หลายครั้งที่เราได้รับ e-mail จากใครก็ไม่รู้ หรือ จากเพื่อนๆ และคนที่เรารู้จักกันดีและหลายครั้งที่เราลบทิ้งไป ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดอ่านข้อความข้างในเลยด้วยซ้ำไป หลายคนอาจคิดว่า ไร้สาระ เรื่องไม่เป็นเรื่อง เพ้อเจ้อ เอาอีกละ เราทำไม่ได้หรอก ทำได้ก็เทพแล้ว โกหกชัดๆ หลอกขายของ เบื่อพวกขาย... หรือ ไวรัสรึเปล่าเนี่ย! แต่ก็มีหลายคนที่เปิดอ่าน ก็อาจจะมีหลายสาเหตุ/เหตุผล เช่น
1. ผู้ส่งเป็นคนที่เรารู้จัก
2. เผลอกดไปแล้ว ลองอ่านดู
3. ชื่อเนื้อหาที่ส่งมาน่าสนใจ/โดนใจ/ตรงกับสิ่งที่อยากรู้ในช่วงนั้นๆ
4. ว่างๆ ลองดูสิว่าจะส่งอะไรมา
5. ลองของ เช่น ทดสอบการทำงานของ Anti Virus
ด้วยเหตุผลใดๆ ก็ดี ผมก็ตกอยู่ในกลุ่มของคนที่เปิดอ่าน แล้วพบว่า ในจุดดำก็ย่อมมีจุดขาว (ขอยืมคำพระอาจารย์มาใช้นะครับ) หลายข้อความ เป็นกำลังใจให้ผลในช่วงที่มีปัญหาต้องขบคิด หลายครั้งที่เปิดอ่าวแล้วเห็นใจ ช่างตรงกับชีวิตเราจริงๆ หลายทีที่ต้องลองคลิ๊กเข้าไปดูด้วยความสงสัย ว่ามันจะทำอะไร ทำได้ยังไง แต่บ่อยครั้งที่ไม่สนใจเมื่อถึงตอนที่ลงท้ายด้วยคำว่า "ส่งบทความนี้ต่อไปให้คน ที่คุณรักและห่วงหาอาทรด้วยอีก 10 คน จะโชคดี ไม่อย่างนั้นจะ.........." จริงๆ แล้วผมก็เป็นคนที่ติดตามในแวดวงIT นะครับ พอจะทราบเหตุผลผู้ส่งอยู่บ้าง ทั้งเพื่อการขายสินค้า โฆษณาชวนเชื่อ มีทั้งจริงและเสริมเติมไข่ แต่ที่แน่ๆ การส่งต่อข้อมูลใน mail จะทำให้ระบบเครือข่ายเต็ม (ทำงานช้าลง) โดยเฉพาะ หากเราใช้ mail ขององค์กรเราเอง จะทำให้เปลืองพื้นที่ในการเก็บข้อมูลและระบบโดยรวมภายในขององค์กรช้าลงเพราะมีข้อมูลที่ไม่จำเป็นวิ่งอยู่มากเกินไปครับ แต่หลายคนบอกว่า "ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ ลองดูไม่เสียหลาย" ก็คงห้ามไม่ได้นะครับ ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ส่งเสริมให้เปิดหรือห้ามเปิด mail ประเภทนี้เลยนะครับ
ผมขอยกตัวอย่างข้อความที่ส่งมาให้ อลงอ่านดูแล้วกันนะครับ มีข้อคิดดีๆ เพียบเลยครับ แต่ขอสงวนสิทธิ์ในการอ้างอิงนะครับ ไม่ทราบจริงๆ ว่าใครเป็นต้นฉบับ
ความสุขเกิดขึ้นเมื่อใด
ความสุข เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง
|
สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรไปจะคู่ กับสูตรสุขภาพมีอย่างนี้
๑.อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่นคุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้น เขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง
๒.อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้แทนที่จะมองโลกในแง่ร้าย,ก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิดทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย
๓.อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้...รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน
๔..อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนักเพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก
๕.อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ....นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง
๖.จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ
๗.ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่าๆ ปลี้ ๆ...คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว
๘.ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสียและอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่งเลยเพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ
๙.ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร...เพราะฉะนั้นจงอย่าเกลียดคนอื่น�
๑๐.ประกาศสงบศึกกับอดีตให้สิ้น,จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ
๑๑.ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง
๑๒.จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียนคุณมาเพื่อเรียนรู้และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตรซึ่งมาแล้วก็หายไป...เหมือนโจทย์วิชาพีชคณิต...แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอดชีวิต
๑๓.จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น
๑๔.คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกเถียงกับคนอื่นหรอก...บางครั้งก็ยอมรับว่าเราเห็นแตกต่างกัน ได้...เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร
แล้วเราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้าง เราล่ะ?
๑. อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อยๆ
๒. จงหาอะไรดีๆ ให้คนอื่นทุกวัน
๓.จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง �
๔.จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน70และต่ำกว่า6ขวบ
๕.พยายามทำให้อย่างน้อย3คนยิ้มได้ทุกวัน
๖.คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่ เรื่องของคุณซักหน่อย
๗. งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอกแต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณในยามคุณมีปัญหา สุขภาพ ดังนั้น, อย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิดเป็น อันขาด
และถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้,ก็ควรจะทำ ดังต่อไปนี้
๑.ทำสิ่งที่ควรทำ
๒. อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ ,ไม่สวย,ไม่น่ารื่นรมย์,จงทิ้งไปเสียเก็บไว้ทำไม?
๓.เวลาย่อมรักษาแผลทุกอย่างได้
๔. ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด,เดี๋ยว มันก็เปลี่ยน
๕.ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน,จงลุกจากเตียง,แต่งตัวและปรากฎตัวต่อหน้าคนที่เราร่วมงาน ด้วย...get up, dress up and show up.
๖.คิดไว้เสมอสิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง
๗.ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้,อย่าลืมขอบคุณพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย
๘.เชื่อเถอะว่าส่วนลึกๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุขเสมอดังนั้นส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า
และสุดท้ายที่สำคัญที่สุด
"ส่งบทความนี้ต่อไปให้คน ที่คุณรักและห่วงหาอาทรด้วย... "
ได้สารัตถะมาคิดหลายแง่มุม