The Geography of Bliss: บทสำรวจ “ความสุข” ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ


“เงิน” จึงไม่ได้มีความสัมพันธ์กับความสุขแบบตรงไปตรงมา ความร่ำรวยจะนำไปสู่ความสุขก็ต่อเมื่อเชื่อมโยงกับผู้คนรอบข้าง เชื่อมร้อยจิตใจที่ละเอียดอ่อนของตัวเราเข้ากับคนรอบข้าง

โดย เจริญชัย ไชยไพบูลย์วงศ์

(www.siamintellignece.com)

 



บทความนี้เป็นการรีวิวหนังสือ The Geography of Bliss เขียนโดย Eric Weiner แปลเป็นไทยในชื่อ “ภูมิศาสตร์แห่งความสุข” ด้วยฝีมือละเมียดของคุณโตมร ศุขปรีชา




 


“ความสุข” ง่ายที่จะเห็น แต่ยากที่จะเดินไปถึง


มนุษย์ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์และซับซ้อน
เราเดินทางออกจากถ้ำและมุ่งมั่นรังสรรค์อารยธรรมมายาวนานหลายพันปี
จนทุกวันนี้ชีวิตก็โอบล้อมไปด้วยความสุขสบายทางกายไม่สิ้นสุด
ตั้งแต่การช้อปปิ้งสินค้าเลิศหรูและลิ้มรสอาหารจากทั่วทุกมุมโลก
ไปจนกระทั่งการนวดสปาที่ผ่อนคลายจิตใจไปสู่สรวงสวรรค์
แต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครกล้าประกาศออกมาว่า “ฉันมีความสุข”


ที่น่าตลกก็คือ บางคนถึงกับกล่าวร้าย “ความเจริญทางวัตถุ”
ว่าเป็นตัวบั่นทอนความสุขของมวลมนุษยชาติ
แต่กระนั้นพวกเขาก็กลับไม่มีคำตอบที่น่าพึงใจและเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่
การพร่ำพูดแต่ว่า “ละทิ้งวัตถุอันชั่วร้าย เพื่อมุ่งหาจิตใจอันสงบร่มเย็น”
ย่อมเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่ออันเลื่อนลอย
โดยลืมไปว่ามนุษย์นั้นสุดแสนละเอียดอ่อนที่ปรารถนาทั้งความหิวกระหายแห่ง
เนื้อหนังมังสา ขณะที่ปรารถนาความสงบสุขทางวิญญาณที่ไม่น่าเบื่อ
หากเต็มไปด้วยสีสันเร้าใจ


The Geography of Bliss
คือ
บทบันทึกการเดินทางแสวงหาความสุขของมนุษย์ธรรมดาที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อและ
ยังไม่อาจหลุดพ้นจากบ่วงกิเลสตัณหา
การวิจัยครั้งนี้จึงไม่ได้เริ่มจากทฤษฎีหรือบทสรุปล่วงหน้าแบบนักวิชาการ
แต่เป็นการสัมผัสวิถีคิดและประสบการณ์ความสุขของผู้คนจาก 10
ประเทศที่เป็นตัวแทนของความสุขในรูปแบบที่แตกต่าง ข้อดีของวิธีการนี้ก็คือ
บทเรียนความสุขที่ได้จะมาจาก “คนจริงๆ” ไม่ใช่คนในอุดมคติ ที่สำคัญ
ความสุขเหล่านี้ยังแยกไม่ออกจากบริบทและสภาพแวดล้อมทางสังคม
จึงทำให้ความสุขที่ค้นพบมีความลุ่มลึกและสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับสังคมโลก
ได้ดีกว่าความสุขที่กลั่นออกมาจากทฤษฎีที่หลุดลอยจากวิถีชีวิตอันวุ่นวาย


“เนเธอร์แลนด์” ดินแดนแห่งเสรีภาพ
ที่คุณจะนั่งเอ้อระเหยเพื่อผ่อนคลายในร้านกาแฟหอมกรุ่น
หากนั่นยังไม่พอสำหรับตรึกตรองปรัชญาอันลึกซึ้ง คุณก็ยังสามารถมองหา
“สารเสพติด” เพื่อมอมเมาตัวเองอย่างถูกกฎหมาย
โดยไม่ต้องละอายต่อศีลธรรมที่แสนน่าเบื่อแม้แต่น้อย



ความสุขของชนชาตินี้ คือ การแสวงหาสัจจะที่เป็นวิทยาศาสตร์
ไม่ยอมปล่อยให้ศีลธรรมหรือสัญชาติญาณมากำหนดชะตาชีวิต
จึงไม่น่าแปลกใจที่ดินแดนแห่งนี้เป็นผู้นำอันโดดเด่นในการวิเคราะห์ความ
สุขออกมาเป็น “ตัวเลข”


คุณอาจจะบอกว่า ความสุขเป็นสิ่งที่อยู่ในใจที่แสนละเมียด
ตารางและแผนภูมิล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ แต่กระนั้น
ดินแดนแห่งนี้ก็ยังพร้อมเสมอที่จะเปิดโอกาสให้ผู้คนได้ทดลองในสิ่งต่างๆที่
เป็นเรื่องต้องห้ามในสังคมแห่งอื่น
ที่นี่จึงเป็นสวรรค์สำหรับผู้รักในอิสรเสรีภาพโดยแท้


ในทำนองตรงข้าม “ภูฎาน” เป็นดินแดนแห่งเมฆหมอก
ที่ซึ่งความสุขไม่จำเป็นต้องวัดค่าจากตัวเลข
แต่ได้ซึมลึกอยู่ในวิถีชีวิตของทุกคน
ประเทศเล็กๆนี้มีนิยามความสุขที่แตกต่างจากวิถีคิดแบบเป็นวิทยาศาสตร์ของ
ชาวตะวันตก พวกเขาไม่ยอมรับว่า GDP
หรือความมั่งคั่งจะนำมาซึ่งความสุขเสมอไป ยิ่งกว่านั้น
ความตายยังไม่ใช่ศัตรูที่แท้จริงของชีวิต
การเจริญสติภาวนาถึงความตายอาจทำให้ค้นพบความสงบงามที่เป็นต้นธารของความสุข
หรืออย่างน้อยก็ช่วยปลดปล่อยตัวเราจากภาระการงานและความหนักอึ้งของชีวิต



เสรีภาพที่จะลิ้มลองความสุขแบบสุดขั้วของชาวเนเธอร์แลนด์อาจไม่จำเป็นสำหรับ
ชีวิตแบบภูฎานที่แสนเรียบง่าย
การสูบบุหรี่หรือกัญชาอาจผิดกฎหมายในประเทศนี้
แต่กระนั้นก็ยังมีสิ่งทดแทนที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน นั่นคือ
ความสงบสุขและการเติบโตของจิตวิญญาณ


“กาตาร์” คือ
ประเทศที่สวรรค์ประทานให้ร่ำรวยอย่างฉับพลัน
ประชาชนแทบไม่ต้องเหนื่อยล้าจากการทำงานจึงมาเดินปล่อยอารมณ์กันในห้างสรรพ
สินค้าสุดหรู
นอกจากนี้ยังมีโรงแรมที่พร้อมจะอำนวยความสุขล้นตั้งแต่ย่างเท้าแรกจนแม้
กระทั่งนั่งอยู่ในสระว่ายน้ำ
สำหรับงานบ้านอันหนักหน่วงน่าเบื่อหน่ายทั้งหลายนั้น
ก็มีคนรับใช้ที่เป็นชาวต่างชาติคอยพะเน้าพะนอเอาใจ
ประเทศนี้จึงเป็นแดนสวรรค์ของคนเกียจคร้านโดยแท้



อย่างไรก็ตาม ความสุขของคนในประเทศนี้ก็ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่ขาดหายไป
นั่นคือ ความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม แน่นอนว่า
ความร่ำรวยอาจซื้อหาศิลปะวัตถุมาเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ได้
แต่ไม่อาจเชื่อมโยงทางจิตใจกับเจ้าของประเทศได้
ทั้งหมดจึงยิ่งทำให้ความมั่งคั่งกลายเป็นไร้ความหมายทางจิตใจ
ความสะดวกเลิศหรูทางวัตถุได้กลายเป็นสัมผัสอันเย็นชืดของจิตวิญญาณ


“เงิน” จึงไม่ได้มีความสัมพันธ์กับความสุขแบบตรงไปตรงมา
ความร่ำรวยจะนำไปสู่ความสุขก็ต่อเมื่อเชื่อมโยงกับผู้คนรอบข้าง
เชื่อมร้อยจิตใจที่ละเอียดอ่อนของตัวเราเข้ากับคนรอบข้าง


ในมุมกลับกัน “มอลโดวา”
ได้กลายเป็นดินแดนที่ไร้สุขที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
พวกเขาต้องยากจนแบบฉับพลันเพราะการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
มอลโดวาได้กลายเป็นประเทศที่ถูกลอยแพ
ความเศร้าสร้อยสิ้นหวังกระจายอบอวลอยู่ในบรรยากาศของประเทศนี้
นี่จึงเป็นตัวอย่างของประเทศที่ไร้สุขเพราะปัจจัยจากนอกประเทศ


เงินไม่ได้เป็นทำให้ประเทศนี้ไร้สุขแบบตรงไปตรงมา
แต่เป็นความรู้สึกทางจิตใจของคนในชาติที่มักเปรียบเทียบตนเองกับชาติที่ร่ำ
รวยกว่าอย่างอิตาลีและเยอรมัน
พวกเขาจึงไม่อาจมีความสุขได้ดังเช่นประเทศไนจีเรียและบังคลาเทศ
ที่ถึงแม้จะยากจนแต่ก็มีความพึงพอใจในตัวเอง


“ไอซ์แลนด์” อาจเป็นประเทศหนึ่งที่มีความสุขล้นในรูปแบบที่พิลึกพิลั่นที่สุด นั่นคือ การมีความสุขในท่ามกลางความล้มเหลว


ภูมิประเทศที่สลัวมืดมัวตั้งแต่เช้ายันเที่ยง
ก็คงทำให้จิตใจของคนไอซ์แลนด์ต้องจมปลักในความหดหู่
แต่ชนชาตินี้ชาญฉลาดเกินกว่าที่จะทำให้อารมณ์ขุ่นมัวในเรื่องที่แก้ไขมิได้
พวกเขามีวิธีผ่อนคลายความมืดมัวด้วยรูปแบบที่หลากหลาย
ตั้งแต่การดื่มอย่างเมามายไปถึงการร่ายรำบทกวีและศิลปะ
ที่ทำให้ชีวิตที่มืดหม่นนี้ลอยฟ่องไปด้วยรสชาติของชีวิต



บรรยากาศที่มืดครื้มยาวนาน จึงทำให้ไอซ์แลนด์ไม่หวาดกลัวกับความมืดมน
ไม่หวั่นเกรงต่อความล้มเหลว
พวกเขาจึงมีอิสระที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆอย่างเต็มที่
การทำงานจึงเป็นเหมือนการทดลอง หากไม่พอใจก็เปลี่ยนไปทำสิ่งอื่น แน่นอนว่า
ความไม่เป็นมืออาชีพของคนชาตินี้จะทำให้ผลงานจำนวนมากกลายเป็นขยะล้นประเทศ
แต่กระนั้น
ความกล้าทดลองสิ่งใหม่ๆอย่างไม่กลัวล้มเหลวก็ทำให้นวัตกรรมและความสร้าง
สรรค์ใหม่ๆสามารถเจริญงอกงามได้ไม่มีวันสิ้นสุด


ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ “ไทย” ได้เป็น 1 ใน 10
ประเทศแห่งความสุขในกรณีศึกษาของ Eric Weiner แน่นอนว่า
ประเทศไทยคงไม่ใช่ดินแดนที่อิ่มล้นด้วยความสุขที่สุดในโลก แต่กระนั้น
คงต้องมีบางอย่างที่เป็นเอกลักษณ์และพิเศษสุดในดินแดนขวานทองนี้แน่ๆ
จึงทำให้นักแสวงสุขมือสมัครเล่นคนนี้ให้ความสำคัญ


คนไทยอาจมีส่วนคล้ายคลึงกับชาวภูฎานที่เชื่อว่า “ความสุข”
มาจากจิตใจมากกว่าความมั่งคั่งร่ำรวย
แต่สิ่งที่คนไทยแตกต่างจากชาวตะวันออกด้วยกันก็คือ
ความกระหายที่จะมีความสนุกเบิกบานในทุกช่วงเวลาของชีวิต


“ความสุขของคนไทย คือ การไม่คิด”
หากพิจารณาเพียงผิวเผินก็ดูเหมือนว่าจะเป็นคำดูถูกจากฝรั่งตาน้ำข้าว
แต่คนไทยที่คิดแบบนี้ก็แสดงว่าถูกครอบงำจากวิธีคิดและการประเมินคุณค่าแบบ
ตะวันตกซึ่งหมกมุ่นกับความคิดอย่างหัวปักหัวปำและละเมอเพ้อพกว่าชิวิตที่ดี
คือ ชีวิตที่รู้จักคิด



การที่คนไทยไปพ้นจากการคิดแบบตรรกะเข้าสู่ความฉลาดทางอารมณ์และปฏิภาณ
ไหวพริบในการพลิกแพลงตามสถานการณ์
ก็ได้ทำให้เมืองไทยโดยเฉพาะกรุงเทพเป็นเมืองที่วุ่นวายและสลับซับซ้อนเป็น
ที่สุด มีทั้งความเจริญและตึกสูงระฟ้าปะปนกับชีวิตแบบชนบทตามตรอกซอกซอย
โดยบางครั้งกลิ่นผัดไทยและขยะทั้งหลายที่อาจทำให้คุณภาพชีวิตของคนในเมือง
หลวงตกต่ำไปบ้าง
แต่ก็แลกมาด้วยเสน่ห์สีสันจากสิ่งละอันพันละน้อยที่แตกต่างอย่างสุดขั้วได้
มาผสานร่วมกัน


เหตุการณ์รัฐประหารในปี 2549
อาจทำให้ฝรั่งผู้เจริญหลายต่อหลายคนต้องส่ายหัวส่ายหน้า
เพราะแม้คนไทยจะร่ำรวยมากขึ้นในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
แต่ก็ยังไม่อาจสลัดความคิดอันป่าเถื่อนแบบนี้ทิ้งไปได้ อย่างไรก็ตาม
ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้กลับเข้าใจเมืองไทยมากกว่านักวิชาการฝรั่งทั่วไป
โดยเฉพาะการเรียนรู้ว่า
“คนไทยชาญฉลาดเพียงพอที่จะมีความสุขรื่นรมย์ได้ในสถานการณ์ที่ลักลั่นย้อน
แย้ง” ถึงแม้ว่าจะมีการปฏิวัติ แต่ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไปอย่างมีสีสัน
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็สามารถเดินทางเข้าออกประเทศไทยผ่านสนามบินได้ตามปกติ
รวมถึงสถานบันเทิงทั้งหลายก็กลับมาทำมาหากินได้อย่างปกติสุขในเวลาไม่นานนัก



4 ประเทศที่เหลือ คือ อินเดีย อเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ และอังกฤษ
ก็ล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์สีสันชวนค้นหาไม่ต่างจาก 6 ประเทศที่กล่าวถึงไปแล้ว
โดยความหอมหวานของหนังสือเล่มนี้คงไม่ได้อยู่ที่การตามหารูปแบบสมบูรณ์ในการเข้าถึงความสุข
แต่เป็นการละเลียดความสนุกขบขันในแง่คิดที่แสนยั่วล้อหากเปี่ยมไปด้วย
ภูมิปัญญา ยิ่งกว่านั้น ยังเต็มไปด้วยมุมเล็กมุมน้อยในวิถีชีวิต
อาหารการกิน
และอารมณ์ความรู้สึกที่ผู้เขียนได้พบพานตลอดการวิจัยแห่งความสุขนี้
ซึ่งทั้งหมดได้สะท้อนปรัชญาแห่งความสุขที่เต็มไปด้วยชีวิตเลือดเนื้อแห่ง
ความเป็นมนุษย์


การได้เปิดหูเปิดตากับความสุขและไร้สุขที่หลากหลายในหนังสือเล่มนี้
ก็อาจช่วยทำให้คนไทยทั้งหลายได้ค้นพบเส้นทางแห่งความสุขในแบบฉบับของตนยิ่ง
กว่าที่เคยเป็นมา
ถึงแม้ว่าเมืองไทยในเวลานี้จะแวดล้อมไปด้วยบรรยากาศที่ไร้สุขเพียงใดก็ตาม


หมายเลขบันทึก: 450284เขียนเมื่อ 21 กรกฎาคม 2011 14:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012 10:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบคุณสาระดีๆค่ะ ค้นเจอแล้วว่า ความสุขอยู่ที่ใจ

"ความสุขอยู่ที่ใจ"

หากทว่า กว่าจะหาใจเจอก็ต้องฝ่าฝันอีกมากมายทีเดียวครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท