ความเร่าร้อนในนรก ที่มีผู้กล่าวถึงและกลัวกันมากว่าจะตกนรกนั้น อันที่จริง ก็เป็นความเชื่อที่สืบทอดต่อๆ กันมา จนบางครั้งต้องตีความเป็นว่า "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ" ในเรื่องนี้โบราณาจารย์ทั้งหลาย ท่านก็กล่าวไว้ ดังมีบาลีที่แสดงถึงความร้อนของไฟในนรก ที่ปรากฏแก่นายจุนทสูกริก เพรชฆาตฆ่าหมู ไม่เคยสนใจเรื่องการบุญการกุศล แม้พระพุทธองค์จะประทับอยู่ใกล้ๆ ก็ตาม เขาได้รับผลกรรมที่ได้ทำไว้อย่างน่าสมเพช และเกิดความเร่าร้อนที่ปรากฎประหนึ่งไฟในนรกกระหน่ำถาโถมเข้าใส่จนซมซ่อ ก่อนที่เขาจะสิ้นใจตาย
ไฟในรกนั้น มีความร้อนที่สามารถจะทำให้ผู้ที่ยืนอยู่ไกลถึง ๑๐๐ โยชน์ ตาบอดได้ในทันทีทันใด ดังบาลีว่า
อวีจิสนฺตาโป นาม โยชนสเต ฐตฺวา โอโลเกนฺตสฺส อกฺขีนิ ภินฺทนสมตฺโถ ปริฬาโห โหติ ฯ (ธรรมบท ภาค ๑ หน้า ๑๑๗)
ถอดใจความว่า อวีจิสนฺตาโป นาม อันธรรมดาว่า ความร้อนในนรกชื่อว่าอเวจี อกฺขีนิ ภินฺทนสมตฺโถ ปริฬาโห โหติ เป็นความร้อนที่สามารถจะทำลายนัยน์ตาทั้งสอง โยชนสเต ฐตฺวา โอโลเกนฺตสฺส ของผู้ยืนมองอยู่ไกลถึง ๑๐๐ โยชน์
และความร้อนนั้นก็มิเคยที่จะเย็นลงตามกาลเวลา คงเสมอต้นเสมอปลายตามผลกรรมที่ได้รับอย่างไม่รู้คืนรู้วัน ดังที่ปรากฎในพระไตรปิฎก ว่า
สมนฺตา โยชนสตํ ผริตฺวา ติฏฺฐติ สพฺพทา(ม.อุป. ๑๔/๓๔๑)
ความร้อนในนรกชื่อว่าอเวจีนั้น แผ่กระจายออไปรอบด้าน (สมนฺตา) มีความร้อนสมำเสมอ (สพฺพทา) แม้จะล่วงกาลเวลาไปนานเท่าไรก็ตาม
ฉะนั้น เมื่อได้รู้ว่า ตกนรกหมกไหม้นั้น ทรมานแค่ไหนแล้ว เพื่อมิให้ไปซ้ำรอยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยก่อนๆ โน้น ควรรีบหาวิธีป้องเพื่อมิให้เกิดขึ้นกับตัวเรา จงรีบสร้างกุศลกันเสียแต่วันนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป
"จงทำวันนี้ ให้ดีที่สุด แล้วจะหลุดพ้นจากอบาย"
ไม่มีความเห็น