ลำปางเป็นจังหวัดต้นๆที่ขึ้นรถไฟขบวน“เด็กไทยไม่กินหวาน” ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาเราผ่านการลองผิดลองถูกล้มลุกคลุกคลานมาหลายรูปแบบ จนเกิดคำว่า “ทำไร่เลื่อนลอย”คือทำไม่สำเร็จก็เปลี่ยนพื้นที่เปลี่ยนแนวทางไปเรื่อยๆ..จนกระทั่ง 2-3 ปีต่อมาเรามุ่งเป้าหมายไปที่ศูนย์เด็กเพราะในช่วงนั้นปัญหาฟันผุในเด็กเล็กเป็นเรื่องใหญ่ (ปี 49 สำรวจพบเด็ก5 ปีเป็นโรคฟันผุร้อยละ 84)
เริ่มจาก..หาทีมงาน เราได้ทีมงานมา 5 ทีมใน 5 อำเภอ หยิบประเด็นศูนย์เด็กน่าอยู่กับเด็กไทยไม่กินหวานมาบูรณาการกัน และเข้าไปประสานการดำเนินงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแสวงหาความร่วมมือจากผู้ปกครอง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาศูนย์เด็กเล็ก ในคราวนั้นเราได้ศูนย์เด็กอ่อนหวานทั้งหมด 40 แห่ง ปลายปี 49 เราถอดบทเรียน จนได้ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงเวลาทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกมาเป็น 5PIES model
ตั้งแต่นั้นมาปัจจัยต่างๆใน 5PIES model จะถูกนำมาใช้เป็นตัวช่วยในการทำงาน ซึ่งตอนนี้เราตอบได้แล้วว่าไม่จำเป็นต้องเฉพาะกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเท่านั้น แต่เป็นการประสานความร่วมมือกับชุมชนหรือหน่วยงานอื่นๆก็สามารถหยิบไปใช้ได้
ปี 2550 การไปศึกษาดูความสำเร็จชองการทำงานไม่กินหวานในโรงเรียนของจังหวัดแพร่ เป็นแรงใจให้พวกเราก้าวเข้าไปทำงานในโรงเรียนอย่างจริงๆจังๆ ในครั้งนั้นตั้งเข็มไว้ที่ประเด็นโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม ลูกอม ขนมกรุบกรอบ โดยให้ทันตาภิบาลรับผิดชอบ (1 ทันตา 1 โรงเรียน) มีการพูดคุยผ่านเวทีการประชุมทันตบุคลากร และเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงาน ผลก็คือ ในปี 50-51ทันตาฯใช้ต้นแบบการดำเนินงานของแพร่ ไปปรับใช้กับพื้นที่ของตัวเอง ร่วมกับการทำงานอย่างเข้มแข็งของทีมรพช.ทำให้เราเห็นศักยภาพของทีมงานเราเอง และ พลังที่น่าทึ่งของครู-นักเรียน และเราได้โรงเรียนปลอดน้ำอัดลม ลูกอม ขนมกรุบกรอบ 300 แห่ง (จากการสำรวจการจำหน่ายในโรงเรียนทั้งหมด 425 แห่ง)
แม้ว่าในปี 2551 เรามีโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม ลูกอม ขนมกรุบกรอบ มากมาย แต่พอเราลงไปสำรวจพฤติกรรมบริโภคของเด็ก เราเลยต้องกลับมาทบทวนใหม่อีกครั้ง เพราะเด็กอายุ 12 ปี ยังกินขนมกรุบกรอบเป็นประจำ(มากกว่า 3 วัน/สัปดาห์) ถึงร้อยละ 65 นั่นแปลว่าไม่มีให้กินที่โรงเรียนแต่ เด็กๆกับขนมยังมีพลังดึงดูดต่อกัน พฤติกรรมบริโภคที่เหมาะสมไม่ได้ติดตัวเด็กไป ออกนอกรั้วโรงเรียนก็ซื้อหามากินได้แล้ว…
ในปี 2552 ต่อเนื่องมาจนถึง ปี 2553 เราเลยจึงพร้อมใจกันขยายเป้าหมายออกจากโรงเรียน และศูนยเด็กสู่..หมู่บ้าน/ชุมชน เป็นหมู่บ้าน/ชุมชนอ่อนหวาน เริ่มจากการผลักดันเป็นประเด็นยุทธศาสตร์ของแผนงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง ปี 2552 กำหนดให้แต่ละอำเภอมีการดำเนินการอย่างน้อย 1 หมู่บ้าน/ชุมชน (เพื่อให้อำเภอสามารถแสวงหางบประมาณและทีมงานได้สะดวกขึ้น) เราหวังผลให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหาที่เกิดจากการบริโภคที่ไม่เหมาะสมของเด็ก ผู้ปกครองเด็กเล็ก /ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคของเด็ก รวมทั้งตัวเด็กเอง “เลือกกินเป็น”
หลังจากทำงานกันไป 1 ปี มีแค่ 1 พื้นที่ คือ บ้านแม่ผึ้ง อำเภอเสริมงาม ที่ชุมชน/ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาจับมือกันจัดการเรื่องการบริโภคของเด็ก มีการต่อยอดศูนย์เด็กอ่อนหวาน สู่ การจัดเมนูชูสุขภาพให้นักเรียนประถม เพื่อให้อาหารกลางวันที่อร่อยและมากคุณค่า เต็มท้องเด็กจนไม่เหลือที่ว่างให้ขนมขยะ นอกจากนั้นชุมชนมีนโยบายใช้น้ำสมุนไพรอ่อนหวานแทนน้ำอัดลมในงานบุญ และการไม่ถวายน้ำอัดลมให้พระสงฆ์ด้วย
ปีแรก..เคลื่อนไม่ไป เราถอดบทเรียนออกมาได้ว่า 1) เป้าหมายกับแนวทางที่เราคุยกันตอนต้นปีไม่ชัดพอ ผู้ปฏิบัติงง! ไปไม่ถูก 2) ทีมงานเราไม่หลากหลาย ทันตบุคลากรไม่มีทักษะในการเข้าชุมชน ทำประชาคม 3) เราพูดคุยติดตาม ปรึกษาหารือกันน้อยไป ดังนั้น ปี 52 ต้องกำจัดจุดอ่อนทั้ง 3
เริ่มต้นที่ความชัดเจน… เรากำหนดวัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคระดับครอบครัวและชุมชน ดังนั้นผลลัพธ์อาจเกิดจากการทำงานในชุมชน ในโรงเรียน หรือศูนย์เด็กก็ได้ แต่ต้องเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปถึงครอบครัว หรือบุคคล โดยกำหนดเป้าหมายเป็น 4 ระยะ คือ
ระดับที่ 1 มีกิจกรรมสร้างกระแส/สร้างความตระหนักในหมู่บ้าน/ชุมชน
ระดับที่ 2 ชุมชนเกิดความตระหนัก และมีการจัดกิจกรรมด้านสุขภาพในประเด็นหมู่บ้านอ่อนหวาน/ชุมชนอ่อนหวาน
ระดับที่ 3 เกิดนโยบายสาธารณะเพื่อลดการบริโภคหวาน มัน เค็ม ทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการ ที่เกิดจากการทำประชาคม ประชุมกรรมการต่างๆ และรูปแบบที่เกิดในลักษณะของคำมั่นสัญญา ที่ชุมชนบอกว่าจะทำ หรือจะไม่ทำอะไร
ระดับที่ 4 เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภค มีการลดการบริโภคหวาน มัน เค็ม อย่างเป็นรูปธรรม
จากนั้นเราพยายามกำจัดจุดอ่อนที่ 2 โดยการสร้างทีม เราพยายามชวนเพื่อนร่วมทางสหวิชาชีพเข้ามาทำงาน และจัดอบรมพัฒนาศักยภาพทีมงาน เน้นเรื่องการทำงานเป็นทีม และเทคนิคการเข้าชุมชน การทำประชาคม เพื่อให้พี่น้องทันตบุคลากรมีความมั่นใจมากขึ้นหากต้องก้าวเข้าไปในชุมชน
และทั้งปีเรา keep in touch พยายามใช้ทุกรูปแบบของการติดตาม สนับสนุนให้กำลังใจ หลักๆก็มีเรื่องของการนำเสนอแผนตั้งแต่ต้นปี ระหว่างทางก็ประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้นำเสนอความก้าวหน้าในการทำงาน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนวิทยายุทธ์กันไปในตัว พร้อมทั้งติดตามงานผ่านรายงานประจำเดือน และโทรศัพท์ถามไถ่ความเป็นไป สุดท้ายก็ประชุมสรุปผลการดำเนินงาน ชื่นชมคนทำดี และให้กำลังใจทีมงานที่เดินไปเจออุปสรรคก้อนโตระหว่างทางทำให้ไปได้ช้า หรือว่าต้องเปลี่ยนเส้นทางใหม่
ปลายปี 53 เราได้ผลิตผลอ่อนหวานมาหลากรูปแบบ ดังนี้
ทั้งหมดนี้ เป็นผลจากความทุ่มเทของทีมงานทุกคนที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งปี (ใครๆก็รู้ว่า ลำปางหนาวมาก งานเยออออะ) ขอบคุณเหงื่อทุกเม็ดของทีมอ่อนหวานลำปางหนาทุกๆคน
จริงอยู่..setting ต่างๆที่เราลงไปทำงานเกิดนโยบายสาธารณะอย่างเป็นรูปธรรม แต่ทว่า… จากข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมเด็ก 12 ปี ทำให้เรารู้ว่าเรายังไปไม่ถึงขั้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างชัดเจนนัก โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่เป็นเป้าหมายหลักของเรา(ลงทุนซะเยอะผลลัพธ์ไปออกที่กลุ่มผู้ใหญ่ซะงั้น)
ภารกิจของเรายังไม่สำเร็จยังต้องไปต่อ ปีหน้าจังหวัดลำปางคงจะไม่ขยายพื้นที่ดำเนินการ แต่เราจะพยายามลงลึกไปให้ถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเด็กกลุ่มเป้าหมายให้ได้
..โปรดติดตามตอนต่อไป..
Series assessment is that its design in screws and completed with the baby
พี่เขียนไว้เมื่อ 8 ปีที่แล้ววันนี้น้องเปิดคอมฯมา ขึ้นหน้านี้เป็นหน้าแรก… แปลกแต่จริงจำ user name และ รหัสผ่านใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น 555แต่เพียรเข้าจนได้ … (ดูเหมือนพยายามมาก)คิดถึงพี่ คิดถึงมดน้อยหน่อย )?(