แนวโน้มการศึกษาภาวะผู้นำในอนาคต
กระแสโลกปัจจุบันเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและโลกาภิวัตน์
ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำงานและองค์การเป็นวงกว้างและยาวนาน
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้องค์การต้องเพิ่มศักยภาพของการตัดสินใจแบบกลุ่มมากยิ่งขึ้น
Shamir (1999
อ้างถึงใน Muchinsky, 2003: 181-182) กล่าวว่า
บทบาทผู้นำแบบบุคคลเดียวจะเริ่มลด19ความสำคัญลง
ตัวผู้นำเองก็มีแนวโน้มเชื่อถือในการตัดสินใจของทีมที่ถูกจัดตั้งขึ้นเป็นกรณีพิเศษแบบชั่วคราวมากขึ้น
ดังนั้นในแต่ละทีมก็จะมีอำนาจในการตัดสินใจในงานเฉพาะส่วนที่ทีมของตนรับผิดชอบ
ซึ่งแนวโน้มภาวะผู้นำก็อาจจะเป็นลักษณะการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความคิด
การกระจายอำนาจ หน้าที่ ความรับผิดชอบ หรือการรวมกลุ่ม นอกจากนั้น
Shamir (1999) ยังกล่าวต่อไปว่า ภายใต้การใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
ผู้นำก็มีแนวโน้มจะติดต่อสื่อสารกับสมาชิกผ่านอุปกรณ์และเครื่องมือที่เป็นระบบเครือข่าย
โดยไม่ต้องมาเผชิญหน้ากันทุกครั้ง
ซึ่งอาจส่งผลให้ช่องว่างระหว่างระดับชั้นของอำนาจในองค์การเริ่มลดลง
Shamir
(1999) ได้ทำการสรุปว่า องค์การในอนาคตจะมีแนวโน้ม
ไม่มีขอบเขตที่แน่นอน
ลดลำดับการบังคับบัญชาจากโครงสร้างองค์การแบบสูงมาเป็น
แบบราบ ยืดหยุ่น ยึดโครงการและทีมเป็นพื้นฐาน
ส่วนแนวโน้มของการจ้างงานก็จะเป็นลักษณะ การจ้างงานแบบชั่วคราว
สรรหาจากภายนอก
และไม่จำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกัน
พนักงานก็จะมีความเป็นอิสระมากขึ้น
ซึ่งองค์การก็ไม่สามารถจะควบคุมหรือบังคับได้มากนัก
แต่จะเน้นลักษณะการแลกเปลี่ยนความสามารถและความคิด
ตลอดจนการมีเป้าหมายร่วมกัน
ดังนั้น
ความเป็นไปได้ในการศึกษาภาวะผู้นำในอนาคตอาจขยายการศึกษาภาวะผู้นำไปยังเรื่องอื่นๆเช่น
ศึกษาภาวะผู้นำและภาวะผู้ตามร่วมกันบนแนวคิดจิตวิทยาการรู้การคิด
(Cognitive Psychology) เป็นต้นบทสรุป
ความสำเร็จของการบริหารที่ส่งผลไปสู่ความสำเร็จขององค์การ คือ
ความสามารถของผู้นำที่จะให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในการสร้างพันธกิจ
แรงจูงใจ
วิสัยทัศน์ การสร้างระบบการทำงานที่มีประสิทธิผลไปในทิศทางเดียวกัน
เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน
ผู้นำที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นผู้นำที่มุ่งทั้งงานและคน
โดยใช้แนวความคิดผู้นำเชิงคุณลักษณะ แนวคิดผู้นำเชิงพฤติกรรม
แนวคิดผู้นำเชิงสถานการณ์ แนวคิดภาวะผู้นำสมัยใหม่
และการนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อเป็นผู้นำที่ดี
มีประสิทธิภาพในยุคโลกาภิวัฒน์
ไม่มีความเห็น