ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการบริหารและการจัดการ (๑)
การบริหาร (Administration) เป็นกิจกรรมของคนตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป มีการร่วมมือกันทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยใช้เทคนิค วิธีการต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน
คาร์เตอร์ วี กูด : เทคนิค วิธีการต่าง ๆ ที่ใช้ในการดำเนินงานในองค์การทางการศึกษา เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่ตั้งไว้
เฮอร์เบิร์ต ไรมอน : กิจกรรมต่าง ๆ ที่บุคคลตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไปร่วมมือกันดำเนินการ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลาย ๆ อย่างร่วมกัน
เฮอร์เซย์ บลันชาร์ด และจอห์นสัน : กระบวนการทำงานร่วมกับบุคคลและกลุ่มบุคคล พร้อมด้วยปัจจัยทางการบริหาร ได้แก่ เครื่องมือต่าง ๆ งบประมาณ เทคโนโลยี เพื่อนำองค์การสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย
การจัดการ (Management) : เทคนิควิธีการเฉพาะ ประกอบด้วยการวางแผน (Planning) การจัดองค์การ (Organizing) การควบคุมงาน (Controlling) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ๆ : กลวิธีพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้ภารกิจ (Mission) ขององค์การใด ๆ ประสบความสำเร็จ (Success) หรือบรรลุวิสัยทัศน์ (Vision) วัตถุประสงค์ (Objective) และเป้าหมาย (Target) ขององค์การนั้น ๆ
การบริหารการศึกษา (Educational Administration) : การควบคุม การจัดการทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับกิจการทางการศึกษา : กิจกรรมต่าง ๆ ที่บุคคลหลาย ๆ คน ร่วมมือกันดำเนินการเพื่อพัฒนาให้เด็ก เยาวชน ประชาชนหรือสมาชิกของสังคมในทุก ๆ ด้าน ให้มีความสามารถ ทัศนคติ พฤติกรรม ค่านิยมหรือคุณธรรม เป็นสมาชิกที่ดี (ทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจ) มีประสิทธิภาพของสังคม โดยกระบวนการต่าง ๆ ที่เป็นระเบียบแบบแผนทั้งในระบบ – นอกระบบโรงเรียน
นพพงษ์ บุญจิตราดุล : กิจกรรมต่าง ๆ ที่บุคคลหลายคนร่วมกันดำเนินการเพื่อพัฒนาสมาชิกของสังคมในทุก ๆ ด้าน นับแต่บุคลิกภาพ ความรู้ ความสามารถ เจตคติ พฤติกรรม คุณธรรม ให้มีค่านิยมตรงกับความต้องการของสังคม โดยกระบวนการต่าง ๆ ที่อาศัยควบคุมสิ่งแวดล้อมให้มีผลต่อบุคคล อาศัยทรัพยากร เทคนิคต่าง ๆ อย่างเหมาะสม เพื่อให้บุคคลพัฒนาไปตรงตามเป้าหมายของสังคมที่ตนดำเนินชีวิตอยู่
วิชาชีพชั้นสูง (Profession) มีองค์ประกอบ
๑. ให้บริการแก่สังคมโดยไม่ซ้ำซ้อนกับสาขาวิชาอื่น
๒. ให้บริการโดยวิธีการแห่งปัญญา
๓. เป็นอิสระในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับอาชีพ
๔. ผู้ให้บริการหรือสมาชิกของวิชาชีพต้องได้รับการศึกษาระดับสูง
๕. ผู้ใช้วิชาชีพต้องมีความประพฤติดี มีจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
๖. มีสถาบันอาชีพเป็นแหล่งกลางที่จะสร้างสรรค์จรรโลงความมั่นคงแห่งวิชาชีพของสมาชิก
ทฤษฎีบริหารการศึกษา : มาจากศาสตร์สาขาต่าง ๆ เช่น สังคมวิทยา จิตวิทยา รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ : เริ่มจัดระบบมีแบบแผนเมื่อราวศตวรรษที่ ๒๐ มีลักษณะ
๑. ไม่ใช่ความจริงโดยเห็นได้โดยง่าย หรือไม่ต้องพิสูจน์ ต้องอาศัยการศึกษา ค้นคว้า วิจับเพิ่มเติม การวิเคราะห์ มีความสลับซับซ้อน
๒. ไม่ใช่เป็นสามัญสำนึก (Commonsense) ในการแสดงพฤติกรรมและการตัดสินใจว่าจะเป็นจริงเสมอไป ต้องได้รับการฝึกฝน อบรมทางด้านบริหาร อาศัยทฤษฎีเพื่อเป็นกรอบ แนวทางและแนะการปฏิบัติ : อำนาจหน้าที่ (Authority) การหยั่งรู้ (Intuition) สามัญสำนึกหรือการสังเกต (Observation) จะเป็นประโยชน์ในขณะหนึ่งเท่านั้น
การบริหาร : ศาสตร์ที่มีทฤษฎี องค์ประกอบของความรู้มีกฎมีเกณฑ์จากศาสตร์อื่น ๆ มาศึกษาค้นคว้าวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์เพื่อนำผลไปปฏิบัติ ขึ้นกับความสามารถ ประสบการณ์ ทักษะของแต่ละบุคคลที่จะทำงานให้บรรลุตามเป้าหมาย เป็นการประยุกต์ทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์และสิ่งแวดล้อม
จุดประสงค์ของวิทยาศาสตร์ : ทำความเข้าใจสิ่งแวดล้อมที่อาศัยอยู่ อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดเป็นทฤษฎี : นักทฤษฎีองค์การ พยายามอธิบายพฤติกรรมของตนในองค์การ (จุดเริ่มของทฤษฎีบริหารการศึกษา)
เฮอร์เบิร์ตเฟล : ทฤษฎี เป็นกลุ่มของข้อตกลงเบื้องต้น วิธีการอย่างเป็นเหตุเป็นผล
Kerlinger : ทฤษฎี เป็นกลุ่มของมโนทัศน์ คำจำกัดความหรือข้อความที่บอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอย่างเป็นระบบเพื่ออธิบาย คาดคะเนปรากฏการณ์ต่าง ๆ
ทฤษฎี : กลุ่มคำที่มีความสัมพันธ์ระหว่างมโนทัศน์ ข้อตกลงเบื้องต้น การลงสรุปความเห็นที่เป็นระบบ โดยมีจุดประสงค์ที่จะอธิบายหรือคาดการณ์พฤติกรรมในสถานศึกษา : ช่วยกระตุ้นและชี้แนะแนวทางการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง
มโนทัศน์ : เป็นนามธรรมที่เป็นภาพรวม ๆ ของสิ่งนั้น เพื่อช่วยวิเคราะห์ปรากฏการณ์อย่างเป็นระบบ อธิบายพฤติกรรมที่เป็นจริง ความคิดรวบยอดเป็นนามธรรม
ข้อตกลงเบื้องต้น : เป็นข้อความที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการวิจัยที่สร้างขึ้นเพื่อให้ยอมรับว่าเป็นจริงโดยไม่ต้องพิสูจน์หรือทดสอบ บอกว่ามีอะไรบ้าง ต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมหรือประจักษ์พยานยืนยัน ไม่เกินความเป็นจริง มีหลักฐาน หรือผลการวิจัยอื่นยืนยัน
การลงสรุปความเห็น (Generalization) กลุ่มคำหรือข้อความที่แสดงถึงความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันระหว่าง ๒ ความคิดรวบยอดหรือมากกว่า การลงสรุปความเห็นเชื่อมโยงความคิดรวบยอดให้มีความหมายขึ้น มีหลายชนิด เช่น ข้อตกลงเบื้องต้น สมมติฐาน (โดยมีหลักเกณฑ์มาสนับสนุนอย่างจำกัด) กฎเกณฑ์ (มีหลักเกณฑ์มาสนับสนุนอย่างเพียงพอ) กฎ (มีหลักเกณฑ์มาสนับสนุนอย่างมากหรือหลายกฎเกณฑ์)
หน้าที่ทฤษฎี : เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ มีหน้าที่เฉพาะ คือ แนะหลักเกณฑ์ในการวิจัย ช่วยให้เห็นภาพตามความเป็นจริง ช่วยกำหนดแนวทางในการศึกษาหาความรู้ แนะให้การปฏิบัติช่วยทำให้การตัดสินใจที่ถูกต้อง
การวิจัย (Research) กระบวนการหาความรู้อย่างมีระบบเพื่อการเข้าใจ คาดการณ์ ควบคุมปัญหานั้น ๆ มีหลายแบบ ขึ้นกับจุดมุ่งหมายของแต่ละแขนงวิชา
เคอร์ลิงเจอร์ : การวิจัยเป็นกระบวนการวิทยาศาสตร์ที่ควบคุมหลักเกณฑ์และค้นพบสมมติฐาน ซึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์ธรรมชาติ สมมติฐานเป็นตัวนำให้การวิจัยเป็นไปอย่างมีหลักเกณฑ์
สมมติฐาน (Hypotheses) เวลาจะหาคำตอบของปัญหาใด สิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นคำตอบหรือสงสัยว่าจะเป็นคำตอบของปัญหาซึ่งอาจจะเกิดจากหลักการ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับปัญหานั้น ๆ หรือประสบการณ์ส่วนตัว ข้อความที่คาดการณ์บ่งบอกถึงความสัมพันธ์กันระหว่างตัวแปรอย่างน้อย ๒ ตัวแปร เป็นตัวเชื่อมระหว่างทฤษฎีและการวิจัยเพื่อช่วยให้การทดสอบทฤษฎีเป็นความจริง
การตั้งสมมติฐานควรจะมีหลักการหรือเหตุผลที่เหมาะสมช่วยประกอบเพื่อแสดงว่าทำไมจึงได้ตั้งสมมติฐานในข้อปัญหา : ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับปัญหา (หัวข้อ : ตรง/อ้อม, ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้วิจัย) มีส่วนในการกำหนดสมมติฐาน : การวิจัยไม่จำเป็นต้องมีสมมติฐานเสมอไป เช่น การวิจัยเชิงสำรวจ (ไม่แน่ใจว่าพบอะไร) การวิจัยที่ไม่มีทฤษฎีหรือวิจัยเรื่องนั้นมาก่อน (ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะคาดการณ์ได้)
การทดสอบสมมติฐาน : หากยังไม่ได้รับการทดสอบจะเป็นเพียงการคาดเดาหรือคาดการณ์ในความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นเมื่อตั้งสมมติฐานแล้ว : เริ่มจากพิจารณาว่าอะไรคือผลที่จะเกิดขึ้นถ้าหากสมมติฐานที่ตั้งนั้นเป็นจริง เลือกหาวิธีการที่จะทดสอบเพื่อดูผลว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ทดสอบตามวิธีที่เลือกไว้โดยรวบรวมความจริงที่เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาตามสมมติฐานที่ตั้งไว้เพื่อปฏิเสธหรือยอมรับสมมติฐานนั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างทฤษฎีการปฏิบัติในการบริหารการศึกษา : ทฤษฎีแนะแนวทางในการปฏิบัติ กระบวนการของทฤษฎีช่วยวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดจากการทำงาน ช่วยแนะผู้ปฏิบัติในการตัดสินใจสั่งการอย่างมีเหตุผล
กระบวนการแก้ปัญหา (วิธีการวิจัย) : ศึกษาปัญหา รวบรวมข้อมูล สรุปลงความเห็นโดยการคาดการณ์ทางแก้ปัญหานั้น ๆ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา ทดสอบแนวทางแก้ปัญหา
การวิจัยทางการบริหารการศึกษา
การวิจัย : การเสาะแสวงหาความรู้ใหม่ วิธีการแก้ปัญหาแบบใหม่ คำตอบใหม่ โดยใช้กระบวนการที่เชื่อถือได้หรือกระบวนการที่ยอมรับในศาสตร์นั้น ๆ
การวิจัยทางการศึกษา (Educational Research) : การเสาะแสวงหาความรู้ – วิธีการแก้ปัญหา – คำตอบใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาโดยใช้วิธีการที่ยอมรับในศาสตร์การศึกษา
การวิจัยการบริหารการศึกษา (Administration Research) : การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการบริหารการศึกษา
วิจิตร ศรีสะอ้าน (๒๕๓๖) ความหมายการวิจัยทางการบริหารการศึกษา : ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับกิจกรรมของครู นักเรียน ผู้บริหาร ในการร่วมมือกันจัดการเรียนการสอนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการศึกษาโดยการใช้กระบวนการ ทรัพยากรที่เหมาะสม
แกตเตอร์ (Glatter, 1979, p.16) ความหมายการวิจัยการบริหารการศึกษา : การศึกษาการดำเนินการภายในของสถาบันการศึกษา สภาพแวดล้อมของสถาบันการศึกษา องค์กรที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลสถาบันการศึกษา
ฮอลเลอร์ และ คเนพ (Haller and Knapp, 1985, p.161) การวิจัยการบริหารการศึกษา : การศึกษาความสัมพันธ์ที่เป็นรูปแบบระหว่างองค์ประกอบที่พบเห็นเป็นประจำ คือ เนื้อหาหลักสูตร ผู้เรียน ครู สภาพแวดล้อม ผู้บริหาร โดยมีจุดเน้นที่ผลกระทบของความสัมพันธ์ต่อการถ่ายทอดความรู้สู่ผู้เรียน
การวิจัยบริหารการศึกษา : การวิจัยเกี่ยวกับองค์ประกอบทางการศึกษา ได้แก่ องค์การ ผู้บริหาร ครู นักเรียน นักศึกษา การเรียนการสอน วัสดุอุปกรณ์ สภาพแวดล้อม โดยมีจุดเน้นที่ภารกิจ กระบวนการทำงานร่วมกันในอันที่จะทำให้การเรียนการสอนบรรลุวัตถุประสงค์
การวิเคราะห์ขอบเขตของการวิจัยทางการบริหารการศึกษา : ตามระดับการศึกษาปฐมวัยศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา อุดมศึกษา และพิจารณามิติไปพร้อมกัน คือ มิติภาระงาน (วิชาการ งบประมาณ บริหารบุคคล บริหารทั่วไป) มิติกระบวนการบริหาร (การวางแผน จัดหน่วยงาน จัดหาบุคคล อำนวยการ ประสานงาน รายงาน จัดสรรงบประมาณ)
การกำหนดขอบเขตตามทฤษฎี : ฮอยและมิสเกล (Hoy and Miskel, 1991) สรุปลักษณะงานบริหารการศึกษากับทฤษฎีหรือหลักการบริหารที่ใช้ทำให้เกิดแนวทางการวิจัยบริหารการศึกษา
ขอบข่าย |
ทฤษฎี/ตัวแบบ |
โรงเรียนในฐานะเป็นระบบสังคม |
ทฤษฎีระบบสังคม |
สภาพแวดล้อมภายนอกของโรงเรียน |
โลกทัศน์แห่งข่าวสารหรือแห่งการพึ่งพาทรัพยากร |
อำนาจ |
ทฤษฎีอำนาจของ Mintzberg |
โครงสร้างองค์การในโรงเรียน |
ตัวแบบระบบราชการหรือโครงสร้างแบบทางการ โครงสร้างแบบจักรกล (mechanistic) โครงสร้างตามแนวคิดของ Mintzberg โครงสร้างแบบสิ่งมีชีวิต (organic) ทฤษฎีโครงสร้างโรงเรียนแบบหลวม ๆ |
นักวิชาชีพครูในโรงเรียน |
ทฤษฎีความขัดแย้งระหว่างนักวิชาชีพครูและองค์การ |
แรงจูงใจในโรงเรียน |
ทฤษฏีความต้องการของ Maslow ทฤษฎีสององค์ประกอบของ Herzberg ทฤษฎีความคาดหวัง หรือทฤษฎีเป้าหมาย |
ลักษณะกลุ่มทำงาน |
ทฤษฎีบรรยากาศขององค์การ หรือวัฒนธรรมขององค์การ |
ภาวะผู้นำ |
ทฤษฎีคุณลักษณะ หรือพฤติกรรม หรือภาวการณ์ |
การตัดสินใจ |
ตัวแบบคลาสสิก/บริหาร/สะสม/ถังขยะ/ทฤษฎีความขัดแย้งในการตัดสินใจ |
การสื่อสาร |
กรอบแนวคิดทางสังคมวิทยา – จิตวิทยา/การสื่อสารแบบทางการ – ไม่เป็นทางการ |
ประสิทธิผลขององค์การโรงเรียน |
ตัวแบบเป้าหมาย/ทรัพยากรระบบ/ผสม |
กลุ่มงานวิจัยบริหารการศึกษา : งานวิจัยเกี่ยวกับโรงเรียน สภาพแวดล้อมภายในโรงเรียน อำนาจ
โครงสร้างของโรงเรียน นักวิชาชีพในโรงเรียน แรงจูงใจ กลุ่มการทำงาน ภาวะผู้นำ การตัดสินใจ การสื่อสาร ประสิทธิผลของโรงเรียน
ปัญหาการใช้ผลงานวิจัยในการบริหารการศึกษา
๑. ขาดงานวิจัยเพื่อการกำหนดนโยบายและการแก้ปัญหา : งานวิจัยเชิงนโยบายมีน้อยเป็นอุปสรรคต่อการกำหนดนโยบาย การนำนโยบายไปใช้ การประเมินนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินงานโดยทั่วไปผู้บริหารต้องการข้อมูลที่สอดคล้องกับปัญหาแต่ละเรื่องและแต่ละแห่งแตกต่างกัน ต้องการการศึกษาวิเคราะห์เป็นการเฉพาะ มีความสำคัญในสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยสถาบันเพื่อจัดหาข้อมูลสำหรับใช้ในการบริหารสถาบันอุดมศึกษา แต่ความสนใจในการทำและการใช้มีน้อยมาก
๒. การผลิตไม่ทันการใช้ : งานวิจัยคือข้อมูลสำหรับการแก้ปัญหาและการตัดสินใจจะไม่เป็นประโยชน์ถ้าไม่แล้วเสร็จทันเวลาการตัดสินใจ
๓. ขาดการจัดระบบ จัดเก็บหรือข้อมูลสารสนเทศอย่างเป็นระบบ : ข้อมูลเป็นตัวป้อน (Input) สำคัญสำหรับการกำหนดนโยบาย วางแผน แก้ปัญหา ตัดสินใจ การดำเนินงานด้านต่าง ๆ อาจนำมาจากทั้งภายใน – ภายนอกหน่วยงาน ที่มีอยู่แล้วหรือจัดทำขึ้นใหม่ เป็นข้อมูลดิบหรืองานวิเคราะห์วิจัย ที่สำคัญคือต้องมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้เป็นสารสนเทศสำหรับการตัดสินใจ ที่มีความถูกต้องสอดคล้องกับปัญหาและทันต่อเวลา มิฉะนั้นจะมีแต่ข้อมูลแต่ขาดสารสนเทศ
๔. ปัญหาเกี่ยวกับผู้บริหาร : เคยชินกับการบริหารแบบเดิม ตัดสินใจโดยไม่ใช้ข้อมูล มีทัศนคติไม่ดีต่องานวิจัย (งานบนหอคอย : ห่างไกลจากปัญหา ไม่สัมพันธ์กับการปฏิบัติ) แก้ไขด้วยการให้การศึกษา ฝึกอบรม ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิจัย นำผลการวิจัยไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบข่ายของการวิจัยการบริหารการศึกษา : มี ๒ มิติ คือ มิติภาระงาน มิติกระบวนการ เกื้อกูลซึ่งกันและกัน : ทฤษฎีให้แนวทางสำหรับการบริหาร การบริหารที่มีประสิทธิภาพย่อมอาศัยหลักและทฤษฎี : กว้างเท่ากับขอบเขตของภารกิจการบริหารและลึกเท่ากับพัฒนาการของทฤษฎีในเรื่องบริหารนั้น ๆ
มสธ. (2536) : มีชุดวิชาทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการบริหารการศึกษา ๑๐ หน่วย (ตัวกำหนดขอบข่ายในการวิจัยการบริหารการศึกษา) คือ ทฤษฎีระบบสังคม องค์การ พฤติกรรมองค์การ การจูงใจ การสื่อสาร การบริหารข้อขัดแย้ง ประสิทธิภาพและประสิทธิผลองค์การ ทฤษฎีและกระบวนการพัฒนาผู้นำ ทฤษฎีและกระบวนการตัดสินใจ ทฤษฎีและกระบวนการพัฒนาทีมงาน
บรรณานุกรม
ภารดี อนันต์นาวี. (2553). หลักการ แนวคิด ทฤษฎีทางการบริหารการศึกษา :
Principles, Theories of Educational Administration. พิมพ์ครั้งที่ 3.
ชลบุรี : มนตรี.
ไม่มีความเห็น