ชีวิตที่ปักกิ่ง


ชีวิตที่ปักกิ่ง

เริ่มเรื่องจากขึ้นเครื่องบิน เครื่องดีเลย์จนเกือบตีสองถึงจะได้ขึ้นเครื่อง แทบไม่ได้นอนเลย เดี๋ยวก็ประกาศโน่นนี่ เดี๋ยวก็มีบริการอาหาร และเครื่องดื่ม รู้สึกว่าเจ็ดโมงกว่าก็ถึงปักกิ่งแล้ว ลงจากเครื่องก็กว่าจะได้ไปตรวจพาสปอร์ต ไปเอากระเป๋า ก็เดินไกลมาก กว่าจะออกจากสนามบินได้ ก็ต้องขึ้นรถไฟใต้ดินออกไปอีกเพื่อไปที่จอดรถ ตอนออกไปข้างนอกได้เจออากาศหนาว ควันออกปากเลย ตอนอยู่ในรถไฟใต้ดินก็เห็นนอกหน้าต่างมีหิมะตก คนของเอเย่นต์เป็นคนพาออกจากสนามบินแล้วก็พาขึ้นรถไปที่มหาวิทยาลัย ไปถึงมหาวิทยาลัยก็ไปรายงานตัวเข้าหอพัก ดูว่าเขาจัดให้ห้องไหน รับคีย์การ์ดแล้วก็ขึ้นไปดูห้อง นึกว่าจะได้พักอาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน ปรากฏว่าไม่มีเวลาเลย ต้องไปรายงานตัวกับทางออฟฟิศของมหาวิทยาลัยอีก กว่าจะได้เข้าหออาบน้ำก็ค่ำแล้ว วันต่อมาก็ไปสอบวัดระดับภาษาจีนเพื่อดูว่าจะได้เรียนชั้นไหน สอบได้ชั้นสาม ก็ถือว่าอยู่ระดับกลาง ที่นี่มีถึงระดับหก แต่มีคนเรียนจริงๆถึงแค่ระดับห้าเท่านั้น เขาให้ลองเรียนดูหนึ่งอาทิตย์ ถ้าคิดว่าบทเรียนยากหรือง่ายเกินไปก็ขอเปลี่ยนชั้นได้ ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะเรียนชั้นไหน อย่าเพิ่งเขียนอะไรในหนังสือ เพราะถ้าเขียนแล้ว จะขอเปลี่ยนหนังสือไม่ได้ วันต่อมาก็เริ่มเรียนเลย ตารางเรียนที่นี่เรียนเช้าถึงเที่ยง มีวันพุธต้องดูหนังตอนบ่ายด้วย เหมือนว่าจะเรียนสบาย แต่ก็ไม่ใช่อย่างนั้น มีการบ้านทุกวัน มีให้แต่งประโยคภาษาจีนและอื่นๆ สอบทุกอาทิตย์ ในระหว่างอาทิตย์มีสอบเขียนศัพท์ในบทเรียน ช่วงแรกๆที่ไปยุ่งทุกวัน ไหนจะต้องไปเปิดบัญชีธนาคาร ธนาคารใหญ่ต่อคิวกันนานมาก กว่าจะถึงคิวก็ประมาณสี่ชั่วโมง วันต่อๆมาก็ไปซื้อของกินของใช้เข้าหอ ไปหัดเรียนรู้เส้นทางไปที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นสถานที่ซื้อของหรือสถานที่กิน สถานที่เที่ยว ไปเที่ยวเกือบทุกอาทิตย์ ที่ไปมาแล้วมี เทียนอันเหมิน พระราชวังต้องห้าม พระราชวังฤดูร้อน โฮ่วไห่ที่นั่งชิวๆดื่มเหล้า สวนยวี่หยวนทัน สวนสัตว์ กำแพงเมืองจีน 798 Art Area ถนนหวังฝูจิ่ง สวนสนุก Happy Valley ไปเที่ยวกันเองบ้าง มหาวิทยาลัยพาไปเที่ยวบ้าง หลักๆจะมีสี่ที่ที่มหาวิทยาลัยจะพาไปเที่ยว แต่ก็มีพาไปเที่ยวนอกรอบบ้างก็มี รวมๆก็น่าจะเจ็ดครั้ง เสาร์นี้มหาวิทยาลัยก็จะพาไปดูพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มนุษย์ปักกิ่ง อยู่ไกลจากที่นี่ประมาณร้อยกว่ากิโลเมตร

 

คนไทยที่เรียนที่นี่มีประมาณยี่สิบคน เพื่อนร่วมห้องก็เป็นคนไทยเหมือนกัน พวกเราเลือกที่จะอยู่ด้วยกันเพราะกลัวได้อยู่กับพวกอัฟริกัน พวกเราคุยภาษาไทยกันทุกวันเลยพูดภาษาจีนไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าไหร่ มีเพื่อนคนจีน แต่ก็ไม่ได้ค่อยได้เจอกัน ก็หัดคุยกับคนอื่นทาง QQ บ้าง MSN บ้าง เพื่อนๆ เรียนเช้าเสร็จตอนบ่ายก็พากันออกไปเที่ยวช้อปปิ้งกินข้าวตามห้างสรรพสินค้ากันบ่อยมาก บางที่ของถูกกว่าเมืองไทย เช่นรองเท้าบูท เสื้อผ้าผู้หญิง บางทีก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหารญี่ปุ่น เกาหลีกัน เขาว่าอาหารเกาหลีที่นี่ถูก ไม่ใช่ว่าเราเป็นเด็กเรียนมากเกินไป เขาชวนไปเที่ยวผับ ก็ไปมาแล้วสองที่ ทั้งสองที่คนเยอะเหลือเกิน ยืนอัดกันแน่น ไม่เห็นมีใครยืนเต้นตรงโต๊ะของตัวเอง เห็นออกไปเต้นกันหน้าเวที  ที่หนึ่งห้ามผู้ชายขึ้นไปเต้นบนเวที อีกที่หนึ่งคนเขวี้ยงก้นบุหรี่ลงพื้นต่อหน้าต่อตา ไม่ขยี้ให้ดับด้วย ด้วยความที่เรากลัวไฟไหม้ เลยเอารองเท้าเราขยี้มันให้ดับ ยิ่งที่นี่เต้นกันห้องใต้ดินด้วย ถ้าไฟไหม้ขึ้นมา น่าจะหาทางออกยาก ไปเจอที่นี่มีน้ำหกกระจายเปียกที่พื้น มีขวดเบียร์หล่นอยู่ขอบๆเวทีอยู่หนึ่งขวด เราก็เห็นพวกเขาเต้นกันอย่างเมามันส์ไม่สนใจอะไร

 

ค่ารถเมล์และค่ารถไฟใต้ดินของที่นี่ถูกกว่าเมืองไทย ค่ารถเมล์เที่ยวละสองบาท รถไฟใต้ดินเที่ยวละสิบบาท แต่รถไฟใต้ดินเนี่ยเดินไกลมากๆกว่าจะได้ขึ้นรถไฟใต้ดิน กว่าจะได้ออกจากสถานี เหนื่อยมาก ไม่อยากจะออกไปไหนคนเดียว รถเมล์ก็ต้องข้ามถนนไปขึ้นเลนส์ทางขวา ที่นี่เขาขับรถชิดขวากัน ค่ากินก็ค่อนข้างแพง ราคาเทียบเท่าเราไปกินข้าวที่ห้างสรรพสินค้าที่ไทย กินข้าวในมหาวิทยาลัย ข้าวกับกับสองอย่าง ราคาก็ตกประมาณ ยี่สิบบาทถึงประมาณหกสิบบาท ไม่น่าเชื่อว่าคนปักกิ่งกินอาหารใส่เครื่องเทศเยอะ กลิ่นแรง เปรียบเทียบกับคนจีนทางใต้ที่มาอยู่ไทยที่กินอาหารจืดๆแล้วคนละเรื่องเลย อาหารที่นี่เค็มและมัน เครื่องเทศเยอะ อาหารบางอย่างใส่หมาล่าที่ดูคล้ายๆพริกไทย เผ็ดจนลิ้นชา เนื้อสัตว์ ไส้กรอก มะเขือยาว หมั่นโถวปิ้ง เห็ด เสียบไม้ขาย ที่เรียกว่าเสี่ยวชือ ซึ่งแปลว่าของกินเล่น เป็นอาหารที่กลิ่นแรงเหมือนกัน ยิ่งใส่น้ำจิ้มด้วยเรายิ่งกินไม่ได้เลย ตอนเช้าเขาก็กินซาลาเปา เกี๊ยว ข้าวต้มกัน หาข้าวเช้าหนักๆกินอย่างคนไทยไม่ได้เลย ข้าวต้มที่ขายในมหาวิทยาลัย เหลวเหมือนน้ำซาวข้าว ไม่น่ากินเลย ปาท่องโก๋ก็มีขาย แต่จืดและอันเบ้อเริ่มเลยแล้วก็น้ำมันเยอะ น้ำเต้าหู้ก็มีขาย แต่ส่วนมากจะจืด

 

ห้องน้ำในมหาวิทยาลัยก็ค่อนข้างเหม็น บางที่ใช้เท้าเหยียบที่กดชักโครกด้วย แล้วก็ทุกวันนี้ยังงงๆอยู่ว่าสรุปแล้วให้เอาหน้าหันไปทางประตูหรือเอาก้นหันไปทางประตู เพราะดูเหมือนคอห่านมันจะหันไปตรงกันข้ามกับประตู ก็เลยหันก้นไปทางประตู ส่วนมากพวกเราก็จะกลับมาเข้าห้องน้ำที่ห้องของตัวเองกัน ห้องน้ำที่พระราชวังต้องห้าม มีระบบเซ็นเซอร์กดน้ำให้เรา แค่เพียงเอาก้นขึ้น มันก็จะกดน้ำให้เรา

 

อากาศที่นี่ตอนนี้ยังเย็นๆอยู่กลางวันอุณหภูมิประมาณยี่สิบองศาต้นๆ กลางคืนประมาณสิบกว่าองศาต้นๆ สองสามวันมานี้ลมแรงอีกแล้ว ไม่ชอบเสียงลมเลย โดยเฉพาะเราอยู่ชั้นสิบห้า เสียงลมหวีดหวิวดังมาก น่ากลัว อยู่บ้านเรายังแทบไม่เคยได้ยินเสียงลมดังขนาดนี้ วันไหนลมแรง ก็จะหนาวด้วย มาถึงที่นี่แรกๆเห็นหิมะ เจอลมแรง เห็นตึกสูงๆเต็มไปหมด ที่นี่เขาใช้พื้นที่คุ้มจริงๆ คงเป็นเพราะประชากรบ้านเขาเยอะ เราไม่เคยเห็นหิมะก็มีโอกาสได้เห็นก็คราวนี้ แล้วเพิ่งรู้ด้วยว่ากว่าหิมะกว่าจะละลายก็สักประมาณสองอาทิตย์ได้มั้ง เห็นตั้งแต่ต้นไม้ตอนโกร๋นไม่มีใบ จนตอนนี้ต้นไม้ดอกไม้ผลิใบออกดอกจนโรยไปเกือบหมดแล้ว ความหนาวของที่นี่ หนาวจนมือแตก เพิ่งจะหายเมื่อไม่นานมานี้เอง นอกจากมือจะแตก เวลาสั่งน้ำมูกก็จะมีเลือดติดมาด้วย เพราะอากาศแห้งมาก เลยไม่กล้าสั่งน้ำมูกแรงหรือแคะน้ำมูก แต่ว่าขนาดช่วงนี้อากาศไม่หนาวมากแคะน้ำมูกยังมีเลือดออกมานิดๆอยู่เลย ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่ได้อาบน้ำเย็นเลย อาบน้ำอุ่นทุกวันผิวแตก ต้องทาโลชั่น ผมก็แห้งแตกปลาย ต้องใช้ไดร์เป่าผมร้อนด้วย เพราะอากาศยังหนาวอยู่ตอนกลางคืน

 

ว่างๆจะลงรูปสถานที่เที่ยวแต่ละที่ที่ไปมาแล้วมาให้ดูกันจ้า

หมายเลขบันทึก: 439166เขียนเมื่อ 13 พฤษภาคม 2011 13:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

ถึง เทียน

เรื่องเล่าที่ได้อ่านก็น่าไปเที่ยวนะ แต่ว่าให้อยู่ก็คงไม่ไหวง่ะ ตอนนี้เราก็เริ่มหัดฟังและเรียนภาษาจีนอยู่เรียนออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ตอยู๋แล้วเทียนเป็นไงบ้างเหงาไม๊

คิดถึง เทียนเสมอ

เทียน

เหงาเหมือนกันเวลาอยู่ในห้องคนเดียวคนอื่นออกไปเที่ยวกันหมด ตอนนี้อยากกินข้าวผัดกระเพรา ผัดพริกแกง ส้มตำ มากๆ ขอบอก

หวัดดีค่ะ พี่จะไปอยู่ปักกิ่งเหมือนกันค่ะ คืออยากทราบน้องพอจะรู้จักคลีนิคจัดฟันบ้างมั้ยค่ะ รึพอมีเพื่อนที่รู้จักบ้างมั้ยค่ะ รบกวนช่วยตอบทาง อีเมลย์หน่อยน่ะค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ หวังว่าคงได้เจอกันค่ะ.

ตอนที่เคว้งคว้างอยู่อินเดีย

ก็เหงาน่าดูเหมือนกันครับ

2ปี4เดือนเทียวนา 

หัวใจโทรมไม่น้อย

เห็นใจคนอยู่ต่างแดนค่ะว่ารู้สึกยังไง อยู่ที่นี่ปีหนึ่งก็พอแล้วค่ะไม่เรียนต่อแล้ว จะได้กลับเมืองไทยเดือนหน้าแล้วค่ะ เย้

จะบอกว่าที่นี่หาร้านทำฟันยากมาก ส่วนมากเขาจะไปโรงพยาบาลกัน แต่โรงพยาบาลคนเยอะ เขาก็เลยไม่ค่อยอยากไปกัน เลยไม่ค่อยใส่ใจเรื่องฟันก้นเท่าไหร่ ทำให้บางคนมีกลิ่นปาก เจอมาแล้วเวลาขึ้นรถเมล์หรือในลิฟต์ แบบว่าแทบทนกลิ่นไม่ไหว ต้องหายาดมออกมาดมกันยกใหญ่ เห็นเพื่อนที่ดัดฟัน เขาใช้วิธีแบบว่าให้หมอฟันที่เมืองไทยจัดฟันให้เทอมหนึ่งเลย แต่แบบว่ามันเจ็บกว่าธรรมดา กินอะไรก็ค่อนข้างลำบาก จะลองถามเพื่อนดูให้ค่ะว่ามีร้านทำฟันอยู่ตรงไหนบ้าง

ขอบคุณน่ะค่ะ คือพี่จะไปอยู่ที่ปักกิ่งประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์น่ะค่ะ คงไม่ได้เจอกันแน่เลย น่าเสียดายจัง แต่ก็ดีใจด้วยน่ะค่ะจะได้กลับบ้านแล้ว เคยปรึกษาหมอที่บ้านเราว่า จัดฟันแล้วขอมาเปลี่ยนเหล็กสามเดือนครั้งหนึ่งได้ไหม เค้าบอกว่า ถ้าสามเดือนเปลี่ยนครั้งหนึ่ง คงต้องดัดอยู่ประมาณ สิบปีมั้ง..หมอยังขำได้อีก ก็เลยอยากดัดที่จีนอ่ะคะ ก็จริงค่ะที่จีนโรงพยาบาลคนเยอะมาก แล้วดูเหมือนจะไม่สะอาดเหมือนบ้านเราด้วย พี่เคยไปอยู่ทีเบจิงนะคะ ชักจะกลัวๆขึ้นมาแล้วแหละเมื่อนึกถึงโรงพยาบาลของจีน แล้วจะได้ทำมั้ยเนี่ยเรา อิอิ ขอบคุณล่วงหน้าคะ

ขอบคุณค่ะที่ดีใจด้วย อยากกลับบ้านจะแย่แล้ว เรียนเหนื่อยจังเลย ก่อนมานึกว่าจะได้เรียนสบายๆเหมือนพักร้อน ที่ไหนได้นอนกลางคืนไม่ค่อยพอเลยค่ะประมาณสามถึงห้าชั่วโมง ตอนกลางวันเรียนเสร็จก็กลับมานอนกลางวันนิดหน่อยเพื่อสุขภาพ ทดแทนที่กลางคืนนอนน้อย แต่บางทีก็หลวมตัวไปหน่อยนอนไปสามชั่วโมง ถ้าไม่ได้นอนกลางวันเสริมนี่รู้สึกตัวว่าตัวเองป่วยขึ้นมาทันทีเลยค่ะ เพราะสุขภาพตัวเองไม่ได้แข็งแรงเหมือนคนอื่นเขา เป็นภูมิแพ้ แล้วก็นอนดึกมากจะเจ็บคอทันที เทอมนี้เหนื่อยยิ่งกว่า เขียนเรียงความตามหัวข้อที่อาจารย์ให้มาเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่าสี่ร้อยคำทุกอาทิตย์ ตอนนี้นับได้เป็นสิบเรื่องแล้ว แต่ดีอย่างเทอมนี้มีคาบวิชา HSK วันอังคารกับพุธ ดีที่ไม่ต้องไปหาเรียนข้างนอกเพิ่มเติม แต่ก็เหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกหน่อย ท่ามกลางความเหนื่อยก็มีเรื่องสนุก เทอมนี้ดีใจมากที่ได้เที่ยวที่สุดยอดของจีน จิ่วไจ้โกวกับหวงหลง ทะเลสาบสียังกับน้ำทะเลแน่ะ แถมได้ไปดูหมีแพนด้าด้วย ทริปเฉิงตูครั้งนี้หมดเงินไปประมาณ 19,000บาท ทั้งนั่งรถไฟไปเอง ทั้งไปซื้อทัวร์ที่โน่น เดี๋ยวว่างๆจะลงรูปให้ดูกันค่ะ มีเรื่องสนุกๆจะเล่าให้ฟังเยอะเลยค่ะ เช่น ห้องน้ำชนบทที่่สุดยอด

ร้านทำฟันที่เพื่อนบอกมา เขาว่าอยู่ประตูด้านตะวันออก(东门 ตงเหมิน)ของ Beijing Jiaotong University ค่ะ แต่วันนี้เหมือนเห็นแวบๆร้านหนึ่งแถวป้ายรถเมล์ 三元桥ซานหยวนเฉียว แถบ 朝阳ฉาวหยาง ไว้วันไหนว่างๆจะลองลงรถเมล์ไปดูให้ค่ะ ถ้าไปหาหมอฟันเมืองจีนสื่อสารกับหมอเข้าใจ ก็ไม่น่ามีปัญหาค่ะ

เอาภาพฤดูใบไม้ร่วงมาฝากค่ะ ใบไม้เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง

ตอนนี้มองไปทางไหนคงสวยน่าดูนะค่ะ ใบไม้เหลืองบ้าง เขียวบ้าง แดงบ้าง บนภูเขาคสวยน่าดูเลย แต่คงจะหนาวนิดสำหรับคนบ้านเรา อย่าลมลงรูปให้ดูอีกนะค่ะ ตอนนี้พี่อยู่เยรมันก็หนาวเหมือนกันค่ะ แต่อิจฉาคนจะได้กลับบ้านจังเลย คิดถึงอากาศอุ่นๆที่บ้านเราคงจะรู้สึกดีน่าดู ทนอีกแป๊ปเดียวก็ได้กลับแล้วค่ะ สู้ๆค่ะ ขอบคุณนะค่ะสำหรับร้านหมอฟัน ที่จริงพี่พูดภาษาจีนไม่ได้หรอกค่ะ คิดว่าจะจ้างคนที่เค้าพูดจีนได้ช่วยนะค่ะ อิอิ หวังว่าคงรู้จักคนไทยสักคนที่นั่นอ่ะนะค่ะ แล้วไม่รู้ว่าร้านหมออยู่ไกลจากที่พักรึเปล่า คือพี่พักที่โรงแรมคิมพิ้นสกิ นะคะ ไม่ทราบว่ามีคนไทยอยู่ที่นั่นเยอะมั้ยค่ะ ร้านอาหารไทยมีมั้ย ขอบคุณอีกครั้งน่ะค่ะ.

ยินดีค่ะ คนไทยที่ปักกิ่งเยอะแยะ โดยเฉพาะที่่ Beijing Language and Culture University คิดว่าค่าทำฟันที่นี่คงจะแพงค่ะ ร้านหมอฟันแถว Beijing Jiaotong University อยู่ไกลค่ะ นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Xizhimen ก็ประมาณสี่สิบนาทีแล้ว แล้วต้องนั่งรถเมล์ต่อ ขึ้นสาย 651 หรือ 87 จากหน้าห้างสรรพสินค้า Xizhimen ไปลงป้าย Jiao Da Dongmen อีกสักสิบนาทีก็ถึงป้ายค่ะ ร้านทำฟันที่อื่นก็น่าจะมีนะคะ พี่ลองถามเพื่อนที่่นั่นดูอีกทีค่ะ

อาหารไทยก็มีแถวสนามบิน แถวโฮ่วไห่(แพง) แล้วก็แถวลิ่วเต้าโข่ว อยู่ในตึกห้างสรรพสินค้า 弘彧 (หง ยวี่)ชั้น 1 ชื่อร้าน 金曼谷(จิน ม่านกู่) มีป้ายบอกทางเขียนหน้าห้างฯว่า THAI HUT THAI FOOD CAFETERIA เป็นร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ค่ะ หัวละ 48 หยวน กินคุ้ม แต่ก็ไม่ได้อร่อยมาก เพิ่งไปกินสองครั้งเร็วๆนี้เอง พอดีเพิ่งรู้มาจากเพื่อนค่ะ ส่วนเมื่อก่อนทำกินกันเองค่ะ

ตอนนี้ใบไม้ร่วงเกือบหมดแล้ว เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ไปภูเขา เซียงซาน มาค่ะ ใบไม้สีแดงร่วงเกือบหมดแล้ว ดูหรอมแหรม เหี่ยวเฉา ไม่สวยเลยค่ะ สีเหลืองก็ไม่ได้มีเยอะ สนุกตรงได้ขึ้นกระเช้าเปล่าเปลือย เพราะเห็นสภาพต้นไม้แล้ว ความสวยไม่คุ้มกับการขึ้นเขาเลยค่ะ วันนี้อุณหภูมิต่ำสุด -5 องศาแล้วค่ะ หนาวจริงๆ เมื่อวานลมแรงมาก ขนาดตัวอ้วน ตัวยังเกือบปลิวค่ะ เอารูปกระเช้าที่เซียงซานมาฝากแล้วกันค่ะ

ขอบคุณค่ะที่ให้ข้อมูลเยอะแยะเลย บุฟเฟ่ถูกจังเลยค่ะ ยังงี้ต้องไปลองดู อิอิ ตอนนี้อยากกินมากที่สุดคือฮอดพ๊อดHotpot ไม่รู้เขียนถูกมั้ย พอมีร้านอร่อยๆแนะนำมั้ยค่ะ น่านๆเรื่องกินต้องที่หนึ่ง อิอิ แล้วน้องกลับไทยเราวันที่เท่าไหร่ค่ะ ไม่คิดถึงจีนแย่เหรอ...ล้อเล่นคร่า อะไรจะดีเท่าบ้านเรา แต่พี่คงอยู่จีนประมาณ สามปีค่ะ แต่ก็ดีกว่าอยู่เยรมัน ไกล้บ้านเราดี แต่อากาศที่จีนตอนนี้คงหนาวกว่า ที่เยรมัน มีไรที่ปักกิ่งหน้าสนใจก็บอกเล่ากันบ้างนะค่ะ ขอคุณค่ะ

ยังไม่ได้ลงรถไปดูให้คุณอ้อมเลยค่ะ แต่คิดว่าต้องเป็นคลีนิคแน่ ชื่อ Jiamei Dental Clinic (佳美口腔)อยู่ตรงป้ายรถเมล์สาย 运通(yuntong ยวิ่นทง รถใช้แก๊ส)104 ป้าย 三元桥ซานเหยวียนเถียว ร้านอื่นในปักกิ่งก็มีลองค้นดูในเว็บ Baidu ได้ค่ะ เว็บนี้เหมือนกับเว็บกูเกิ้ลที่ใช้ค้นหาข้อมูลค่ะ แต่ส่วนมากคนจีนเขาใช้เว็บนี้กัน กูเกิ้ลบางทีก็โดนบล็อกค่ะที่โน่น ค้นคลีนิกทำฟันให้แล้วค่ะ http://www.baidu.com/s?bs=Dental+Clinic&f=8&rsv_bp=1&rsv_spt=3&wd=Jiamei+Dental+Clinic&inputT=5039

ร้านอาหารไทยที่ป้ายรถเมล์นี้ก็มีค่ะ ยังไม่เคยไปลองชิมเลย ชื่อร้าน Banana Leaf ส่วน Hotpot ร้านที่อร่อยๆก็แพง อยู่แถวประตูตะวันตกของ มหาวิทยาลัย Beijing Jiaotong เพื่อนเขาบอกมาค่ะ แต่จริงๆแล้วเทียนไม่ชอบ Hotpot ของจีนเท่าไหร่ หรือคนจีนเขาเรียกว่า หั่วกัว 火锅 น้ำจิ้มเป็นเหมือนน้ำจิ้มหมาล่าทั่ง หมาล่าทั่งก็คือลูกชิ้นหรือไส้กรอกหรือผักเสียบไม้ลวกในน้ำซุปหมาล่า หมาล่าคล้ายๆพริกไทยแต่เผ็ดลิ้นชา แต่เวลาเทียนทานจะไม่จิ้มน้ำจิ้มค่ะ มีภาพให้ดูตามเว็บนี้ค่ะ http://image.baidu.com/i?ct=503316480&z=0&tn=baiduimagedetail&cl=2&cm=1&sc=0&lm=-1&fr=ala2&pn=1&rn=1&di=44340299535&ln=2000&word=%C2%E9%C0%B1%CC%CC#pn1&-1&di44340299535&objURLhttp%3A%2F%2F100yeuserfiles.100ye.com%2Fgoods_images%2F0012020001-0012040000%2F0012033001-0012033200%2F12033050.jpg&fromURLhttp%3A%2F%2Fwww.100ye.com%2Fmsg%2F12033050.html&W328&H241&T10119&S82&TPjpg

ภาพน้ำจิ้มหมาล่าทั่ง รสชาติคล้ายน้ำจิ้มถั่วยังไงไม่รู้ ข้นๆสีน้ำตาล มีภาพให้ดูค่ะ

http://image.baidu.com/i?ct=503316480&z=&tn=baiduimagedetail&word=%C2%E9%C0%B1%CC%CC%C2%E9%BD%B4&in=7750&cl=2&lm=-1&pn=9&rn=1&di=97846169100&ln=1655&fr=&fm=result&fmq=1326116552070_R&ic=0&s=0&se=1&sme=0&tab=&width=&height=&face=0&is=&istype=2

ส่งกำลังใจค่ะ ... เข้าใจหัวอก คนไกลบ้าน ณ ต่างแดน อ่านแล้ว

คิดถึงเรื่อง ปักกิ่ง นครแห่งความหลัง เลยค่ะ ประทับใจมากค่ะ :)

ขอบคุณค่ะคุณปู ตอนนี้เทียนกลับมาอยู่เมืองไทยแล้วค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท