ผมร่วง ( Alopecia ) มี 2 ประเภท ลายอย่างถาวร แต่หากปล่อยทิ้งไว้ ก็อาจพัฒนาไปสู่แบบ Scarring ได้
Scarring – ผมร่วงประเภทที่เซลล์รากผมถูกทำ ลาย ทำให้ผมร่วงอย่างถาวร ซึ่งจะทำให้เกิดการสูญเสียผมอย่ างถาวรตามมา
Non Scarring – ผมร่วงประเภทที่เซลล์รากผมยังไม ่ถูกทำลาย ผมร่วงในลักษณะนี้สามารถรักษาให ้หายได้ เนื่องจากเซลล์รากผมยังไม่ถูกทำ
สาเหตุ ผมร่วง ( Alopecia )
ความเครียด ความเจ็บป่วยหรือการผ่าตัด การคลอดบุตร
ปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนสูงหรือต่ำเก
ินไป
อาการแพ้ยา
การฉายรังสี
การติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อรา เอชไอวี
ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ
โรคทางผิวหนัง DLE และโรคทางภูมิคุ้มกัน SLE
ภาวะโลหิตจาง
เส้นผมถูกดึงรั้งแน่นเกินไป
ลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
รายงานการเยี่ยมบ้าน
A : ผู้ป่วยหญิง คู่ อายุ 62 ปี อาศัยอยู่กับสามี บุตรสาว 2 คน และหลานอีก 2 คน ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ได้รับยา Metformin hydrochloride 500 mg 1 เม็ด หลังอาหาร เช้า-เย็น และยา Aspent-M 1 เม็ด หลังอาหารเช้า ผู้ป่วยรับประทานยาได้ถูกต้องตามที่แพทย์สั่ง วันที่ 9 สิงหาคม 2554 ผู้ป่วยมีปัญหาปวดหลังซีกขวา และวันที่ 17 สิงหาคม 2554 มาตามนัดเพื่อมาพบนักกายภาพบำบัด หลังทำเสร็จได้กลับบ้านไปบริหารยืดกล้ามเนื้อและประคบอุ่นที่บ้าน บ้านที่อยู่อาศัยเป็นบ้าน 2 ชั้น ด้านบนเป็นไม้ด้านล่างเป็นปูน ในห้องน้ำพื้นไม่ลื่น หยาบๆ และเป็นส้วมชักโครก ถังน้ำเป็นถังพลาสติกแสงสว่างเพียงพอ ไม่มีราวจับ แต่ภายในบ้านยังจัดของไม่เป็นระเบียบ มีของเล่นเด็กและมีของอื่นๆวางทางขึ้นบันได บันไดมีประมาณ 10 ขั้น และแต่ละขั้นแคบ สูงชัน และไฟในบ้านไม่ค่อยสว่าง เสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม อาจเกิดอุบัติเหตุได้
การตรวจร่างกาย
V/S : BP = 133/68 mmHg , P = 99 ครั้ง/นาที , RR = 18 ครั้ง/นาที
ส่วนสูง 155 cm. , น้ำหนัก 67 kg. , BMI = 27.88 kg/m2
ผม : Total alopecia (ผมร่วงหมดศีรษะ)
ตา : ตาขวามองไม่เห็น ไม่มีปฏิกิริยาต่อแสง ตั้งแต่ 5 ขวบ, ตาซ้ายเห็นระยะห่างประมาณ 1 เมตร ไกลจากนั้นมองไม่เห็น เคยตรวจจอประสาทตาเสื่อมทั้ง 2 ข้าง
ฟัน : เหลือทั้งหมด 21 ซี่ ไม่มีฟันผุ
หู : เคยตรวจประสาทหูเสื่อม ได้ยินเหมือนเจียหิน บางครั้ง บางวัน ทางหูซ้าย
ผิวหนัง : ไม่แห้ง ชุ่มชื่น
เท้า : ปกติทั้งความรู้สึก รูปร่าง และไม่มีแผล
ประเมิน 2Q = 0 คะแนน
P : ส่งเสริมความรู้เรื่องการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโรคเบาหวานและการระมัดระวังอุบัติเหตุเมื่ออยู่ที่บ้าน
I : ให้คำแนะนำตามแบบแผน METHOD
Medication (M)
แนะนำผู้ป่วยให้รับประทานยาสม่ำเสมอ อย่างต่อเนื่อง ควรทานยาตรงตามขนาด จำนวนครั้ง ระยะเวลาที่ใช้ ตามแพทย์สั่ง ไม่ควรหยุด เพิ่ม ลด ยาเอง ยาที่ได้รับในปัจจุบัน
Metformin hydrochloride 500 mg 1 เม็ด หลังอาหาร เช้า-เย็น เป็นยารักษาโรคเบาหวาน
Aspent-M 1 เม็ด หลังอาหารเช้า เป็นยาบรรเทาความเจ็บปวดจากภาวะอักเสบของข้อและป้องกันหลอกเลือดอุดตัน
Environment (E)
ลักษณะที่อยู่อาศัยของผู้ป่วยเป็นบ้านสองชั้น ด้านบนเป็นไม้ด้านล่างเป็นปูน แนะนำให้ญาติจัดสิ่งแวดล้อมเป็นระเบียบ เก็บของเล่นเด็กเป็นสัดส่วน ป้องกันการสะดุดหกล้ม และไม่ควรวางของบริเวณบันไดขึ้นชั้นสอง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ห้องน้ำควรมีราวจับเพื่อความสะดวกและป้องกันการลื่นหกล้มได้ และสภาพแวดล้อมรอบๆบ้านไม่ควรปล่อยให้รก อากาศถ่ายเทสะดวก
Treatment (T)
เบาหวาน เป็นโรคเรื้อรัง ต้องใช้เวลาการรักษานานหรือตลอดชีวิต หากไม่ได้รับการปฏิบัติที่ถูกต้องก็อาจมีอันตรายจากโรคแทรกซ้อนได้มาก ผู้ที่กินยาหรือฉีดยารักษาเบาหวานอยู่ บางครั้งอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ อาการได้แก่ ใจสั่น หน้ามืด ตาลาย ตัวเย็น เหงื่อออก ถ้าเป็นมากๆ อาจเป็นลม หมดสติ และอาจจะชักได้ ควรจะต้องพก น้ำตาลหรือของหวาน ลูกอมติดตัวไว้ ถ้ารู้สึกมีอาการก็ให้รีบรับประทาน
Healthy (H)
ออกกำลังกายทุกวันวันละ 15-30 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ควรออกกำลังกายแบบยืดกล้ามเนื้อ เช่น บิดตัวไปข้างๆช้าๆ ก้มแตะปลายเท้า เพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังด้านขวาที่ปวดคลายตัว และประคบอุ่น ตามแพทย์แนะนำ และแนะนำให้ผู้ป่วยลดน้ำหนัก เดือนละครึ่งกิโลกรัม
Outpatient Referral (O)
แนะนำให้กลับมาตรวจตามนัด มาพบแพทย์ตามนัด วันที่ 20 สิงหาคม 2554 หากมีอาการผิดปกติให้มาพบแพทย์ก่อนนัดได้
Died (D)
แนะนำผู้ป่วยรับประทานอาหารให้ครบ 5หมู่ รับประทานอาหารที่มีกากใยมากเพื่อช่วยในการขับถ่ายแม้ระดับน้ำตาลในเลือดจะปกติดีแล้วก็ควรจะต้องควบคุมอาหารตลอดไป อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงและควรควบคุม เช่น น้ำตาลทุกชนิด รวมไปถึงน้ำผึ้งผลไม้กวนประเภทต่างๆ ขนมเชื่อม ขนมหวานต่างๆ ผลไม้ที่มีรสหวานมากๆ เช่น ทุเรียน ขนุน น้อยหน่า ลำไย ละมุด อ้อย มะขามหวาน ลูกเกด ลำไย ผลไม้กระป๋องต่าง ๆ น้ำหวานประเภทต่างๆ ขนมทอดกรอบหรือชุบแป้งทอด และควรมีการควบคุมปริมาณอาหาร ช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก เพราะน้ำหนักมากเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างมากมาย
E : ผู้สูงอายุ สามารถอธิบายเรื่องการรับประทานยาได้ถูกต้องและตรงเวลา และอธิบายการเลือกรับประทานอาหารและการสังเกตอาการน้ำตาลต่ำ คือ จะรู้สึกหน้ามืด จะเป็นลม ผู้สูงอายุจะพกลูกอมติดตัวตลอด ถ้ามีอาการดังกล่าวจะอมทันที ถ้าน้ำตางสูง จะรู้สึก กระหายน้ำ เหนื่อย อ่อนเพลีย ผู้สูงอายุจะสังเกตและควบคุมปริมาณอาหารที่ทานไปก่อนหน้านั้น ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อน หากมีอาการรุนแรงก็จะรีบไปหาหมอ
ความรู้เพิ่มเติม
ผมร่วง ( Alopecia )
Scarring – ผมร่วงประเภทที่เซลล์รากผมถูกทำลาย ทำให้ผมร่วงอย่างถาวร โดยโรคที่เกี่ยวกับผิวหนังและเยื่อบุ (Cutaneous lupus erythematosus) และ เชื้อราที่หนังศีรษะ เป็นลักษณะที่พบได้บ่อยที่สุดของอาการผมร่วงแบบนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดการสูญเสียผมอย่างถาวรตามมา
Non Scarring – ผมร่วงประเภทที่เซลล์รากผมยังไม่ถูกทำลาย อาการผมร่วงเป็นหย่อมวงกลมหรือวงรี (Alopecia areata) ก็จัดอยู่ในประเภทนี้ ซึ่งมักเกิดจากกระบวนการภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ทำลายเซลล์รากผมของตนเอง และยังไม่ทราบว่ามีสาเหตุจากอะไร ผมร่วงในลักษณะนี้สามารถรักษาให้หายได้ เนื่องจากเซลล์รากผมยังไม่ถูกทำลายอย่างถาวร แต่หากปล่อยทิ้งไว้ ก็อาจพัฒนาไปสู่แบบ Scarring ได้
สาเหตุ
การวินิจฉัยโรค
อาจจำเป็นต้องตรวจและทดสอบร่างกาย เช่น การดึงผม การนำผิวหนังบริเวณศีรษะไปตรวจ ตรวจการร่วงของขนในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย และตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการผมร่วง
การรักษา
ในผู้ป่วย
1 มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) คือ เม็ดเลือดขาวกลายเป็นมะเร็ง มีการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวมาก ร่างกายควบคุมไม่ได้ เซลล์มะเร็งนี้ไม่สามารถทำงานได้ เซลล์มะเร็งมีมากทำให้เม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดมีน้อย เกิดภาวะซีด และเลือดออกง่าย
2 Menopause คือ การหมดของระดูอย่างถาวรของสตรี เนื่องจากรังไข่หยุดผลิตฮอร์โมนเพศ โดยนับจากการไม่มีระดูติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเต็ม ทำให้สตรีเข้าสู่วัยที่ไม่สามารถมีบุตรได้อีกต่อไป
อาการทั่วไปที่พบ ได้แก่ ร้อนวูบวาบเหงื่อออกมาก ใจสั่น นอนไม่หลับ หงุดหงิด ปวดเมื่อย อ่อนล้า หลงลืม
อาการอื่นได้แก่ กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ช่องคลอดแห้งและ เจ็บแสบเวลามีเพศสัมพันธ์ ผิวพรรณเหี่ยวย่น ผมร่วง เล็บเปราะ
ตามปกติรากผมหรือขนจะฝังตัวในชั้นหนังแท้ ซึ่งมีคอลลาเจน (ตัวเพื่อความหนาและความยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง) ประกอบอยู่เมื่ออายุมากขึ้นฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ปริมาณคอลลาเจนจะลดลงตามไปด้วย ทำให้ผิวหนังแห้งบางและเหี่ยวย่น ขณะเดียวกันรากผมและขนที่เคยฝังตัวอยู่จะหลุดร่วงออกมาได้ง่าย
* Menopause เนื่องจากการผ่าตัด ต่างจาก Menopause โดยธรรมชาติอย่างไร เมื่อรังไข่ทั้งสองข้างถูกตัดออกไป ร่างกายสตรีจะหยุดสร้างฮอร์โมนเพศทันที เราถือว่าเข้าสู่วัย Menopause หรือหมดประจำเดือนโดยการผ่าตัด แต่ในสตรีที่ยังมีรังไข่ รังไข่จะค่อย ๆ ลดการทำงานลงและหยุดสร้างฮอร์โมนเพศ เมื่ออายุประมาณ 49 ปี จะถือว่าเข้าสู่วัย Menopause โดยธรรมชาติ
เมื่อไม่มีมดลูก สตรีจะไม่มีระดูจึงไม่มีอาการระดูผิดปกติที่จะคอยเตือนให้ทราบ แต่จะสามารถสังเกตเห็นอาการผิดปกติทั่วไปอื่น ๆ ที่แสดงว่าเข้าสู่วัย Menopause แล้ว เช่น อาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกมาก นอนไม่หลับ ปวดเมื่อย อ่อนล้า หงุดหงิด หลงลืม ผิวพรรณแห้งย่น ผมร่วง เล็บเปราะ กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ช่องคลอดแห้งแสบเวลาที่มีเพศสัมพันธ์
ไม่มีความเห็น