การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้
เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
นายบัณฑิต ฉัตรวิโรจน์
วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต
สาขาวิชาอุดมศึกษา ภาควิชานโยบาย การจัดการและความเป็นผู้นำทางการศึกษา
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปีการศึกษา 2550
ลิขสิทธิ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บทที่ 1
บทนำ
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
งานวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1. ศึกษาสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
2. พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
3. ศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้ที่เสริมสร้างสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
ขอบเขตของการวิจัย
1. ประชากรศึกษาเฉพาะคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ ปีการศึกษา 2549-2550
2. เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงเพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนวิชา EDUC 105 การพัฒนาความเป็นครูวิชาชีพ (Teacher Professional Development)จำนวน 5 หน่วยกิต โดยทดลองใช้จำนวน 12 ครั้ง ๆ 4 ชั่วโมงในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 นักศึกษาครูชั้นปีที่ 4 ของคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
3. ตัวแปรที่ศึกษา
- ตัวแปรต้น ได้แก่ รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้
- ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาครู และสมรรถนะการสอน
คำจำกัดความที่ใช้ในการวิจัย
การพัฒนารูปแบบ หมายถึง การดำเนินการศึกษาและพัฒนาแบบแผนการเรียนการสอนโดยใช้วิธีบูรณาการองค์ความรู้ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน แล้วนำเสนอเป็นรูปแบบขั้นตอนของการจัดการเรียนการสอน
รูปแบบการเรียนการสอน หมายถึง แบบแผนการจัดการเรียนการสอนที่อาศัยหลักปรัชญา ทฤษฎี แนวคิด หรือความเชื่อต่างๆ โดยจัดให้มีองค์ประกอบของการเรียนการสอน ได้แก่ วัตถุประสงค์ เนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอน สื่อการสอน การประเมินผลไว้อย่างเป็นระบบแสดงความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เป็นแบบอย่างให้ผู้อื่นนำไปใช้ได้
การจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้ หมายถึง กระบวนการเรียนการสอนที่อาศัยขั้นตอนจากการสังเคราะห์กระบวนการจัดการความรู้เป็นกระบวนการจัดการเรียนการสอนตามขั้นตอน PPCA ของการจัดการความรู้ ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ
1. Problem identification คือ การกำหนดปัญหา/สิ่งที่ต้องเรียน โดยจะต้องมีการค้นหาความรู้ (Knowledge identification)
2. Plan คือ การวางแผนและตั้งเป้าหมายการเรียน โดยการสร้างและการแสวงหาความรู้ และจัดความรู้ให้เป็นระบบ (Knowledge creation acquisition and organization)
3. Co-Create คือ การดำเนินการและสร้างความรู้ โดยการประมวลและกลั่นกรอง/ การเข้าถึงความรู้และการแบ่งปัน/แลกเปลี่ยนความรู้ (Knowledge codification, refinement, access and sharing) ด้วยกระบวนการกลุ่มและการร่วมมือ
4. Apply คือ การนำเสนอและนำความรู้ไปใช้โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้ (Learning)
รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้ หมายถึง แบบแผนการเรียนการสอนโดยใช้วิธีบูรณาการองค์ความรู้แนวคิดและกระบวนการของการจัดการความรู้กับการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยมี 4 ขั้นตอน คือ การกำหนดปัญหา/สิ่งที่ต้องเรียน (problem) การวางแผนการเรียน (Plan) การสร้างความรู้ (co-create) และการนำความรู้ไปใช้ (apply)
นักศึกษาครู หมายถึง นักศึกษาภาคปกติชั้นปีที่ 3-4 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ 40 แห่ง ประจำปีการศึกษา 2549-2550
สมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู หมายถึง ความสามารถของนักศึกษาครูในการดำเนินการกระบวนการด้านการเตรียมการสอน การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และการวัดผลประเมินผลการเรียนการสอน ดังรายละเอียดดังต่อไปนี้
การเตรียมการสอน หมายถึง กระบวนการเตรียมการก่อนการจัดการเรียนการสอนประกอบไปด้วย การเขียนแผนการสอน การเตรียมกระบวนการจัดการเรียนการสอน การเตรียมวิธีการและเครื่องมือในการวัดผลประเมินผลการเรียนรู้
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ หมายถึง กระบวนการจัดการเรียนการสอนแบบูรณาการกิจกรรมที่เน้นการจัดการเรียนรู้สำหรับผู้เรียนด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือ กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ และกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
การวัดผลประเมินผลการเรียนการสอน หมายถึง กระบวนการวัดผลประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง ประกอบด้วย แฟ้มสะสมผลงาน เครื่องมือประกอบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต่างๆ เช่น แบบสังเกต แบบประเมินผลต่างๆ เป็นต้น
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู ที่เป็นประโยชน์โดยตรงต่อการจัดการศึกษาสาขาการศึกษา ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้ไปปรับใช้กับรายวิชาอื่นๆ ตามความเหมาะสม
2. นักศึกษาครูได้รับการเสริมสร้างสมรรถนะการสอนสู่การจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนเพื่อการเป็นครูมืออาชีพ
3. ได้แนวทางในการนำไปใช้พัฒนาสมรรถนะด้านอื่นของนักศึกษาครู ครู บุคลาการทางการศึกษา
4. เป็นแนวทางสำหรับครูในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในการนำรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้ไปใช้ในการเสริมสร้างคุณลักษณะอื่นๆ ของผู้เรียน
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. การจัดการความรู้
2. สมรรถนะการสอน
- การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
- การเรียนแบบร่วมมือ
- กระบวนการกลุ่ม
3. การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอน
4. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 3
วิธีดำเนินการวิจัย
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากรสำหรับการศึกษาสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
ประชากรประกอบด้วยอาจารย์นิเทศ และนักศึกษาครู ชั้นปีที่ 3 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ 40 แห่ง ประจำปีการศึกษา 2549
กลุ่มตัวอย่างสำหรับการศึกษาสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
กลุ่มตัวอย่างประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย
อาจารย์นิเทศ และนักศึกษาครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ 40 แห่ง โดยการเลือกแบบชั้นภูมิ (stratified sampling) ตามภูมิภาคต่างๆ ประกอบด้วย ภาคเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร แล้วจึงสุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีการสุ่มแบบง่าย (simple random sampling) จากชั้นภูมิที่กำหนด ภาคละ 1 มหาวิทยาลัย รวมทั้งสิ้น 7 มหาวิทยาลัย โดยศึกษาจากประชากรของนักศึกษาครูของมหาวิทยาลัยที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 960 คน และอาจารย์นิเทศ จำนวน 130 คน
ขั้นตอนการวิจัย
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู มีขั้นตอนการวิจัย ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาและวิเคราะห์สมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
1.1 ศึกษาเอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวกับสมรรถนะการสอน
1.2 ศึกษาสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
ขั้นตอนที่ 2 พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู มีลำดับขั้นตอน ดังต่อไปนี้
2.1 ค้นคว้า ศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานด้านการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนเพื่อนำไปสู่การสร้างรูปแบบการจัดการเรียนการสอน
2.2 สร้างรูปแบบการจัดการเรียนการสอน
2.3 ตรวจสอบคุณภาพรูปแบบการจัดการเรียนการสอน
2.4 แก้ไขปรับปรุง
ขั้นตอนที่ 3 การนำรูปแบบการเรียนการสอนไปทดลองใช้ในสภาพการเรียนจริง มีลำดับขั้นตอนดังต่อไปนี้
3.1 ดำเนินการทดลองใช้รูปแบบ
3.2 ประเมินสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
3.3 ประเมินความรู้ด้านสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาและวิเคราะห์สมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
1.1 ข้อมูลเกี่ยวกับสมรรถนะการสอน โดยได้ศึกษารวบรวมข้อมูลจากผลงานวิจัย ตำรา และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพการจัดการศึกษาของการฝึกหัดครู สมรรถนะการสอนแล้วนำมาวิเคราะห์ และสรุปสาระสำคัญเพื่อให้ได้ข้อมูลเบื้องต้นในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของการฝึกหัดครู ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการนำมาใช้กำหนดเป็นแนวทางในการศึกษาสมรรถนะการสอน และแบบทดสอบด้านความรู้เกี่ยวกับสมรรถนะการสอนแบบปรนัย ชนิดตัวเลือก 4 ตัวเลือก จำนวนทั้งสิ้น 60 ข้อ โดยแบบทดสอบนี้ใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครูที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในการทดลองเพื่อเปรียบเทียบสมรรถนะการสอนระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองที่ใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้
1.2 ศึกษาสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู โดยใช้แบบสอบถามสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู จำนวน 2 ฉบับ จากนักศึกษาครูจากมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศทั้ง 40 แห่ง จำนวน 960 คน และอาจารย์นิเทศจำนวน 130 คน
ขั้นตอนที่ 2 พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู มีลำดับขั้นตอน ดังต่อไปนี้
2.1 การค้นคว้า ศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานด้านการพัฒนารูปแบบการสอนเพื่อนำไปสู่การสร้างรูปแบบการสอน มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาและวิเคราะห์ทฤษฎี แนวคิดและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อสังเคราะห์เป็นข้อมูลสำหรับพัฒนารูปแบบการสอน โดยผู้วิจัยได้ศึกษาข้อมูล ดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลเกี่ยวกับทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนเพื่อนำมาใช้เป็นพื้นฐานในการกำหนดองค์ประกอบและแนวทางในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้
2. ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการความรู้ ประกอบด้วยรายละเอียดที่สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนารูปแบบการจัดการความรู้ ได้แก่ ความหมายและความสำคัญของการจัดการความรู้ แนวคิดและหลักการในการจัดการความรู้ รูปแบบและกระบวนการจัดการความรู้ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้
3. ข้อมูลเกี่ยวกับสมรรถนะการสอน ทักษะการสอนการศึกษาข้อมูลด้านต่างๆ เหล่านี้ใช้ในการรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร ตำรา บทความ และงานวิจัยต่างๆ นำมาศึกษา วิเคราะห์ และสรุปสาระสำคัญของข้อมูล ซึ่งรายละเอียดของข้อมูลประกอบด้วย แนวคิดการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาการเรียนแบบร่วมมือ กระบวนการกลุ่ม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสื่อสารความรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การวัดและการประเมินผลการเรียนการสอน
2.2 ร่างรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้ ดำเนินการดังนี้
1. สร้างกรอบแนวคิดด้านการจัดการเรียนการสอนและการจัดการความรู้ สรุปรายละเอียดของข้อมูลและสาระสำคัญที่ได้ศึกษาว่ามีประเด็นได้ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างรูปแบบ
2. วิเคราะห์ข้อมูลทั้งทฤษฎีและแนวคิดมาสังเคราะห์ประเด็นหลัก เพื่อบูรณาการระหว่างการจัดการความรู้และการจัดการเรียนการสอน
3. สังเคราะห์กระบวนการจัดการความรู้จากแนวคิดทฤษฎี เพื่อกำหนดขั้นตอนการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้
4. บูรณาการแนวการจัดการเรียนการสอนเข้ากับขั้นตอนการจัดการความรู้ด้วยการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ประกอบรูปแบบการสอนและจัดทำเอกสารประกอบการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 6 เรื่อง
5. ได้ร่างรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดกาความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นของอาจารย์นิเทศเกี่ยวกับสภาพของสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นของนักศึกษาครูเกี่ยวกับสภาพของสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
ตอนที่ 3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของอาจารย์นิเทศก์และนักศึกษาครูเกี่ยวกับสภาพของสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
ตอนที่ 4 ผลการสังเคราะห์ข้อมูลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
ตอนที่ 5 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้ที่เสริมสร้างสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครู
บทที่ 5
สรุปผลการวิจัย
ผู้วิจัยจึงเชื่อว่ารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้ที่สร้างขึ้นมีความเป็นไปได้สูงในการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ตามแนวการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยผลการเรียนรู้จะดีมากที่สุดหากมีการนำรูปแบบนี้ไปใช้กับสาระความรู้ที่เป็นรูปธรรม อีกทั้งก่อให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อการเรียนรู้อย่างเห็นได้ชัด
สรุปได้ว่า รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้ KML ตามขั้นตอน PPCA มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและสมรรถนะการสอนของนักศึกษาครูอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และทำให้เกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ ดังนั้น การนำรูปแบบการสอนนำไปใช้จำเป็นต้องประยุกต์ให้เหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของนักศึกษา ประสบการณ์และแหล่งเรียนรู้ของแต่ละสถาบัน แต่ผู้วิจัยเชื่อว่า กระบวนการเรียนการสอนแบบการจัดการความรู้สามารถเสริมสร้างทักษะและความรู้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างแท้จริง
ไม่มีความเห็น