เราทุกคนต่างก็ต้องการความมีคุณภาพ
(Quality) ในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของสินค้า
และบริการแต่ยังรวมไปถึงองค์กร สังคม หรือประเทศ
ซึ่งคุณภาพของสิ่งเหล่านี้จะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การให้ความสำคัญในเรื่องของการบริหารคุณภาพยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันในการพัฒนาคุณภาพ
และศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศอีกด้วย
ดังจะเห็นได้จากการจัดให้มีการมอบรางวัลให้กับบริษัทหรือกลุ่มองค์กรทางด้านคุณภาพของสินค้า
และบริการ ซึ่งรวมไปถึงคุณภาพของการผลิตและการดำเนินงานอย่างมีคุณภาพ
อาทิเช่น รางวัล Malcolm Baldrige National Quality Award (MBNQA)
ซึ่งเป็นรางวัลที่จัดมอบให้กับบริษัทหรือองค์กรที่ประสบความสำเร็จทางด้านคุณภาพ
เป็นต้น
ดังนั้นจะเห็นว่า
ความต้องการในด้านคุณภาพได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของเราทุกคนเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขันของธุรกิจที่การวัดความสำเร็จขององค์การจะอยู่ที่ผลงานที่มีคุณภาพ
โดยที่คุณภาพถือเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งในการที่เราต้องปฏิบัติ
และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เพราะคุณภาพเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อความดำรงอยู่ของธุรกิจ
และองค์กร
2.1
แนวความคิดของผู้เชี่ยวชาญทางคุณภาพ (The Quality
Gurus)
การดำเนินงานที่มีคุณภาพไม่เพียงแต่จะช่วยให้องค์กรสามารถทำงานได้ดีตามเป้าหมายที่ต้องการเท่านั้นแต่ยังช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
และมีต้นทุนในการดำเนินงานที่ได้เปรียบคู่แข่ง
ดังนั้นจึงมีนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญทางด้านคุณภาพหลายท่านได้ให้ความสนใจและวางแผนแนวความคิดเกี่ยวกับคุณภาพ
จนกลายเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อพัฒนาคุณภาพตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ดังต่อไปนี้
2.1.1 Walter A. Shewhart (ค.ศ.
1925) เป็นผู้ริเริ่มใช้วิธีการทางสถิติในการควบคุมคุณภาพที่เรียกว่า
การควบคุมคุณภาพเชิงสถิติ (Statistical Quality Control)
โดยใช้แผนภูมิควบคุม และการสุ่มตัวอย่าง เพื่อการตรวจสอบผลิตภัณฑ์
ซึ่งใช้ในการควบคุมคุณภาพมาจนถึงทุกวันนี้
2.1.2 W.Edwards Deming
(ค.ศ.1938) เป็นผู้บัญญัติหลักการบริหารคุณภาพ 14 ข้อ ดังต่อไปนี้
-
จงสร้างปณิธานอันมุ่งมั่นแน่วแน่ในการปรับปรุงคุณภาพของสินค้าหรือบริการ
ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างชัดเจน
โดยผูกพันในเป้าหมายอย่างต่อเนื่องและจริงจังใน 4 เป้าหมายหลักคือ
นวัตกรรม (Innovation) การวิจัยและพัฒนา (Research and Development)
การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement)
การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance)
-
จงยอมรับปรัชญาใหม่ๆ ของการบริหารคุณภาพ
โดยนำเอาวัฒนธรรมแห่งคุณภาพมาเป็นหลักการประจำใจของพนักงานทุกคน
โดยเปลี่ยนแปลงจากการทำงานตามที่ได้รับคำสั่งมาเป็นการดูแลรับผิดชอบในผลงานของตนเอง
-
จงยุติการควบคุมคุณภาพโดยอาศัยการตรวจสอบ
เพราะการควบคุมคุณภาพจะต้องมุ่งที่การควบคุมกระบวนการผลิตเป็นสำคัญ
ไม่ใช่อาศัยการตรวจสอบที่ตัวสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วเท่านั้น
ซึ่งจะไม่สามารถป้องกันความผิดพลาดไม่ให้เกิดขึ้นได้
-
จงยุติวิธีดำเนินธุรกิจโดยการตัดสินกันที่ราคาขายเพียงอย่างเดียว
เพราะราคาขายที่ต่ำแต่คุณภาพของสินค้าไม่ได้มาตรฐานก็ไม่สามารถทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้
-
จงปรับปรุงระบบการผลิตและการให้บริการอย่างต่อเนื่อง
โดยใช้วงจรของเดมมิ่ง (Deming) เพื่อการปรับปรุงตามขั้นตอนวางแผน –
ลองทำ – ตรวจสอบ - ลงมือปฏิบัติ ซึ่งเรียกว่า Plan Do Cheek Act หรือ
PDCA ต่อเนื่องกันไป ดังภาพที่ 2.1
-
จงทำการฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอให้แก่พนักงานทุกคน
โดยเฉพาะเรื่องของการควบคุมคุณภาพเชิงสถิติและเครื่องมือแห่งคุณภาพ
-
จงสร้างภาวะผู้นำให้เกิดขึ้น
ด้วยการให้พนักงานเป็นผู้นำตนเองให้ได้เพื่อรับผิดชอบในผลงานของตนเอง
โดยการทำให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น
ซึ่งนับเป็นพื้นฐานที่สำคัญยิ่งของการสร้างวัฒนธรรมแห่งคุณภาพให้เกิดขึ้นในองค์การ
-
จงขจัดความกลัวให้หมดไป โดยสร้างบรรยากาศของการเรียนรู้
ผู้ที่สงสัยต้องกล้าสอบถามในสิ่งที่ตนไม่รู้และกล้าแสดงออกเพื่อเสนอแนะวิธีการปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น
-
จงทำลายสิ่งกีดขวางความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ
โดยการกำจัดโครงสร้างที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการติดต่อประสานงานกันอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างหน่วยงานต่างๆให้หมดสิ้นไป
หรือใช้การจัดโครงสร้างองค์การแบบคร่อมสายงาน (Cross Function)
เพื่อให้พนักงานต่างหน่วยงานสามารถร่วมมือกันได้เต็มที่
-
จงกำจัดคำขวัญและเป้าหมายซึ่งเป็นสิ่งสมมุติ
แต่ต้องนำมาลงมือปฏิบัติจริงด้วยการใช้คำขวัญและเป้าหมายเพื่อการจูงใจหรือกระตุ้นเตือน
จึงต้องมีวิธีการปฏิบัติที่จะทำให้บรรลุคำขวัญหรือเป้าหมายนั้นด้วย
-
จงกำจัดจำนวนโควตาที่เป็นตัวเลข
เพราะการมุ่งเน้นแต่ปริมาณทำให้พนักงานละเลยคุณภาพ
ผู้บริหารจึงไม่ควรใช้ตัวเลขโควตา
เพื่อการวัดผลงานแต่เพียงอย่างเดียว
-
จงกำจัดสิ่งกีดขวางความภาคภูมิใจของพนักงาน
โดยมอบรางวัลหรือคำชมเชยในการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มควบคุมคุณภาพ (QCC)
หรือ
เมื่อพนักงานได้เสนอแนะข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงคุณภาพ
-
จงจัดทำแผนการศึกษาและทำการฝึกองรมบ่อยครั้ง
แผนการศึกษาและการฝึกอบรมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะรองรับโครงการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
เพราะเทคโนโลยีการผลิตเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
จึงต้องลงทุนระยะยาวในการฝึกอบรมพนักงานเพื่อความอยู่รอดและเจริญก้าวหน้าขององค์การ
-
จงลงมือปฏิบัติเพื่อให้บรรลุสำเร็จการเปลี่ยนแปลง
ตัวผู้บริหารก็ต้องจัดองค์การและนำตนเองเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงเพื่อการปรับปรุงคุณภาพร่วมกับพนักงาน
โดยการลงมือปฏิบัติด้วยให้เป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน
และเรียนรู้ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
ภาพที่
2.1: วงล้อ Deming (PDCA Cycle)
ที่มา : Mark, M. Davis, Nicholas, J. Aquilano, and Richard, B.
Chase,
Fundamentals of Operations Management, 2003: 217.
P (Plan)
การวางแผนเป็นการกำหนดเป้าหมายและทิศทางในการแก้ปัญหาหรือการพัฒนาคุณภาพ
D (Do) การปฏิบัติ
เป็นการนำเอาแผนไปปฏิบัติการ (Action plan) และลงมือปฏิบัติ
(Implement)
C (Cheek)
การตรวจสอบ เป็นการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติงาน
A (Action)
การปรับปรุง เป็นการกำหนดมาตรฐานจากผลการดำเนินงานใหม่
เพื่อใช้เป็นแนวทาง ในการปฏิบัติงานในอนาคต
2.1.3 Joseph M. Juran (ค.ศ. 1960)
เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของอุตสาหกรรมญี่ปุ่น
เขาได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับคุณภาพไว้ดังนี้
- คุณภาพ หมายถึง
ความเหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอยที่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์หรือผู้รับบริการต้องการ
(fitness for Use)
-
พนักงานควรเอาใจใส่เสนองานที่มีคุณภาพต่อลูกค้าภายใน (Internal
Customer) เท่ากับการเอาใจใส่ในระดับคุณภาพที่ลูกค้าภายนอก (External
Customer) ลูกค้าภายในคือ แผนกงานขั้นตอนต่อไปที่รับผลงานไปผลิตต่อ
ดังนั้นถ้าพนักงานทุกคนพิถีพิถันให้งานมีคุณภาพดีในทุกขั้นตอน
ทุกแผนกงานย่อมจะทำให้ผลผลิตที่จะออกไปสู่ลูกค้าภายนอกมีความสมบูรณ์แบบ
-
ให้ความสำคัญกับการค้นหาปัญหาสำคัญเพียง 2 –3 ปัญหา (Vital Few)
ที่เป็นสาเหตุใหญ่แห่งความบกพร่อง
เพราะปัญหาส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุหลักเพียงไม่กี่ประการตามหลัก 20 –
80
-
การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ
ต้องเกิดจากการตระหนักถึงความสำคัญของคุณภาพของผู้บริหารระดับสูง
ตลอดจนความร่วมมือของพนักงานทุกคนในองค์การ
และให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าตั้งแต่กระบวนการออกแบบแล้วทำการจัดซื้อวัตถุดิบจากผู้ขาย
ไปจนถึงการขนส่งและการจัดจำหน่ายจนถึงมือลูกค้า
2.1.4 Phillip B. Crosby (ค.ศ. 1979)
ในอดีตรองประธานกรรมการและกรรมการด้านคุณภาพของบริษัท ITT
แห่งสหรัฐอเมริกา ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารคุณภาพไว้ดังนี้
-
คุณภาพเป็นเรื่องทีได้มาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย (Quality is
Free) เพราะคุณภาพการผลิตต่ำจะทำให้สินค้าขายไม่ได้
แต่คุณภาพการผลิตสูงจะทำให้สินค้าขายได้แม้ต้นทุนการผลิตจะสูงก็ตาม
ดังนั้นต้นทุนการมีคุณภาพที่ดีต่ำกว่าต้นทุนการมีคุณภาพไม่ดี
- สร้างนิยามว่า
“คุณภาพคือการทำได้ตามข้อกำหนด” (Conformance to Requirements)
โดยยึดหลักตามความต้องการของลูกค้าหรือผู้ใช้
-
มุ่งเน้นวัฒนธรรมของของเสียเป็นศูนย์ (Zero Defect Culture)
ให้คุณภาพสมบูรณ์แบบ
-
ต้องทำการตรวจวัดต้นทุนของคุณภาพทั้งหมดโดยเน้นการป้องกันความผิดพลาดต่างๆ
2.1.5 A.V. Feigenbuam (ค.ศ. 1960)
เป็นผู้เขียนหนังสือการควบคุมคุณภาพสมบูรณ์แบบ
ซึ่งเน้นการประสานงานและความร่วมมือของทุกคนในองค์การ
อันเป็นแนวทางที่ประเทศญี่ปุ่นได้นำไปปฏิบัติจนก้าวขึ้นสู่ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก
โดยเน้นการป้องกันความผิดพลาดต่างๆ
2.1.6 Kaoru Ishikawa (ค.ศ. 1955)
ได้ร่วมมือกับ Shewhart ในการใช้หลักการควบคุมคุณภาพเชิงสถิติ
และได้นำเอาแผนภูมิควบคุมไปใช้ในอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ผลงานของเขาคือ
- พัฒนาเครื่องมือ
7 อย่างในการควบคุมคุณภาพ (7 QC Tools) ได้แก่
แผนผังแสดงเหตุและผลหรือแผนผังก้างปลา ผังพาเรโต้ กราฟ ฮีสโตแกรม
แผนภูมิการควบคุมกระบวนการแผนผังการกระจาย และใบตรวจสอบ
-
พัฒนากิจกรรมกลุ่มควบคุมคุณภาพ (Quality Control หรือ QCC)
ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มอย่างอิสระในสายงานเดียวกันเพื่อค้นหาปัญหาในการปฏิบัติงานแล้วร่วมกันหาทางแก้ไข
-
พัฒนาแนวคิดการควบคุมคุณภาพทั่วทั้งองค์การ
โดยให้ทุกคนเอาใจใส่ความต้องการของลูกค้าภายใน (Company – wide
Quality Control หรือ CWQC) ซึ่งเป็นการร่วมมือกันของ
ทุกคนในองค์การในการควบคุมคุณภาพ
2.1.7 Genichi Taguchi
เป็นผู้สร้างแนวคิดที่ว่า คุณภาพที่ดีต้องเริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบ
ซึ่งคือ
-
ความจริงจังของคุณภาพ (Quality Robust)
เป็นแนวคิดในการผลิตผลิตภัณฑ์อย่างเป็นแบบแผนเดียวกันภายใต้ระบบและสภาวะของการผลิตที่ไม่เหมาะสม
เมื่อมีของเสียเกิดขึ้นจากเหตุดังกล่าว
ควรแก้ไขโดยขจัดผลเสียนั้นมากกว่าการขจัดสาเหตุ
เพราะค่าใช้จ่ายในการขจัดผลต่ำกว่าค่าใช้จ่ายในการขจัดสาเหตุ
เนื่องจากข้อบกพร่องบางอันเล็กน้อยจนไม่มีผลกระทบต่อคุณภาพ
-
ต้นทุนของคุณภาพที่เกิดขึ้นเมื่อคุณภาพแตกต่างจากสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
(Quality Loss Function) ซึ่งได้แก่ ต้นทุนค่าประกัน
ต้นทุนการสูญเสียลูกค้า ต้นทุนการตรวจสอบภายในต้นทุนการซ่อมแซม
รวมทั้งต้นทุนที่เกิดขึ้นกับสังคม
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่ธุรกิจ
ต้องจ่ายเมื่อคุณภาพไม่เป็นไปตามความคาดหวังของลูกค้า
-
คุณภาพที่มุ่งตามเป้าหมาย (Target – oriented Quality)
เป็นปรัชญาในการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อจะทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพตรงเป้าหมายที่กำหนดไว้
แต่ละแนวความคิดจากปรมาจารย์เหล่านี้ได้เป็นแนวทางการบริหารคุณภาพที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพในรุ่นต่อมา
เพื่อสร้างระบบการบริหารคุณภาพในอุตสาหกรรม
และในการดำเนินงานด้านอื่นๆ
ที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าสืบไป
|
|
อ้างอิง
Copyright @2002. Mae Fah Luang
University.
The best view at 1024x768 pixel Hight 16 bit or better, support
with IE 5.0 or later
http://e-learning.mfu.ac.th/mflu/1301312/IM/chapter2_1.htm
ไม่มีความเห็น