บทนำ
๑. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
ความสำคัญของปัญหาทางพฤติกรรมทางการใฝ่รู้ของมนุษย์ในเรื่องศิลปะนับวันจะกว้างขวางขึ้นจนมีขอบเขต และให้ประโยชน์แก่มนุษย์ตลอกเวลาที่มีชีวิตอยู่ แม้ว่ามนุษย์ ได้เปรียบความรู้ทางด้านศิลปะซึ่งให้ประโยชน์ทางด้านจิตใจแก่มนุษย์อย่างมากมายจะนับเป็นปัจจัยที่ห้าก็ต่อเมื่อมนุษย์ได้ปัจจัยสี่พร้อมแล้ว แต่ก็มีหลายท่านได้ตระหนักดีว่า หากจะใฝ่รู้ทั้งเรื่องที่สร้างประโยชน์ให้ทั้งทางกายและทางด้านจิตให้แก่ตนเอง ชีวิตก็จะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ความใฝ่รู้เรื่องศิลปะสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่วิธีเข้าไปฝึกหัดทำหรือไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะเพื่อรู้และเข้าใจวิวัฒนาการ หรือไม่ก็เป็นนักวิจารณ์ศิลปะตามที่กล่าวข้างต้น และเหมาะสมสำหรับเราท่านที่ชอบใฝ่รู้ คือเป็นผู้บริโภคที่ดี วิธีนี้สามารถทำให้ได้ประโยชน์ทางจิตจากศิลปะได้เต็มที่เช่นเดียวกัน โดยที่ท่านใฝ่รู้ในเรื่องทฤษฎีของความงามหรือที่เรียกว่าสุนทรียศาสตร์ตามที่ท่านคุ้นหู ได้เปรียบบุคคลกลุ่มแรกก็ตรงที่ว่า สามารถบริโภครสสุนทรีย์จากผลงานที่ผู้อื่นได้สร้างสรรค์เอาไว้ เช่น ทัศนะของเพลโต้ (Plato) ซึ่งเป็นนักปรัชญากรีก ยุคคลาสสิก ผู้คิดทฤษฎีที่ว่า ศิลปะคือการเลียนแบบโลกธรรมชาติ (Art as Representation) หรือ ทฤษฎีการเลียนแบบ (Theory of Representation)
ความเป็นมาสุนทรียศาสตร์ เป็นทฤษฎีที่ว่าด้วยค่านิยมทางความงามหรือปรัชญาแห่งความงาม เป็นชื่อที่ถูกบัญญัติมาประมาณ ๒๐๐ ปีมานี่เอง เป็นเรื่องรู้จักดีกว่า ๓,๐๐๐ ปี ตั้งแต่สมัยของปรัชญาเมธีกรีก ๒ ท่าน คือ เพลโต และอริสโตเติล แต่รู้จักกันในนามของคุณค่าของความงามที่เกิดจากศิลปะต่อมนุษย์ ได้กล่าวว่า สุนทรียศาสตร์เป็นทฤษฎีว่าด้วยค่านิยมซึ่งเดินเราเคยใช้คำว่าคุณค่า ค่านิยมนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสังคมของมนุษย์ ซึ่งมีความเชื่อและทัศนคติไม่คงที่ ยิ่งเป็นค่านิยมทางความงามด้วยแล้ว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง บางครั้งก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบหมุนวนเวียนเป็นวัฎจักร งานศิลปะบางชิ้นมีค่านิยมสูงมากสำหรับกาลสมัยหนึ่ง และอาจเสื่อมลงในกาลต่อมาและแล้วก็กลับมีค่านิยมสูงขึ้นอีกครั้ง ดังนี้เป็นต้น
๒. วัตถุประสงค์การวิจัย
วัตถุประสงค์การวิจัยความงามของศิลปะในสุนทรียศาสตร์ ดังนี้
๑. เพื่อศึกษาแนวคิดเรื่องความงามของศิลปะตามทัศนะของเพลโต
๒. เพื่อศึกษาการให้เหตุผลสนับสนุนและคัดค้านทางความงามของศิลปะตามทัศนะของเพลโต
๓. เพื่อศึกษาวิเคราะห์ทฤษฎีการเลียนแบบทางศิลปะตามทัศนะของเพลโต
คำนิยามของศิลปะนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้โดยยากเพราะผู้ให้คำนิยามแต่ละคนมักจะเน้นด้านใดด้านหนึ่งที่ตนเห็นว่าสำคัญที่สุด อย่างไรก็ตามคำนิยามเหล่านี้สามารถทำให้เราเข้าใจศิลปะในแง่มุมต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
๖.๑. สุนทรียศาสตร์ คือ การค้นหาความหมายของความพึงพอใจทางสุนทรียะ ลักษณะวัตถุวิสัยหรือจิตวิสัยของความงาม ธรรมชาติของความงาม กำเนิดและธรรมชาติของแรงกระตุ้นให้เกิดศิลปะ
๖.๒. ศิลปะ คือการเลียนแบบธรรมชาติ ศิลปะ เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาเลียนแบบความเป็นจริงที่มีในธรรมชาติ โดยการถ่ายทอดจากธรรมชาติเป็นผลงานทางศิลปะโดยศิลปินไม่ต้องเลียนแบบทุกอย่างที่มีอยู่ แต่เลือกเท่าที่จำเป็นหรือเห็นว่าเหมาะสม
๖.๓. การเลียนแบบ คือ การที่บุคคลทำการเปลี่ยนพฤติกรรมหรือนำพฤติกรรมของ กลุ่มอ้างอิงมาดัดแปลงใช้ การเลียนแบบเกิดขึ้นเพราะผู้เลียนแบบเห็นว่าจะนำไปสู่ผลในทางบวก แต่หากการเลียนแบบจะทำให้เกิดผลในทางลบก็จะทำการหลีกเลี่ยง
๖.๔. คุณค่า คือ ลักษณะที่ควรจะเป็น หรือควรจะมีของสิ่งนั้น ๆ หรือการกระทำนั้น ๆ คุณค่านั้นมีลักษณะเป็นนามธรรม จับต้อง มองเห็นไม่ได้ เราจึงถือว่า คุณค่านั้นเป็นอุดมคติ คือ สภาพที่ทุก ๆ สิ่งต้องการเข้าถึง หรือไปให้ถึงจุดนั้นโดยคุณค่านั้นมีความแตกต่างจากข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน
๖.๕. ความงาม คือ ความพอใจอันเกิดจากความประทับใจในความกลมกลืนกันอย่างเหมาะสมของรูปทรงชวนคิดของศิลปวัตถุกับความหมายของอาเวค หรือความคิดที่ทำให้ใจเพลิดเพลินอย่างลึกซึ้ง