ในความเป็นพุทธศาสนิกชน อันหมายถึงบุคคลผู้ก้าวย่างไปสู่การฝึกฝนตนในหนทางแห่งการตื่นรู้และเบิกบาน
พุทธะ = ตื่นรู้และเบิกบาน
พุทธธรรม = ธรรมชาติที่ว่าด้วยการตระหนักรู้อันนำไปสู่ความเบิกบาน อันสืบเนื่องมาจากการที่เราเข้าใจในสภาวะแห่งความเป็นไป
ส่วนพิธีกรรมเป็นเพียงเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่สื่อออกมาเพื่อให้เราได้แสดงออกซึ่งการสืบทอดต่อในหนทางแห่งการตื่นรู้และเบิกบาน ปราศจากการการงมงายอันไร้ซึ่งปัญญา
ศีล...คือเครื่องคุ้มครองเพื่อให้เราได้เกิดการตระหนักรู้ว่าเรานั้นไม่ได้ก้าวออกจากแดนแห่งความตื่นรู้และเบิกบาน ดังนั้นศีลจึงเป็นอะไรที่มากกว่าที่ว่า "ข้อห้าม" หากแต่เปรียบเป็นดั่งแสงส่องนำทางให้เห็นว่าเส้นทางแห่งการก้าวย่างนั้นไม่ได้หลุดออกไปจากชีวิตของเรา
ศีลข้อหนึ่ง
ตระหนักถึงความทุกข์อันเกิดแต่การทำลายชีวิต ข้าพเจ้าขอปวารณาตัวที่จะบ่มเพาะความเมตตาและเรียนรู้วิถีทางที่จะปกป้องคุ้มครองชีวิตของมนุษย์ สัตว์ และพืช ข้าพเจ้าขอตั้งปณิธานในอันที่จะไม่ฆ่า ไม่ปล่อยให้ผู้อื่นฆ่า และจักไม่ยอมให้มีการเข่นฆ่าใดๆ ในโลกนี้ ในความคิดของข้าพเจ้าและในวิถีชีวิตของข้าพเจ้า
ติช นัท ฮันห์; เขียน
สุภาพร พงศ์พฤกษ์; แปล
การฆ่าจะเกิดขึ้นได้นั้นอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการบ่มเพาะพลังแห่งความโกรธและความเกลียดชังให้มีเพิ่มมากขึ้น และเติบโตจนเป็นพลังที่มากพอที่จะก่อการกระทำอันรุนแรงให้เกิดขึ้นต่อชีวิตของเรา
การดับลงซึ่งความโกรธและพลังแห่งความรุนแรงที่คุกรุ่นในจิตใจเรานั้น
ทำได้...ด้วยเพียงแค่เรา
หายใจเข้า....สบาย
หายใจออก...สบาย
แล้วเราจะสามารถประคองลมหายใจแห่งการดำรงอยู่ได้อย่างดำเนินไปตามศีลข้อแรก
๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๔
ไม่มีความเห็น