้านที่ไปพบนั้น
ไม่มีใครสามารถยกองค์พระขึ้นได้
จึงพากันไปนิมนต์เจ้าอาวาสวัดปราสาทแก้ว ที่บ้านพระปืด
แล้วอธิษฐานว่าหากเป็นพระคู่บ้านพระปืดจริง
ขอให้ยกองค์พระประสาทแก้วขึ้นได้ พอตั้งจิตอธิษฐานแล้ว
หลวงพ่อก็สามารถยกขึ้นได้โดยง่าย
และนิมนต์กลับมาไว้ที่วัดปราสาทแก้วเหมือนเดิม
ซึ่งเ้หตุการณ์ครั้งนั้นจึงเป็นที่มาของความเชื่อและแรงศรัทธาต่อองค์พระ
ท่านศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ยึดเหนี่ยวพึ่งพึงทางใจของชาวบ้านได้
ผู้คนส่วนมากจะเดินทางมากราบนมัสการ
ขอพรท่านและเสี่ยงทายโดยการยกองค์ท่าน ขั้นตอนเพียงจุดธูป 3
ดอกก้มลงกราบ 3 ครั้ง
แล้วนั่งพนมมือตั้งจิตอธิษฐานเสี่ยงทาย
โดยนั่งคุกเข่าใช้สองมือยกองค์พระ
ซึ่งหลักการยกองค์พระโดยส่วนมากจะนิยมยก 3 ครั้ง
โดยยกครั้งแรกเป็นการขอยกดูน้ำหนักท่านก่อน
เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างในการยกครั้งต่อไป
ครั้ังที่สอง เป็นการอธิษฐาน
ว่าถ้าสิ่งที่เป็นไปได้ดั่งคำที่เราอธิษฐานนั้นๆ
ก็ขอให้ยกองค์หลวงพ่อนั้นขึ้นได้
เมื่ออธิฐานเสร็จแล้วก็ยกขึ้น
หลัีงจากนั้นในครั้งที่สาม เป็นการอธิษฐานแบบเดิม
แต่ครั้งนนี้ถ้าเป็นไปดั่งคำอธิษฐาน
ก็ขออย่าให้ยกองค์หลวงพ่อขึ้นได้
หลังจากยกทั้่งสามครั้งแล้ว ก็าจะเห็นความแตกต่างทันที
ที่เราไ้ด้อธิษฐานไป ยกครั้งแรกจะยกท่านได้่
เพราะ้เป็นการยกดูน้ำหนักท่าน ยกครั้งที่สอง
หากเป็นไปดั่งคำอธิษฐานนั้น ก็จะเห็นว่ายกท่านขึ้นได้
แต่ถ้าไม่เป็นไปดั่งคำอธิษฐานจะยกองค์พระไม่ขึ้น
ส่วนครั้งที่สาม อธิษฐานขออย่าให้ยกท่านขึ้น
ถ้าครั้งที่สองยกขึ้นได้ครั้งที่สามก็จะยกท่านไม่ขึ้น
และอีกอย่างบางคนที่อธิษฐานหรือเกินความจริงไปก็อาจจะเสี่ยงทายไม่ติด
ซึ่งการงานบางประการขึ้นอยู่ที่ตัวของเราเอง
ซึ่ีงหลายคนที่ได้เดินทางไปกราบนมัสการต่างศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อท่าน
พระเสี่ยงทายแห่งวัดปราสาทแก้ว ชุมชนโบราณบ้านพระปืด
เมื่อได้กราบนมัสการองค์หลวงพ่อ เสร็จเรียบร้อยแล้ว
หากมีเวลาก็อาจจะเดินชมตัวปราสาทแก้ว
ซึ่งเป็นโบราณสถานของที่นี่ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งคือ
"ตาคฤห์" อยู่ใกล้กับปราสาทแก้วนั่นเอง
หากท่านชอบสถานที่ท่องเที่ยวโบราณสถานอีกแห่งที่นี่คือ ปราสาททอง
ตั้งอยู่บ้านแสรออ หมู่ 8 ต.ปราสาททอง อำเภอเขวาสินรินทร์
ซึ่งเป็นโบราณสถานร่วมสมัยเดียวกับปราสาทแก้ว
และมีพื้นที่ใกล้กันกับปราสาทเมืองที ต.เมืองที อ.เมืองสุรินทร์
ซึ่ีงปราสาทเหล่านี้นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าสร้างซ้อนทับโบราณสถานขอมสมัยลพบุรี
ซึ่งในอดีตชุมชนโบราณเหล่านี้ยังคงมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
ดินแดนหัตถกรรมผ้าไหมงามและเครื่องเงินโบราณแห่งนี้
พร้อมรอรับท่านที่เดินทางมาเที่ยวชมด้วยไมตรี
ซึ่งในแต่ละปีจะมีงานสืบสานศิลปะวัฒนธรรมของคนท้องถิ่นที่นี่ ในงาน
"นุ่งผ้าไหม ใส่ปะเกือม เรือมกันตรึม"
เป็นงานที่แสดงถึงคุณค่าของวัฒนธรรมแห่งภูมิปัญญาที่ยังคงเป็นอัตลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว
ดังคำขวัญที่ว่า "เขวาสินรินทร์ดินแดนหัตถกรรม
เลิศล้ำภูมิปัญญา ตระการตาผ้าไหม ระบือไกลประคำสวย
ร่ำรวยประเพณี มีปราสาทโบราณ สืบสานเพลงกันตรึม"
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กศน.เขวาสินิรนทร์ 044-582315
ไม่มีความเห็น