ศาสตร์ คืออะไร
ศาสตร์ หรือ วิทยาศาสตร์ ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Science คือ กระบวนการค้นหาความรู้ความจริง อย่างเป็นระบบ ระเบียบ
ความหมายคร่าว ๆ ของศาสตร์ คือ การประมวลเอาความรู้ระดับเบื้องต้นทั้งหลายรวมทั้งประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น การเอาไม้แห้งเสียดสีทำให้เกิดความร้อน ฯลฯ มาเป็นระบบที่สอดคล้องกัน มีลักษณะทั่วไปที่ใช้วิเคราะห์ได้กับทุกเหตุการณ์ในหมวดหมู่ของมัน เช่น เราพบว่าเอาของแห้งไม่ว่าจะเป็นไม้แห้ง หญ้าแห่ง มาเสียดสี หรือเอาหินกระทบกันให้เสียดสีมันก็เกิดความร้อน เราก็เอาความรู้และประสบการณ์ทั้งหลายมาประมวลได้เป็นข้อความคิดทั่วไปว่า การเสียดสีของของแข็งที่แห้งทำให้เกิดความร้อนได้
ในแต่ละศาสตร์ก็จะมีทฤษฎี ซึ่งเป็นองค์ความรู้ในศาสตร์แต่ละแขนงที่ใช้ในการหาคำตอบของปัญหาในหมวดหมู่นั้นๆ ต่อเมื่อออกมาเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่อาจโต้แย้งได้จึงมาเป็นกฏในศาสตร์สาขานั้นๆ ศาสตร์อาจแบ่งออกเป็นสามแขนงใหญ่ คือ ศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องราวที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งแบ่งแยกออกเป็นวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ เช่น วิทยาศาสตร์สุขภาพ วิศวกรรม จุดเด่นของการศึกษาด้านนี้คือมีกระบวนการพิสูจน์ทราบความรู้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ และความรู้นั้นก็ได้มาอย่างมีเหตุผลน่าเชื่อถือ ความน่าเชื่อถือนี้มีมากจนสามารถใช้เป็นจุดขาย และดูถูกศาสตร์สาขาอื่นได้ว่าไม่มีความเป็นศาสตร์ ข้อน่าคิดคือ คณิตศาสตร์เป็นเรื่องว่าด้วยตัวเลข ในธรรมชาติมีตัวเลขหรือไม่ มันไม่มี มันเป็นสิ่งที่มนุษย์คิดขึ้น
อีกแขนงคือศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องที่ไม่ใช่ธรรมชาติสร้างขึ้น หรือกล่าวในอีกทางคือศึกษาเรื่องที่มนุษย์กุขึ้นมาเอง จุดนี้บางคนแบ่งออกเป็นสองสาย คือมนุษยศาสตร์คือการศึกษาสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ศึกษาเพื่อให้มีความเป็นมนุษย์ยิ่งขึ้น เช่นพวกวรรณกรรม ดนตรี ศิลปศาสตร์ทั้งหลาย และสาขาสังคมศาสตร์ เป็นการศึกษาสภาพสังคม ในยุคหลังที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์เริ่มตั้งแง่ว่าสังคมศาสตร์จะนับว่าเป็นศาสตร์ได้หรือไม่ เพราะไม่มีวิธีพิสูจน์ความรู้อย่างเป็นระบบและเป็นเหตุผล ดังนั้นนักสังคมศาสตร์จึงเริ่มใช้กระบวนวิธีการพิสูจน์อย่างวิทยาศาสตร์ทำให้สังคมศาสตร์พัฒนาอย่างมากในช่วยศตวรรษที่ ๒๐ เป็นต้นมา จำพวกนี้เช่น รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การบัญชี และส่วนสุดท้ายคือนิติศาสตร์ เป็นศาสตร์ก้ำกึ่งระหว่างมนุษยศาสตร์กับสังคมศาสตร์ คือ กฎหมายเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เราศึกษากฎหมายในเรื่องการสร้าง การตีความ ดังเช่นนักอักษรศาสตร์วิเคราะห์วรรณกรรม แต่กฎหมายไม่ใช่เรื่องราวที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ แต่เป็นเรื่องราวของการศึกษาพฤติกรรมสังคมอยู่ด้วย เห็นได้ชัดจากการศึกษาสังคมศาสตร์กฎหมายที่วิเคราะห์ผลของกฎหมายต่อสังคม วิชานี้ก็เป็นสาขาหนึ่งของนิติศาสตร์ ด้วยความก้ำกึ่งนี้หากจะกล่าวให้ถูกต้องนิติศาสตร์จึงแยกออกมาเป็นอีกแขนงหนึ่งต่างหาก ต่อมาส่วนสุดท้ายของศาสตร์คือองค์ความรู้ในการศึกษาความเป็น หรือปรัชญานั่นเอง แบ่งย่อยเป็นสี่แขนง คือ อภิปรัชญาศึกษาว่าอะไรคืออะไร ญาณปรัชญา ศึกษาความเป็นอย่างไร จริยปรัชญาศึกษาคุณค่าความดีงาม และสุนทรียปรัชญาศึกษาเรื่องความงามเป็นเช่นไร
นี่คือสิ่งที่ตกค้างอยู่บ้างในหัว
เอานำ้ใส่ขวดกระทิงแดงให้เต็มแล้วเอานิ้วโป้งแย่เขาไปที่ขวดแล้วดิ้งออกเร็วทำให้ตูดขวดกระทิงแดงแต่