|
|
อีกโมเดลหนึ่งของผู้นำตามสถานการณ์ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยโรเบิร์ต เฮาส์ ในโมเดลของ House's Path Goal นี้จะแสดงถึงผู้นำที่มีประสิทธิภาพ โดยกำหนดงานให้เฉพาะเจาะจงลด อุปสรรคในการทำงาน โดยให้ความกระจ่างชัดเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มโอกาส หรือขจัดความคลุมเครือให้กับงานสัมพันธ์กับความพึงพอใจของผู้นำได้ทำงานนั้น ๆ กำหนดแนว ทางในการปฏิบัติงานและให้ผู้ใต้บังคับบัญชารับรู้ถึงจุดประสงค์ในการทำงาน ในโมเดลนี้หน้าที่หลักของผู้นำก็คือ กระตุ้นหรือส่งเสริมสมาชิกในมีงานและสนับสนุนช่วยเหลือ ผู้ใต้บังคับบัญชา เพิ่มคุณค่าให้กับงานเพื่อให้งานนั้น บรรลุวัตถุประสงค์ แบบที่เฉพาะของพฤติกรรม ผู้นำควรถูกกำหนดโดย 2 ตัวแปรที่เป็นสถานการณ์ : ลักษณะของผู้ใต้บังคับบัญชา : ลักษณะของงาน ซึ่งก็คล้ายกับ 2 โมเดลที่ได้กล่าวมาข้างต้น ในทฤษฎีนั้จะแบ่งลักษณะของผู้นำได้เป็น 4 แบบดังนี้คือ 1. ผู้นำที่เน้นความสำเร็จของงาน (Achievement-oriented leadership) เป็นลักษณะของผู้นำที่ตั้งจุดมุ่งหมายในการทำงานที่ท้าทายความสามารถ 2. ผู้นำที่มุ่งงานโดยสั่งการ (Directive Leadership) เป็นลักษณะของผู้นำที่คอยวางแผน จัดแนวทางการทำงาน สั่งการและควบคุมผู้ใตับังคับบัญชา อย่างใกล้ชิด 3. ผู้นำที่ชอบให้มีส่วนร่วม (Participative Leadership ) เป็นลักษณะของผู้นำที่ชอบให้ลูกน้องมีส่วนร่วมในการออกความคิดเห็นให้ข้อมูล ให้คำปรึกษา รวมถึงการให้ลูกน้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจผู้นำประเภทนี้ส่วนมากจะชอบการทำงานเป็นทีม 4. ผู้นำที่คอยให้การสนับสนุน (Supportive Leadership) เป็นลักษณะของผู้นำที่เป็นมิตร คอยดูแลทุกข์-สุขของลูกน้องและสามารถเป็นที่พึ่งของลูกน้องได้ ผู้นำประเภทนี้จะใช้วิจารณญาณและจิตใจในการบริหารงานและผูกใจผู้ใต้บังคับบัญชา ลักษณะของผู้ใต้บังคับบัญชา ในตัวแปรตามสถานการณ์ตัวแรกของเฮาส์คือ ลักษณะของผู้ใต้บังคับบัญชาในโมเดลนี้จะชี้ให้เห็น ถึงความสำคัญของภาวะผู้นำว่าจะถูกยอมรับจากผู้ใต้บังคับบัญชาหรือไม่ รวมทั้งมีผลต่อความพึงพอใจ ในการทำงาน และอนาคตของการทำงานด้วยว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะสามารถอยู่กับองค์กรต่อไปได้หรือไม่ ลักษณะของงาน ในตัวแปรสถานการณ์ตัวที่ 2 ใน path-goal model เป็นลักษณะของงานที่เราต้องให้ความสนใจ สำหรับงานที่อยู่ในรูปแบบที่ปฏิบัติงานและทำเป็นประจำ ผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำงานตามคำสั่งโดยไม่ ให้ความสำคัญกับงานเท่าไหร่นัก ในการทำงานเพื่อที่จะควบคุมการทำงานได้อย่างปราศจากความ ผิดพลาด แต่หารู้ไม่ว่าการเพิ่มขั้นตอนการทำงาน เข้มงวดในงานทำให้ลูกน้องเกิดความไม่พึงพอใจ ในงานไม่เหมือนกับผู้นำในลักษณะ Participative และ Supportive จะเพิ่มความพึงพอใจในงาน ให้กับลูกน้อง โดยบอกถึงวัตถุประสงค์ของงาน และนโยบายของบริษัทให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับทราบ องค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทีมงานที่ถูกสร้างขึ้นให้ปฏิบัติงานประจำและมีโครงสร้างของงานอยู่ในรูปแบบที่ง่าย ส่วนใหญ่จะมี รายงานแสดงถึงความพึงพอใจใจงานที่ทำสูงมักจะชอบผู้นำในลักษณะ supportive มากกว่าผู้นำ ประเภท Directive สำหรับทีมงานที่ทำงานแบบไม่มีโครงสร้าง และมีรูปแบบที่ซับซ้อน ซึ่งจะแสดงถึงความ สามารถในการทำงานสูงผลิตงานออกมาได้อย่างมีคุณภาพและมีผลผลิตสูง มักชอบผู้นำในลักษณะ Directive แต่จะไม่เน้นความพึงพอใจในงานที่ทำอยู่ ที่มา:http://reg.ksu.ac.th/teacher/supavadee/House.html |
ไม่มีความเห็น