“คนตาบอดมืด เคราะห์ร้ายทั้ง ๒ ทาง คือ โภค
ทรัพย์อย่างที่ว่าก็ไม่มี ความดีก็ไม่ทำ
ส่วนอีกคนหนึ่งนี้ เรียกว่า บุคคลตาเดียว ไม่
เกี่ยวในเรื่องธรรมและอธรรม แสวงหาแต่โภค
ทรัพย์ เป็นคนครองกามที่ฉลาดรวบรวมทรัพย์
ด้วยการขโมย การโกงและการปลิ้นปล้อน
บุคคลตาเดียวนั้นละจากโลกนี้แล้วไปนรก ย่อม
เดือดร้อน
ส่วนผู้ที่เรียกว่าคนสองตา เป็นบุคคลประเสริฐ
ให้ทรัพย์ที่ได้ด้วยความขยัน จากกองโภคะที่ตน
หาได้โดยชอบ(เป็นทาน) มีความคิดสูง มีใจไม่
เคลือบแคลง ย่อมเข้าถึงฐานะอันเจริญ ซึ่ง
เป็นฐานะที่ถึงแล้วไม่เศร้าใจ
ควรหลีกคนบอดและคนตาเดียวเสีย ให้ไกล
ควรคบแต่คนสองตาซึ่งเป็นบุคคลประเสริฐ”
(จาก...พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติก
นิบาต อันธสูตร)
ชีวิตของแต่ละบุคคลที่ดำเนินไปในแต่ละวันนั้น แบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนหนึ่งเป็นผลของกรรม โดยเป็นผลของกุศลกรรม และเป็นผลของอกุศลกรรม อีกส่วนหนึ่งเป็นการสร้างเหตุใหม่ที่จะให้เกิดผลข้างหน้า คือ กุศลกรรม และ อกุศลกรรม ในกรรมสองอย่างนั้น อกุศลกรรม เป็นที่พึ่งไม่ได้ กุศลกรรมเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งได้ ชีวิตของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่นั้น จึงมีทั้งทำดีบ้าง ทำชั่วบ้าง เป็นไปตามการสะสม
สำหรับผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมและมีความเข้าใจไปตามลำดับ ย่อมรู้ว่าอะไรเป็นกุศลอะไรเป็นอกุศล อะไรควรทำ อะไรควรเว้น ซึ่งจะเป็นเครื่องช่วยเกื้อกูลให้การดำเนินชีวิตเป็นไปในทางที่ถูกต้องดีงาม มีความสุจริตทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ได้
จากบุคคล ๓ จำพวกที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงในอันธสูตรนั้น ไม่ควรเอาแบบอย่าง ๒ บุคคลแรก กล่าวคือ บุคคลที่ ๑ (คนตาบอด) เป็นผู้ไม่ได้กระทำความดีเลย ชีวิตก็ลำบากอยู่แล้วยังไม่กระทำที่พึ่งให้แก่ตนอีก และบุคคลที่ ๒ (คนตาเดียว) เป็นผู้ที่ไม่รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด มุ่งกอบโกยเอาประโยชน์ของตนอย่างเดียว สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น และตัวเองก็ต้องเดือดร้อนเพราะการกระทำไม่ดีของตนเองอีกด้วย ดังนั้น ท่านจึงให้เว้นบุคคล ๒ จำพวกแรก ไม่ควรคบหาสมาคมด้วย แต่พึงคบหาสมาคมกับบุคคลผู้ที่มีปัญญา มีความเข้าใจถูกเห็นถูก ซึ่งเป็นผู้มีตาดีทั้งสองข้าง ที่รู้ทั้งวิธีการหาทรัพย์อย่างถูกต้อง เมื่อได้ทรัพย์มาแล้วก็รู้จักแบ่งปัน และมีความเข้าใจพระธรรมด้วย เพราะการคบค้าสมาคมกับบุคคลประเภทนี้ มีแต่ความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลย.
http://www.our-teacher.com/our-teacher/article/4%20admonishment/52-blind%20man.htm
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณข้อคิดดีๆที่นำมาแบ่งปันนะคะ
คุณยาย ค.ห.๑
สวัสดีเช่นกันค่ะคุณยายคนสวย
นำคำสอนของพระพุทธเจ้าจากพระสูตร
มายืนยันกันดีกว่า
หลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงท่าน
ก็ทำให้พวกเราตาดีทั้งสองข้างนะคะ
ทรัพย์ก็ไม่มี ความดีก็ไม่ทำ เป็นอันว่าจบกันชีวิต แล้วจะเหลืออะไรดีละครับคราวนี้
ท่านกวีธรรมโสภณ ค.ห.๒
นั่นสิคะ..ไม่สร้างตัว แถมไม่ทำความดี โกงทรัพย์คนอื่นอีก
พระพุทธเจ้าท่านจึงไม่สรรเสริญ
แต่ก็ไม่สำนึกกันค่ะ นับวันจะมีมากขึ้น
"ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาวินาศ" แน่ตามคำสอนท่านพุทธทาส