กาปงตาโก๊ะ หมู่บ้านในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส หมู่บ้านหนึ่ง ชื่อบ้าน “ตาโก๊ะ” (คำนี้แปลว่า กลัว ในภาษามลายูพื้นถิ่นแดนใต้) กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว หนุ่มสาวพื้นถิ่นแต่งงานกันแล้ว เวลาล่วงเลยมาไม่นาน สมควรที่สาวเจ้าจะต้องไปเยี่ยมบ้านพ่อตาแม่ยายพร้อมสามี การเดินทางโดยเท้าแต่โบราญผ่านพื้นที่ในรูปแบบต่าง ๆ มีที่เป็น ทุ่งนา - ป่าดง –ที่ชุ่มแฉะ ฯลฯ ณ ช่วงที่เป็นที่ชุ่มแฉะนี่เอง เป็นทางผ่านป่าพรุ สองข้างทางเป็นดง “คมบาง” (พืชน้ำในตระกูล กก แต่เหลี่ยมของลำต้นคมมาก) ขณะที่ทั้งสองเดินลุยน้ำตามกันผ่านทางในดงคมบางเกิดมีอุบัติเหตุงูเหลือมตัวโต จู่โจมเข้าฉก รัด ตัวจ้าวสาว ล้มลง การต่อสู้ ดิ้นรน พร้อมกับเสียงหวีดร้องขอความช่วยเหลือสุดเสียง เจ้าบ่าวที่เดินนำหน้าหันกลับมา เห็นชัดเจนทำท่าจะช่วยแต่กลับผงะถอยกรูดไปตั้งหลัก พร้อมกับละล่ำละลักว่า อากู ตาโก๊ะ (กูกลัว) แล้วก็วิ่งเข้าไปจะช่วยอีก แล้วก็วิ่งถอยหลังกลับ พร้อมกับร้องว่า อากูตาโก๊ะ เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป ทันใดนั้นมีผู้อาวุโส (เทียบอายุรุ่น น้าหรือลุง) นายหนึ่งวิ่งน้ำกระจายตามหลังมา เข้าช่วยเหลือสาวเจ้า ปลดงูที่พันตัวให้หลุดออกพร้อมกับการทุบตีจนงูร้ายหลบไป เป็นการสิ้นสุดนาทีวิกฤต ที่อาจถึงตายได้ไม่ยากด้วยล้มลงจมูกอาจจมน้ำ หรือตายได้ด้วยแรงบีบรัดของงูจนหมดลมหรือทั้งสองอย่างประกอบกัน ทั้งสิ้นก็รอดมาได้เหมือนปาฏิหาริย์ ที่สุดแห่งการเดินทางที่สาวหวัง เพื่อไปเยี่ยมและทำความเคารพพ่อตาแม่ยาย ของเธอ สาวเจ้าก็เปลี่ยนไป สาวเจ้าบอกกับสามีของเธอว่า ขอลา เธอจะไปกับผู้ช่วยชีวิตเธอไม่ว่าจะในฐานะใด ในฐานะ ภรรยา หรือข้าทาส ประการใดก็ขอยอมรับทั้งสิ้น เขาช่วยชีวิตฉันไว้ ที่รัก ขอลาก่อน ซาลามัสตีงา. เรื่องก็จบลงเพียงนี้และเป็นตำนานชื่อบ้าน กาปงตาโก๊ะ มาจนปัจจุบัน
เป็นเรื่องเล่าสามจว.ใต้ ที่สนุกดีครับ//
เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่ามากครับ สมควรที่ผู้รู้ ปราชญ์ท้องถิ่นอื่นควรนำไปพิจารณาจัดทำบันทึกบอกเล่าประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของท้องถิ่นของท่านในแต่ละที่ที่ยังไม่เคยมีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรนะครับ คนเฒ่าคนแก่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอดีต ก็ควรมีคนรุ่นใหม่ๆ บันทึก ประมวลแก้ไข (ชำระประวัติศาสตร์:วิธีการทางประวัติศาสตร์)แล้วบันทึกไว้เพื่อคนรุ่นหลังจะได้เรียนรู้ น่าจะดีนะครับ