สัมภาษณ์ครูสอนภาษาอังกฤษ ครั้งที่ 1


 

ข้อความข้างล่างนี้จะเป็นการพูดคุยกันของคุณนารากร และครูเคทครับ โดยที่ข้อความของคุณนารากร จะเป็นตัวอักษรธรรมดาครับ แต่ของครูเคทจะเป็นอักษรตัวหนาครับ

ตัวอย่างน่ะ (เพื่อความเข้าใจตรงกันครับ คิคิ )
ข้อความของคุณนารากรครับ : ครูเคท เรียนภาษาอังกฤษที่เมืองไทยตั้งแต่เล็กๆเลยเหรอค่ะ

และข้อความของครูเคทครับ : ก็เรียนเหมือนคนไทยทั่วไป เคทเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตอนป.3 และก็เรียนในโรงเรียนไทยมาตลอด เรียนที่สาธิตจุฬาตั้งแต่ ป.1 จนจบมัธยม แล้วก็ไปเรียนบัญชี จุฬาฯ ก็เป็นระบบไทยๆหมด ไม่ได้ใช้หลักสูตรภาษาอังกฤษ

น่ะคับ ตามนี้น่ะ อิอิ

เอาล่ะครับ เริ่มเลยเนอะ อิอิ

ครูเคท เรียนภาษาอังกฤษที่เมืองไทยตั้งแต่เล็กๆเลยเหรอค่ะ
ก็เรียนเหมือนคนไทยทั่วไป เคทเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตอนป.3 และก็เรียนในโรงเรียนไทยมาตลอด เรียนที่สาธิตจุฬาตั้งแต่ ป.1 จนจบมัธยม แล้วก็ไปเรียนบัญชี จุฬาฯ ก็เป็นระบบไทยๆหมด ไม่ได้ใช้หลักสูตรภาษาอังกฤษ

แล้วตอนสมัยที่เรียน สาธิตจุฬา ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับไหนค่ะ
ระดับดีค่ะ ก็คือเป็นเด็กที่ไม่เคยสอบได้ที่ 1 แต่ว่าเป็นเด็กเรียนดีก็ตั้งใจเรียนมาตลอด ถ้าวิชาภาษอังกฤษก็จะ A ตลอดค่ะ

ถ้าให้นึกถึงภาพตอนเด็กๆเราเรียน ส่วนใหญ่เราจะเรียนแกรมม่า ก็จะเก่งในเรื่องแกรมม่า แล้วเวลาเจอฝรั่งเนี่ยพูดได้ไหมค่ะสมัยก่อน
หงิกเลยค่ะ พูดไม่ได้เลยค่ะ

แล้วยังไงค่ะพอมาอยู่บัญชี จุฬาฯภาษาอังกฤษเริ่มพัฒนาขึ้น
ก็ตอนอยู่บัญชี วิชาอื่นไม่ค่อยจะ A แต่ภาษาอังกฤษก็ยัง A อยู่

เอ๊ะ เป็นเพราะอะไร สนใจภาษาอังกฤษหรือว่าเชี่ยวชาญอะไรเป็นพิเศษ
ก็ไม่ได้สนใจเป็นพิเศษ จะว่าไปการเรียนแกรมม่าภาษาอังกฤษมันก็ไม่ยาก มันก็เป็นหลักเป็นเกษณ์คือถ้าเราFOLLOW ไปตามหลักเกณฑ์ เราก็จะทำข้อสอบได้

อย่างนี้แสดงว่าครูเคทมีพื้นฐานภาษาอังกฤษดีมาตั้งแต่เรียนประถม
คิดว่ามีพื้นฐานเท่าๆกับคนไทยทั่วไป เพราะว่ามันเป็นตำราเรียนเล่มเดียวกัน อย่างแกรมม่าจริงๆมันก็มีไม่กี่เรื่อง ซึ่งเราก็เรียนวนไปวนมา คิดว่าจบม.3 แกรมม่าน่าจะหมดครบถ้วนแล้ว พอขึ้นม.4,5,6 ก็จะเริ่มเรียนวนแล้ว

มีไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษบ้างไหมค่ะ
ไม่เรียนเลยค่ะ แต่เคยไปเรียนก่อนที่จะไปอเมริกา ก็ไปเรียนสถาบันแห่งหนึ่งเค้าก็จะมีสอบวัดระดับ 16 LEVEL เคทก็ไปสมัครและก็สอบคัดเลือก ปรากฏว่ามันเกิน LEVEL 16 อีก ตอนแรกเราคิดว่าน่าจะได้ซัก LEVEL 10 พอไปดูรายชื่อ ปรากฏว่าไม่มี เราก็ไล่ไปเรื่อยก็ยังไม่มีอีก ก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่ เค้าก็บอกว่า อ๋อ หนูเนี่ยคะแนนสูงกว่าLEVEL 16 นะค่ะ เค้าก็จัดให้เรียน INTENSIVE COURSE ก็ไปเรียนได้คอร์สหนึ่งแล้วก็ไปอเมริกา

ย้อนกลับไปนิดหนึ่ง ทำไมครูเคทถึงเลือกเรียน บัญชี จุฬาฯ ละค่ะ ในเมื่อเราก็เก่งภาษาอังกฤษ ตั้งแต่เล็กๆ ไม่เรียนเชี่ยวชาญทางภาษาไปเลยละค่ะ
คือภาษาอังกฤษ มันเป็นสิ่งที่ ทุกคนต้องเรียน มันไม่ได้รักไม่ได้ชอบ ไม่คิดจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษา แต่ที่เลือกเรียนบัญชี เพราะคุณพ่อคุณแม่ชี้แนวทางว่า ถ้าอยากทำงานทำการในสายธุรกิจ คุณพ่อก็แนะนำให้เรียนบัญชีแล้วกัน เพราะมันเป็นพื้นฐานที่ดี สำหรับการเรียนบริหารธุรกิจต่อไปในอนาคต

สังเกตุหลายครั้งแล้วว่า ครูเคทจะเน้นว่าภาษาอังกฤษทุกคนก็ต้องเรียน ถือว่าเป็นความจำเป็นใช่ไหมค่ะ
สมัยที่ยังเล็กๆอยู่ความจำเป็นยังเห็นได้ชัด ปัจจุบันเห็นชัดซะยิ่งกว่า คือปัจจุบันนี้ใครพูดภาษาอังกฤษไม่ได้อาการหนักแล้ว หน้าที่การงานก็จะถูกระทบกระเทือน ยิ่งคนที่ทำธุรกิจถ้าต่อไปพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ธุรกิจคุณก็จะแข่งกับชาวบ้านเค้าไม่ได้ เพราะฉนั้นกลายเป็นภาษาอังกฤษมันจะเริ่มกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้วล่ะค่ะ แต่ว่าเคทห่วงอย่างหนึ่งว่า คนไทยเนี่ยพอเริ่มเห็นภาษาอังกฤษมีความสำคัญก็เลยเห็นว่ามันสำคัญกว่าภาษาไทย ซึ่งตรงนี้ไม่ถูกต้องนะค่ะ ครูเคทจะเห็นเด็กวัยรุ่นปัจจุบันเริ่มพูดไทยคำอังกฤษคำ ไม่รู้ว่าทำอย่างนั้นทำไม คือไทยก็ไทยไปให้หมด อังกฤษก็อังกฤษให้หมด หรือว่านักวิชาการหรือนักการเมืองบางท่านอาจจะพูดด้วยความเผลอ เดี๋ยวนี้สังคมมันพูดไทยคำอังกฤษคำซะจนชินไปหมดทั้งประเทศ ก็เลยไทยบ้างอังกฤษบ้าง เคทคิดว่าน่าจะมารณรงค์ถ้าจะพูดไทยก็ไทยไปเถอะ อังกฤษก็อังกฤษล้วน ถ้าบังเอิญพูดไม่ได้คือบางคำชินกับศัพท์ภาษาอังกฤษซะแล้ว

คือคำบางคำภาษาไทยยังไม่ได้บัญญัติไว้ หรือว่าถ้าใช้แล้วมันไม่คุ้นก็อาจจะอนุโลมให้ใช้ภาษาอังกฤษได้
ก็อนุโลมใช้ได้ ก็ควรจะมีอธิบายภาษาไทยแทรกด้วย ไม่ใช่อังกฤษคำไทยคำฟังแล้วปวดหัวมาก

ครูเคทเน้นเลยนะค่ะว่า ภาษาอังกฤษต้องรู้แต่ภาษาไทยของเรา ก็ต้องเชี่ยวชาญและต้องให้ความสำคัญอยู่เหมือนเดิม ใช่ไหมค่ะ พอครูเคทเรียนจบแล้วก็ไปต่อเมืองนอกเลยเหรอค่ะ
ทำงานอยู่ปีหนึ่งก่อนค่ะ ทำอยู่บริษัทโฆษณา ชูโอ เซ็นโก๊ะ ค่ะ

เป็นบริษัทฯญี่ปุ่นนี่ค่ะ แล้วรู้ภาษาญี่ปุ่นด้วยเหรอค่ะ
ก็นิดๆหน่อยๆค่ะ เพราะตอนจบใหม่ๆยังไม่ได้ทำงานก็ไปอยู่ญี่ปุ่นมา 2 เดือน จากประสบการณ์ที่ญี่ปุ่นเนี่ยละค่ะ ที่ทำให้เคทเกิดความคิดใหม่ๆขึ้นมา เพราะตอนไปญี่ปุ่นเราไม่มีพื้นฐานเลย เพราะไม่ได้เรียนมา ไป2 เดือนอยู่กับคนญี่ปุ่น ซึ่งพูดอังกฤษไม่ได้ พูดไทยไม่ได้ ภายใน 2 เดือนเนี่ย เคทสื่อภาษาญี่ปุ่นขนาดเรียกว่าเอาตัวรอดได้ ก็อาสาคุณยายเจ้าของบ้านที่อยู่ด้วยกันไปจ่ายตลาดทุกวันต่อราคาข้าวของมาเรียบร้อย วันไหนเดินไปเดินมาหลงทางก็ถามทางถูกต้อง ก็เป็นความรู้สึกว่า เออ แปลกดีนะ ทำไมเราเรียนภาษาโดยที่ไม่ต้องแปลเป็นไทยได้ เพราะว่าไม่รู้จะแปลอย่างไร แปลไปก็กลัวผิด แต่ว่าระหว่างที่อยู่ 2 เดือนนั้นก็พูดภาษาญี่ปุ่นตลอดค่ะ
ทีมาhttp://www.bloggang.com/viewblog.php?id=gonga&date=14-12-2005&group=1&gblog=6

คำสำคัญ (Tags): #สัมภาษณ์
หมายเลขบันทึก: 462724เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2011 16:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม 2012 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท