“The timeless story of innocence lost and humanity found” เป็นคำโปรยของหนัง
หนังเล่าเรื่องมิตรภาพอันบริสุทธิ์ของเด็กชาย ลูกนายทหารเยอรมันที่ถูกส่งมาคุมค่ายกักกันชาวยิว กับเด็กชายชาวยิวในค่าย ที่จบลงด้วยความสยดสยองและสะเทือนใจ
บรูโน่วัยแปดขวบต้องทิ้งชีวิตวัยเด็กอันสุขสบายในเบอร์ลินเพราะพ่อได้เลื่อนยศและถูกส่งไปควบคุมค่ายกักกันชาวยิวนอกเมือง จากหน้าต่างห้องนอนเขาเห็นชีวิตคนในชุดนอน (Pajamas) ทำงานในสถานที่ที่บรูโน่เรียกว่า “ฟาร์ม” กระตุ้นความสงสัยใคร่รู้ให้ออกไปค้นหา
บรูโน่แอบหนีไปที่ฟาร์มและผูกมิตรกับ “ชมูเอล” เด็กชาวยิวที่อยู่หลังรั้วลวดหนามที่บรูโน่คิดว่า เขากั้นไว้เพื่อป้องกันสัตว์ออกมา บรูโน่แอบเอาอาหารไปให้เพื่อนและนั่งเล่นโดยมีรั้วลวดหนามขวางกั้น
ขณะที่มิตรภาพไร้รั้วกั้นเติบโตงอกงาม ความสัมพันธ์ในครอบครัวเริ่มตึงเครียดเมื่อแม่ของบรูโน่สงสัยว่าควันและกลิ่นเหม็นจากค่ายนั้นคืออะไรกันแน่
จุดหักเหของเรื่อง (Turning Point) เกิดขึ้นในวันหนึ่งเมื่อชมูเอลถูกส่งมาทำงานเช็ดแก้วไวน์ที่บ้านของบรูโน่ “เขาต้องการมือเล็กๆ ทำงานนี้” ชมูเอลบอก เหตุการณ์วันนั้นเป็นเหตุให้บรูโน่ทำในสิ่งที่เรียกว่า “หักหลัง” เพื่อน
นำไปสู่ฉากจบที่สุดสยดสยอง และสะเทือนใจคนดูอย่างรุนแรง
ฉากจบเรื่อง กล้องแช่ภาพไว้นิ่งนาน และค่อยๆ ถอยออกช้าๆ และเลือนเป็นสีดำ ก่อนขึ้นเครดิต
ฉันไม่อาจขยับตัวลุกจากที่นั่งอยู่เนิ่นนาน ด้วยความรู้สึกช๊อก ครุ่นคิดถึงชะตากรรมของคนยิวกว่าหกล้านคนที่ถูกสังหารโดยฮิตเลอร์และผองเพื่อนนาซี ที่คนรุ่นหลังๆ คงไม่ใส่ใจประวัติศาสตร์ในช่วงนี้อีกต่อไป
หนังสร้างจากหนังสือชื่อเดียวกัน ฉันจะไปหาหนังสือมาอ่าน เพื่อค้นหาสิ่งที่หนังไม่ได้เล่า
ตัวแสดงทุกตัวแสดงได้สมบูรณ์ โดยเฉพาะที่แสดงเป็นเด็กชายทั้งสองคน คือบรูโนที่หนังเล่าเรื่องผ่านสายตาของเขา การแสดงออกด้วยแววตากระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น ฉงนสงสัย ไร้ที่ติ กับเด็กที่แสดงเป็นชมูเอล ดูหวาดกลัว เศร้าสร้อย สิ้นหวัง แม้จะเผยแววซุกซน ไร้เดียงสาเแบบเด็กออกมาให้เห็นเพียงเล็กน้อยเมื่อเล่นกับบรูโน่
หนังเล่าเรื่อง มิตรภาพ การหักหลัง ที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดจุดจบอันสยดสยอง
ขอไม่เล่ารายละเอียดของหนัง เพราะจะทำลายอรรถรสในการดูหนัง เพียงแต่บันทึกไว้เพื่อเชิญชวนให้หามาดู หาซื้อไม่ยากค่ะ
หลายๆ ฉาก หลายๆ บทพูดในเรื่องสะท้อนวิธีคิด การปลูกฝัง บ่มเพาะความรุนแรงของการเหยียดเชื้อชาติของมนุษย์เผ่าพันธุ์ที่ทระนงตนว่าศิวิไลซ์กว่า
ฉันอดไม่ได้ที่จะนำมาเทียบเคียงกับความพยายามปลูกฝังความชิงชังระหว่างกันของคนในชาติไทยของฉันโดยคนไทยผู้กระหายอำนาจไม่กี่คนว่าจุดจบของชาติจะเป็นเช่นไร เพราะมันเป็นสิ่งน่าชิงชังพอกัน
เป็นหนังที่เปี่ยมสาระ ควรค่าแก่การดูอีกเรื่อง.
อาทิตย์ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๔
เพิ่มเติม
หนังสร้างจากวรรณกรรมเยาวชนของนักเขียนชาวไอริชชื่อ John Boyne แปลเป็นไทยแล้วชื่อ “เด็กชายในชุดนอนลายทาง” เป็นหนังสือขายดีหลายๆ ประเทศทั่วโลก หนัง เขียนบทและกำกับการแสดงโดยผู้กำกับชาวอังกฤษชื่อ Mark Herman.
มาอ่านเรื่องย่อของหนังเรื่องนี้แล้วนะครับ
บางครั้งก็ทำใจยากกับเรื่องเศร้าๆเช่นนี้ ที่มีมาทุกยุคสมัย ก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าการไขว่คว้าสิ่งต่างๆมากมายจนเกินพอดี แล้วเบียดบังผู้คนอีกมากมายนั้น (สุข บนกองทุกข์ของผู้อื่น) และจะอยู่ค้ำฟ้าหรืออย่างไร จึงต้องทะเยอทะยาน จนทะเลาะเบาะแว้ง ก็ไม่รู้สุดท้าย"ตาอยู่" ที่ใหนที่จะยืนท่ามกลางคราบน้ำตา ความเดือดร้อนของผู้คนอย่างเป็นสุข ...ได้อย่างไร ??
อยากรู้เรื่องแต่ไม่อยากเศร้าค่ะ :(...
สวัสดีค่ะคุณnui
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะพี่หนุ่ย
อ่านคำโปรยจากพี่หนุ่ย ยิ่งมั่นใจว่าเรื่องนี้น่าติดตาม น่าสนใจจริงๆ
มิตรภาพ เสรีภาพ ภราดรภาพ สันติภาพ
ส่งความระลึกถึง กำลังใจ สุขีมีความสุขทุกวี่วันนะคะพี่สาว :)
ผมต้องไปหามาชมด้วยคนนะครับ ชอบแนวนี้ ให้อะไรหลายอย่าง เป็นภาษาไทยหรือเปล่าครับ
และก็ขอบคุณที่ชอบเจ้าเด็กน้อยดูดชาเย็นนะครับ ผมก็ว่าน่ารักดี
ชอบดูหนังแนวนี้เหมือนกันค่ะ ดูหนัง ubc ชอบมีหนังเรืองราวเกี่ยวกับ nazi ยิว เยอะมาก ๆ
--------------------------