โลกใบนี้มีหลากหลายประกอบกันความสุขเล็ก ๆ ของฉันได้ทำงานกับกลุ่มชมรม
ผู้สูงอายุพฤฒิพลังอำเภอแจ้ห่ม มีสโลแกนว่า ผู้สูงวัยรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพองค์รวมเอื้ออาทรมีจิตสาธารณะร่วมสร้างเครือข่ายภาคีสุขภาพ
ยกตัวอย่างกรณีศึกษาผู้สูงอายุชายอายุ 100 ปึ
ชื่อ พ่อชุม นามสกุล ชุมวิริยะสุขกุล
วัน เดือน ปีเกิด วันอาทิตย์ ที่ 5 เดือน เมษายน พ.ศ. 2454
ที่อยู่ บ้านเลขที่ 32 หมู่ที่ 2 ตำบล แจ้ห่ม อำเภอ แจ้ห่ม จังหวัด ลำปาง
บิดา ชื่อ พ่อส่างแปง ตัวขยัน มารดา ชื่อ แม่ปวน ตัวขยัน
มีพี่น้องจำนวน 4 คน ดังนี้
1. พ่อชุม ชุมวิริยะสุขกุล
2. แม่หมด ทองใบ ( ถึงแก่กรรม)
3. พ่อก๋องคำ ตัวขยัน
4. แม่สุข รักชาติ
เมื่อวัยเยาว์ พ่อชุมเป็นคนพื้นเพอยู่ที่บ้านเกาะ หมู่ที่ 9 ตำบล แจ้ห่ม อำเภอ แจ้ห่ม จังหวัดลำปาง
ชีวิตสมรส
พ่อชุม สมรสกับ แม่สุข(นามสกุลเดิม มีชัย) มีบุตร-ธิดาจำนวน 7คนคือ
1.นายสิงห์ทอง ชุมวิริยะสุขกุล
2.นายสุธรรม ตัวขยัน ถึงแก่กรรม (ขณะเรียนอยู่ชั้น ป.4)
3.นางสมศรี ป้องกัน
4.นายอุทัย ชุมวิริยะสุขกุล
5.นางเกสร มณีเชษฐา
6.นายชาญชัย ชุมวิริยะสุขกุล
7. นายจรูญ ชุมวิริยะสุขกุล
การศึกษา
จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 สามารถอ่านออก เขียนได้ ในเวลาว่าง
พ่อชุมจะอ่านหนังสือพิมพ์ อ่านภาษาบาลีและตัวหนังสือล้านนา (ตัวหนังสือเมือง)เมื่อเวลาผ่านไปและอายุมากขึ้นจะอ่านเฉพาะพาดหัวข่าวที่ตัวหนังสือมีขนาดใหญ่ เพราะตัวหนังสือขนาดเล็กจะมองเห็นไม่ชัดแม้จะมีแว่นสายตาสวมใส่ก็ไม่ชัดเจน ต่อมาจึงหันมาอ่านหนังสือธรรมะที่พิมพ์ด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่กว่าธรรมดา
นอกจากหนังสือธรรมะแล้วจะอ่านหนังสือเกี่ยวกับยาสมุนไพร และเสาะหายาสมุนไพรเหล่านั้นเท่าที่จะหาได้แล้วนำมาลองรับประทาน
การประกอบอาชีพ
พ่อชุมประกอบอาชีพทำนา ทำสวน ถึงฤดูทำนา จะทำนาเอง ไม่ได้จ้างเหมือนอย่างในปัจจุบัน ที่นาที่ทำ อยู่ที่ทุ่งปึ๋ง ตำบลทุ่งวิเชต อำเภอแจ้ห่ม เป็นที่นาหล่ม ทำด้วยความยากลำบาก พ่อชุมมักจะเล่าให้ลูกๆฟังอยู่เสมอ ว่าที่นามีปลิงควาย
ตัวใหญ่ พ่อชุมจะนอนที่ห้างนากับควายสีดำ 1 ตัว แม่สุขจะทำอาหารไปส่งให้
พ่อชุมที่นา และช่วยกันปลูกข้าว สมัยนั้นจะมีการลงแขก ช่วยกันกับเพื่อนบ้าน
ชีวิตเป็นไปด้วยความเรียบง่าย และยากจน หมุนเวียนผ่านไปปีแล้วปีเล่า จนต่อมาเมื่ออายุมากขึ้นจึงได้ขายที่นาตรงนี้แล้วไปซื้อที่นาที่ใกล้กับห้วยว้อ แล้วยกให้ลูกคือนางสมศรี ทำต่อ
ถึงฤดูทำสวน พ่อชุมจะพาแม่สุข ทำสวนที่ ห้วยว้อ และปลูกยาสูบ ที่สวนแม่วัง ตำบลปงดอน เดินเท้าไปและกลับ สมัยนั้นไม่มีรถขี่ต้องเดินเท้าอย่างเดียว ที่สวนห้วยว้อจะปลูกถั่วลิสง มันแกว แตงร้าน แตงไทย เวลาเก็บเกี่ยวพ่อชุมจะนอนที่สวนโดยปลูกห้างสวนบางทีแม่สุขจะนอนที่สวนด้วย มีคนมารับซื้อถั่วลิสงถึงที่ โดยพ่อค้าที่มาซื้อจะซื้อผลผลิตในราคาถูก เช่น ถั่วลิสงจะซื้อเป็นปี๊บ ที่เคาะรูปทรงปี๊บจากสี่เหลี่ยมให้เป็นรูปกลมไม่มีเหลี่ยม เป็นต้น ส่วนแตงไทยแม่สุขจะหาบออกมาจากสวนเดินมาบ้าน ลูกจะไปช่วยพ่อกับแม่ในวันหยุด เสาร์อาทิตย์
ส่วนที่สวนแม่วังจะปลูกยาสูบ และแตงโม โดยพ่อชุมนอนที่สวนแม่วังฝั่งทางทิศตะวันตกของแม่น้ำวังที่เป็นสวนตกทอดมาจากสมัยพ่อส่างแปง และข้ามฟากไปทำสวนแม่วัง ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำวังฝั่งทางตะวันออกของแม่น้ำ เวลานำหลากจะข้ามไม่ได้ ตอนหลังสวนแม่วังฝั่งทางทิศตะวันตกมีคนมาขอยืมใบ สค.1 เพื่อรวบรวมส่งรัฐบาล แล้วก็หายไป ส่วนสวนแม่วังฝั่งทางทิศตะวันออกของแม่น้ำวังได้ขายให้ชาวบ้านแม่ตา ตำบลปงดอน เพราะเวลาน้ำท่วมจะข้ามไปลำบาก พ่อชุมบอกว่าเงินที่ขายสวนแม่วังได้นั้นนำมาซื้อรถจักรยาน ราเล่ สีดำ ซึ่งลูกยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน
พ่อชุมประกอบอาชีพที่สุจริต เป็นอย่างนี้ทุกปี จนอายุถึง ประมาณ 70 ปี จึงให้ลูกทำต่อคือ นางสมศรี โดยปรับเปลี่ยนเป็นปลูกต้นมะขามหวาน มะม่วง แทน เพราะเพื่อนๆในสวนใกล้เคียงก็หันมาปลูกมะขามกันหมด
เมื่อว่างจากการทำนา ทำสวน พ่อชุมยังได้ไปช่วยพ่อเสาร์ ตัวขยัน ที่อยู่บ้านประตูม้า อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง โดยไปส่งยาสูบตามที่ต่างๆที่มีคนสั่งซื้อ เช่นนำยาสูบ (ที่บรรจุในก๋วย 2 ก๋วยติดกัน เรียกว่า 1 หมื่น)จากบ้านประตูม้า บรรทุกในรถคอกหมูไปส่งที่อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เป็นต้น บางครั้งลูก (นางเกสร) ก็ได้ติดรถไปเที่ยวแม่จันด้วย
สมัยก่อนเวลาพ่อชุมไปเวียง (ไปลำปาง) จะเดินเท้า นอนระหว่างทาง 1 คืน บางครั้งออกเดินทางโดยถ่อแพ นอน 1 คืนระหว่างทาง จะออกล่าสัตว์ไปด้วย
(จนปัจจุบันเวลาลูกพาไปในเมือง พ่อชุมจะชี้ให้ดูสถานที่ เช่นที่เขตติดต่อ อ.เมืองกับ อ.แจ้ห่ม พ่อชุมจะบอกว่าตรงนี้เรียกว่า”จำวอก” เพราะมีลิงมากหลายตัวออกมาดื่มน้ำแถวนั้น และพ่อชุมก็บอกว่าพ่อก็ดื่มน้ำแถวนั้นด้วยเช่นกัน
สุขภาพ
พ่อชุมเคยป่วยเป็นโรคเหน็บชา เมื่อตอนอายุราว 44 ปีกว่า มีลูก 4 คนป่วยมากจนแทบจะเดินไม่ได้ แม่เคยเล่าให้ลูกฟังว่า หมอจากสาธารณสุขประจำอำเภอมาเยียวยา โดยให้กินรำข้าว และไข่ไก่ลวก ถั่วฝักยาว จนอาการดีขึ้น
เมื่อปี พ.ศ. 2543 (อายุ 89 ปี) พ่อชุม เริ่มพบว่าเป็นโรคต่อมลูกหมากโต
โดยไปตรวจที่ศูนย์มะเร็งจังหวัดลำปาง และได้ไปรักษาที่โรงพยาบาศูนย์ลำปางต่อเนื่องรับยาทุก 3 เดือน
พ่อชุมไม่มีประวัติเป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือโรคเบาหวาน หรือโรคอื่น จนเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2553 พ่อชุม มีอาการเวียนศีรษะ ลูกให้นอนพัก แล้วเวลาประมาณ 10.30 น. พ่อชุมไปถ่ายปัสสาวะที่ห้องน้ำ จะถ่ายปัสสาวะบ่อย แล้วมีอาการลิ้นชา พูดไม่ชัด ลูกจึงพาส่งโรงพยาบาล โดยรวมเวลาที่เกิดอาการแล้ว
นำส่งโรงพยาบาลแจ้ห่มประมาณ 15 นาที แพทย์บอกว่า พ่อชุมมีภาวะขาดเลือด
ไปเลี้ยงสมอง แต่เนื่องจากอายุมากจึงให้ยาสลายลิ่มเลือดไม่ได้ซึ่งทางแพทย์ได้ให้ญาติเป็นผู้ตัดสินใจเอง พ่อชุมอยู่โรงพยาบาลศูนย์ลำปางเพียง 2 วัน แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านมาทำกายภาพบำบัดต่อที่บ้าน ลูกพาไปฝึกทำกายภาพบำบัดที่
โรงพยาบาลแจ้ห่มสัปดาห์ละ 1 ครั้งเป็นเวลา 4 ครั้ง แล้วจึงมาดูแลทำกายภาพบำบัดต่อที่บ้าน อาการของพ่อชุมดีขึ้นตามลำดับพ่อชุมก็สามารถเดินเองได้ และได้ขึ้นไปนอนที่ชั้นบนตามปกติ จนถึงเวลา 3 เดือน 8 วัน นับจากที่เริ่มป่วยภาวะแขน ขา อ่อนแรง (วันที่ 4 ธันวาคม 2553) พ่อชุมได้หกล้มในบ้านขณะกำลังจะเข้า
ห้องน้ำเพื่อล้างหน้า เมื่อนำส่งโรงพยาบาลก็พบว่า พ่อชุมขาหักบริเวณสะโพกและต้นขาข้างขวา ทางโรงพยาบาลแจ้ห่มได้นำส่งโรงพยาบาลศูนย์ลำปาง แพทย์รักษาโรคกระดูกแนะนำให้นอนดึงกระสอบทรายเป็นเวลา 1 เดือน พ่อชุมอยู่โรงพยาบาล 3 วัน จึงออกมานอนที่บ้าน การดูแลรักษาลูกได้ให้นอนบนเตียงนอนไฟฟ้าและให้ดึงถ่วงกระสอบทรายหนัก 2 กิโลกรัม
การดูแลพยาบาลขณะที่พ่อชุมต้องนอนอยู่กับที่เป็นเวลา 1 เดือน เป็นช่วงที่รู้สึกว่าช้ามากทั้งสำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแล เพราะบางทีพ่อชุมก็ขยันที่จะลุกขึ้นจากเตียง ลูกจึงปรึกษากันว่าเวลาพวกเรามาเฝ้าแล้วเกิดนอนหลับ จะเป็นอันตรายแก่พ่อชุมได้ ลูกชายคนโต จึงคิดทำนวตกรรมทำราวไม้กั้นเตียง ทั้งสองข้าง ที่สามารถยกออกได้เวลาลูกๆเปลี่ยนผ้า หรือทำความสะอาด ขณะเดียวกันต้องคอยชวนพูดคุย เพราะ กลัวเรื่องความจำของพ่อชุม จะเลือนหายไป เนื่องด้วยพ่อชุมทำท่าว่าจะเบลอๆ เป็นพักๆ
หลังจากเวลาผ่านไป 1 เดือน แพทย์นัดให้ไปเอ๊กซเรย์ และพบว่า กระดูกบริเวณที่หักได้ติดแล้วประมาณ 70 % แพทย์บอกให้นั่งได้ และไม่ต้องนอนดึงระสอบทราย เตียงนอนไฟฟ้าก็เอาออกได้ ให้นั่ง เป็นเวลา 1 เดือน แล้วจึงค่อย
หัดเดิน ลูกปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำ ขณะนี้ พ่อชุม ได้หัดเดินเกือบครบ 1 เดือน
(ในวันที่ 4 มีนาคม 2554) อาการดีขึ้นตามลำดับ เริ่มช่วยเหลือตนเองได้บ้างแล้ว แต่ลูกก็ดูแลอย่างใกล้ชิด
การรับประทานอาหาร
ตอนเช้าทุกเช้าหลังจากตื่นนอน พ่อชุมจะดื่มโอวัลติน โดยจะชงโอวัลตินเอง จนถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2553 ที่พ่อชุม (อายุ 99 ปี 4 เดือน 21 วัน) ที่พ่อชุมป่วย มีอาการ เวียนศีรษะ และจากนั้นเป็นต้นมา ลูกจะชงโอวัลตินให้
เครื่องดื่มโอวัลตินจะชงผสมกับน้ำผึ้ง และนม หลังจากที่ป่วยก็ได้ชงผสมน้ำผึ้ง งาดำป่น นมผง ทุกเช้าและรับประทานกับขนมปัง 1 ชิ้น ขนมปังจะเปลี่ยนรูปแบบและชนิดไปไม่ซ้ำกัน พ่อชุมชอบขนมปังที่มีรสหวาน ลูกจะเปลี่ยนปนกันไป หวานบ้างไม่หวานบ้าง สรุปพ่อชุมจะรับประทานน้ำผึ้งทุกวันตลอดปี
อาหารเช้า กลางวัน และเย็น เป็นอาหารทั่วๆไป โดยจะรับประทานข้าวสวย และ กับข้าวที่ไม่เผ็ด เน้นให้รับประทานผักสด พ่อชุมเริ่มไม่ทานเนื้อไก่ เนื้อวัว ควาย เนื้อสัตว์ใหญ่ เครื่องในสัตว์ สัตว์ปีก ตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา จะทานแต่เนื้อหมู และ ปลา ตอนเย็นหลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้วประมาณ 1 -2 ชั่วโมง จะดื่มนมจืด 1 กล่อง
หลังจากที่พ่อชุมป่วยเป็นภาวะขาดเลือดเลี้ยงสมอง ทำให้แขน ขา ข้างขวาอ่อนแรง เมื่อ 26 สิงหาคม 2553 ลูกจะให้รับประทานอาหารที่เน้นปลา เป็นประจำ และ อาหารเสริม งาดำป่น ผักสด ผลไม้ นมสด นมจืด กล้วยน้ำว้า มะละกอ ส้ม และระหว่างที่เริ่มป่วยก็พบว่าพ่อชุม เป็นโรคเก๊าท์ เพราะปวดที่หัวเข่า แพทย์ได้ให้ยามาทาน 10 วัน อาการดีขึ้น ลูกจึงค้นดูอาหารที่ไม่ดีต่อคนเป็นโรคเก๊าท์จากอินเตอร์เน็ต พบว่ามีอาหารถึง 30 ชนิดที่มีสาร พิวรีน (Purine) เกิน 150 กรัมขึ้นไปควรงด ลูกจึงดูแลไม่นำเอาอาหารเหล่านั้นมาให้พ่อชุมรับประทาน ตอนนี้ไม่มีอาการปวดเลย พ่อชุมเริ่มเดินได้ หลังจากป่วย 2 เดือนกว่า จนครบ 3 เดือน 8 วัน พ่อชุมหกล้มและขาข้างขวาหักตรงบริเวณกระดูกสะโพกและต้นขา ต้องนอนยึดกระสอบทราย 1 เดือน และตอนนี้(เริ่มเข้าเดือนที่ 3) กระดูกที่หักติดแล้ว และกำลังหัดเดิน เริ่มดีขึ้นทุกวัน เวลาอากาศเย็นหรืออากาศเปลี่ยนแปลงพ่อชุมจะจาม ไอ ลูกต้องรีบทำน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งเกลือป่นให้พ่อชุมจิบ อาการจะดีขึ้น
การออกกำลังกาย
พ่อชุมชอบใช้ไม้เป็นอุปกรณ์ออกกำลังกาย (แบบแม่บุญมี) และดายหญ้า
รดน้ำค้นไม้ ยกย้ายไม้ที่ระเกะระกะอยู่ตามบริเวณรอบบ้าน ตอนเช้าจะถือไม้เท้า
เดินออกกำลังกายโดยไปเที่ยวบ้านเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อก่อนป่วยจะดูแลตนเอง ช่วยเหลือตนเองได้ ทุกอย่าง เดินขึ้นบ้านชั้นบนและนอนที่ชั้นบน และย้ายให้นอนชั้นล่างเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2553
อารมณ์
พ่อชุมมีอารมณ์ดี ไม่หงุดหงิดง่าย การสนทนาโต้ตอบดีไม่สับสน เข้าร่วมกิจกรรมของชมรมผู้สูงอายุเป็นประจำ และกิจกรรมทางศาสนา ไปวัดทุกวันพระ
ไม่เคยขาด เวลาไปร่วมงานของเพื่อนบ้าน เช่นงานศพ มักจะทายปัญหา (พญาลืมงาย) กับเพื่อนบ้าน หรือ ใช้เม็ดมะขามนับเป็นวงกลม เมื่ออายุมากขึ้น พ่อชุมเริ่มมีสมาธิสั้นลง ไปเยี่ยมบ้านเพื่อนบ้าน จะอยู่ไม่นานแต่จะไปบ่อยขึ้น เมื่อถึงเวลาหน้าหนาวจะชอบนั่งเผาข้าวหลาม บางทีจะเผาคนเดียวแต่บางทีจะมีหลานๆมานั่งเผาข้าวหลามด้วย
การตรวจสุขภาพประจำปี
พ่อชุมไปตรวจสุขภาพตามแพทย์นัดทุกครั้ง ไม่เคยขาด และให้ความร่วมมือกับแพทย์ทุกครั้ง
บทบาทในสังคม
พ่อชุมจะได้รับเชิญเป็นประธานในการจุดธูปเทียนเวลาไปวัดและ ได้รับความเคารพนับถือ เป็นผู้ใหญ่ที่ชาวบ้านนำโดยผู้ใหญ่บ้านมารดน้ำดำหัวที่บ้านในประเพณีวันสงกรานต์ ชาวบ้านมาขอคำแนะนำเกี่ยวกับประเพณีและความเชื่อต่างๆเป็นประจำ เมื่องานประจำปีบวงสรวงเจ้าพ่อพญาคำลือ กุมภาพันธ์ 2553 พ่อชุมได้ไปร่วมพิธีที่ลานอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาคำลือ มาพิธีสืบชะตา มีชาวบ้านจำนวนมากมาขอให้พ่อชุมผูกข้อมือและให้พร พ่อชุมก็ผูกข้อมือและให้พรทุกคน
คติชีวิต
พ่อชุมมักจะพูดว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของไม่แน่นอน ทุกสิ่งอัน ไม่ได้เป็นของเรา ” ตอนเย็น ประมาณ 17.00 น. พ่อชุมจะขึ้นไปชั้นบน ที่หน้าแท่นบูชาพระ แล้วสวดมนต์โดยเปิดอ่านบทสวดมนต์บูรพาสิบทิศ พ่อชุมเป็นคนประหยัด แนะนำให้ลูกซื้อของใช้เท่าที่จำเป็นเสมอ
…………………………………………………………………………..
ผู้ให้ข้อมูล
ชื่อ นางเกสร นามสกุล มณีเชษฐา
ไม่มีความเห็น