๑. พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเวียงยอง
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเวียงยองตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐ ในอาณาบริเวณวัดต้นแก้ว โดยดำริของพระครูไพศาลธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดต้นแก้ว รองเจ้าคณะตำบลเวียงยองโดยได้ใช้กุฏิสงฆ์หลังเดิม ซึ่งมีสถาปัตยกรรมการก่อสร้างแบบเก่า )ปรับปรุงภายในอาคารแล้วเก็บรวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุต่างๆ ที่มีอยู่ภายในวัด จัดให้เป็นหมวดหมู่ตั้งแสดงไว้ให้บรรดาพระภิกษุสามเณร ข้าราชการ ประชาชน นักเรียน นักศึกษาและผู้ที่สนใจเข้าชมทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ทำพิธีเปิดโดย พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระเทพมหาเจติยาจารย์(ไพบูลย์) เจ้าคณะจังหวัดลำพูนและนายเถกิงศักดิ์ พัฒโน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเวียงยองแห่งนี้ ได้รับความสนใจจากบุคคลโดยทั่วไป ขอเข้าชมเป็นประจำ โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณรและกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ที่สนใจใฝ่รู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของอาณาจักรล้านนา
ซึ่งจากการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์และได้รวบรวมของที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์นี้เองจึงทำให้เจ้าอาวาสวัดต้นแก้วได้รับเสมาธรรมจักรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
๒.พิพิธภัณฑ์ตำบลเวียงยอง
พิพิธภัณฑ์ตำบลเวียงยอง ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๗ ในอาณาบริเวณวัดต้นแก้วโดยดำริของพระครูไพศาลธีรคุณ เจ้าอาวาสวัดต้นแก้ว รองเจ้าคณะตำบลเวียงยอง ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนและองค์การบริหารส่วนตำบลเวียงยอง โดยการสนับสนุนของนายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนและนายมนู ศรีประสาท นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเวียงยอง ได้จัดตั้งโครงการ “ ถนนสายวัฒนธรรม”ถนนสายนี้มีจุดเริ่มต้น ที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ข้ามสะพานท่าสิงห์พิทักษ์ ( ขัวมุง ) ผ่านหน้าวัดต้นแก้ว โรงเรียนบ้านเวียงยอง ธรรมสถานดอนแก้วไปสิ้นสุดที่วัดพระยืน ซึ่งสามารถเชื่อมโยงประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของคนในชุมชนให้เข้ากันได้ โดยมุ่งประเด็นไปที่การอนุรักษ์วัฒนธรรมล้านนา และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหลัก ตั้งสมมติฐานว่าถ้ามีนักท่องเที่ยวมานมัสการพระบรมธาตุเจ้าหริภุญชัย ณ วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร แล้วก็สามารถเดินข้ามขัวมุง ( สะพานที่มีหลังคามุงครอบ ) ชมพิพิธภัณฑ์ตำบลเวียงยอง ณ วัดต้นแก้ว ศึกษาวิถีชีวิตของชาวไทยอง ณ บ้านเวียงยอง ไปสิ้นสุดกิจกรรมการไหว้พระ ณ วัดพระยืน โครงการนี้ เป็นโครงการใหญ่ อันเป็นแผนพัฒนาเมืองลำพูนให้เจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองตามลำดับ
ดังนั้นคณะกรรมการทุกฝ่ายจึงพิจารณาเห็นว่าพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเวียงยองของวัดต้นแก้ว มีโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุต่างๆ เป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้มีการจัดหมวดหมู่ที่ถูกต้องตามระบบของพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น อีกทั้งภายในวัดต้นแก้วก็ยังมีเจดีย์เก่าองค์หนึ่ง อันเป็นโบราณสถานที่เก่าแก่ดั้งเดิม สมควรที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่สามารถเสริมสร้างความรู้ให้กับผู้ที่มาชมได้ จึงได้จัดสรรงบประมาณจำนวน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท ทำการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ตำบลเวียงยองขึ้น ๑ หลังสถาปัตยกรรมทรงไทยประยุกต์ แบ่งหมวดหมู่ของโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุต่างๆไว้ดังนี้ คือ
๑. หมวดพระพุทธรูป และพระพิมพ์โบราณ
๒. หมวดคัมภีร์ใบลาน และพับกระดาษ ( สมุดไทย ) โบราณ
๓. หมวดเครื่องมือเครื่องใช้ของผู้คนในชุมชน
๔. หมวดเครื่องนุ่งห่ม ( ชาวไทยองมีฝีมือโดดเด่นเรื่องการทอผ้ามาก)
๕. หมวดเบ็ดเตล็ด ( แสดงประวัติความเป็นมาของชาวไทยอง )
ทำพิธีเปิดโดย นายประเสริฐ ภู่พิสิฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ( สมัยต่อมา ) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้บรรดาพระภิกษุสามเณร ข้าราชการ ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจเข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ได้รับความสนใจจากบุคคลทั่วไป ขอเข้าชมเป็นประจำ โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณร และกลุ่มนักศึกษาที่สนใจใฝ่รู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของอาณาจักรล้านนา และศึกษาวิถีชีวิตของชุมชนคนไทยองที่มาตั้งถิ่นฐานในเมืองลำพูนนี้ และพิพิธภัณฑ์วัดต้นแก้วทั้งสองหลังก็ได้เปิดทำการมาจนถึงปัจจุบันนี้ โดยเปิดตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๖.๐๐น. เปิดให้ผู้สนใจได้เข้าชมทุกวันยกเว้นวันจันทร์
ตอบด้วยครับ แมน
เอ่อง่ายดีนะ
จะได้ค้นหาประวัติวัดง่ายดีขึ้นนะ
วัดนี้มีอยู่จริง สร้างด้วยบารมีของท่านเจ้าอาวาส
วัดเก่าวัดแก่ วัดกู่บ้านกู่เมืองหละปูนครับ
ขอความกรุณาตรวจสอบศักราชด้วยเจ้า ที่ว่าวัดสร้างปีปี ๑๘๒๕ นั้นน่าสงสัย เพราะปีนั้นเป็นช่วงที่พญามังรายกำลังเข้ายึดครองหริภุญไชยแล้ว การฟื้นฟูวัดช่วงปี ๒๓๔๙ สมัยเจ้าเจ็ดตนน่าจะถูกต้อวแล้วเพราะเป็นการเริ่มการตั้งถิ่นฐานของชาวยอง ศักราชของการพระราชทานวิสุงคามสีมานั้นไม่น่าจะเป็น พ.ศ.๑๘๓๐ ตอนนั้นเป็นสมัยพญามังราย ยังไม่ได้สร้างเมืองเชียงใหม่ด้วยซ้ำ ข้อมูลสับสนหากจะนำไปใช้ต้องตรวจสอบกับตำนานและปั๊บสาก่อน ขออภัยเน้อเจ้า คุณครูมันจะหย่อยอย่างนี้ล่ะ