บันทึกวันน้ำท่วมที่บริสเบน ตอนที่ 2: โหมดรับมือและจัดการภัย


เหนือสิ่งอื่นใดที่ฉันได้เรียนรู้ในวันนี้ คือ คุณค่าของความเป็นชุมชน คุณค่าของสิ่งที่เรียกสำนึกสาธารณะ ที่ทำให้คนในชุมชนเป็นอันหนึ่งอันเดียว และมีเป้าหมายเดียวกันในการร่วมกันพาทุกคนให้รอดพ้นวิกฤติให้ได้ โดยไม่มีใครตักตวงผลประโยชน์หรือหาโอกาสเอาเปรียบจากคนที่เดือดร้อน

วันที่ 12 มกราคม ฉันตื่นเช้าขึ้นมาแดดจ้า ฟ้าสีน้ำเงินแจ่มใส เมฆสีขาวก้อนสวย เดินลงมาดูใต้ถุนบ้านน้ำแห้งสนิท สนามหญ้าไม่มีร่องรอยน้ำขัง รู้สึกลันล้าในใจเป็นกำลัง แถมยังแอบนึกนินทาชาวฝรั่งออสซี่อยู่ในใจว่า แหมมันช่างเตือนภัยซะน่ากลัวจริง ๆ เห็นมะ ฝนก็หยุดแล้ว สถานการณ์ไม่น่าจะมีอะไรเลวร้ายอย่างที่คาดการณ์ซักนิด ไฟฟ้าบ้านเราก็ยังมาตามปกติ แต่ก็ทราบว่าในเขตพื้นที่อื่นมีน้ำท่วมขังบ้างแต่ฉันยังไม่ได้เปิดดูข่าวจากโทรทัศน์ว่าร้ายแรงซักเพียงไหน ฉันเปิดคอมพิวเตอร์อัพเดท status ใน facebook ซะหน่อย เผื่อใครหลายคนที่เมืองไทยเป็นห่วงอยู่

----------------------------------------------

เช้านี้ที่บ้านเราน้ำลดแล้ว มีแดดออกแต่เช้า ไฟฟ้าก็ยังมีอยู่ค่ะ แต่ในพื้นที่อื่นอีกหลายแห่ง และถนนหลายสายในเมืองบริสเบนระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น เพราะมีน้ำทะลักจากแม่น้ำบริสเบน แต่คาดว่าหากฝนหยุดตกสถานการณ์น่าจะคลี่คลายเร็วกว่าที่คาดการณ์ค่ะ 

Facebook status on 12 January at 07:56

------------------------------------------------------

แต่อัพเดทสเตตัสไปได้ซักพัก เปิดดูความเคลื่อนไหวของเพื่อน ๆ นักเรียนที่นี่ใน facebook กบและครอบครัวซึ่งเช่าที่พักอยู่ย่าน Taringa อัพโหลดรูปน้ำท่วมถนนหน้าที่พักสูงจนเกือบท่วมหลังคารถ ส่วนครอบครัวแหม่มและกอล์ฟซึ่งอยู่แถว St.Lucia ใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ก็อัพโหลดรูปและระบุว่าขณะนี้ถนนในที่ต่ำทุกสายน้ำท่วมสูงมากแล้ว ไม่สามารถออกไปไหนได้เพราะถนนถูกตัดขาดเนื่องจากน้ำท่วมเกือบทั้งหมด แต่บ้านแหม่มและกอล์ฟเป็นอพาร์ทเม้นท์อยู่บนเนินสูงจึงไม่ท่วม เห็นภาพร้าน Chinese grocery ที่นักเรียนร่วมร้อยต่างฝ่าฟันเข้าคิวกันซื้ออาหารเมื่อวาน ปรากฏว่าวันนี้ก็มีน้ำท่วมสู่งเกือบสองเมตร

ดูแล้วสถานการณ์ไม่น่าจะดี เลยชวนอินดี้ออกไปเดินที่ Haig Road ถนนหลักหน้าบ้าน ซึ่งเป็นเส้นทางที่อินดี้เดินไปโรงเรียนทุกวัน เดินออกถนนเลี้ยวซ้าย ห่างจากบ้านออกไปแค่สองร้อยเมตร พบว่าถนนถูกตัดขาดเรียบร้อย น้ำท่วมสูงเกินกว่าครึ่งหนึ่งของป้ายรถเมล์ ถนนช่วงกว่าสองร้อยเมตรตรงนั้นกลายเป็นบึงน้ำไป ในขณะที่บ้านเรือนในซอยแถบนั้นมีน้ำท่วมสูงขึ้นถึงชั้นสองเรียบร้อยแล้ว ประชาชนเริ่มอพยพขนข้าวของออกจากบ้าน โดยใช้เรือยางเป็นพาหนะ  ครอบครัวของ William เพื่อนอินดี้ซึ่งมีบ้านอยูต้นซอยแถบนั้นก็เตรียมอพยพและขนย้ายข้าวของหนีน้ำ ทั้งที่บ้านเขาน้ำยังไม่ได้เข้าบ้าน ท่วมแค่ถนนหน้าบ้านเท่านั้น แต่แม่ William บอกว่า Just in case...

ฉันเริ่มใจไม่ดีชวนอินดี้เดินกลับบ้าน พอเปิดประตูรั้วเข้าบ้าน คุณลุงคุณป้าข้างบ้านเดินผ่านมาแวะเข้ามาทักทาย ฉันถามว่าสถานการณ์น่าจะโอเคมั้ย ทั้งสองคนบอกทันทีว่า "I don't think so เธอต้องเก็บข้าวของข้างล่างขึ้นบนบ้าน และอาจจะต้องเตรียมหาที่พักสำรองไว้เลยนะ เพราะตอนบ่ายนี้น้ำจะขึ้นแน่นอน คาดว่าน่าจะขึ้นถึงเกือบ ๆ ชั้นบน และพอตอนเช้าก็จะขึ้นจากเดิมอีกเมตรนึง" อ้าวววว...ฟังแล้วอึ้งไปเลย นี่เป็นโทษของการที่เช้า ๆ ไม่ได้เปิดทีวีดูข่าว ปล่อยให้อินดี้ครองทีวีดูการ์ตูนตั้งแต่ตื่นนอน

ฉันเดินหันรีหันขวาง เดินไปหลังบ้านเห็นผ้าตากอยู่ในร่มอีกหลายสิบตัว แดดก็ดีขนาดนี้ เอ๊...ถ้าฉันจะรื้อผ้าไปตากคนแถวนี้จะว่าฉันบ้ามั้ย เพราะคนอื่นเขากำลังขนของหนีน้ำท่วมกันอยู่ รี ๆ รอ ๆ อยู่ไม่นาน ญาติ ๆ ของคุณยายบ้านติดกันกำลังเก็บข้าวของให้คุณยายอยู่หลังบ้านรีบถามทันทีว่า "เธอเก็บของหรือยัง น้ำกำลังมาแล้วนะ" พร้อมชี้ให้ดูในสนามหลังบ้าน เออแฮะ ฉันเพิ่งสังเกตว่าน้ำค่อย ๆ ไหลเอ่อเข้ามาจริง ๆ ด้วย "เธอรู้มั้ยเมื่อปี 1974 น่ะน้ำขึ้นถึงนี้เลยนะ" แล้วก็ชี้ให้ดูที่ระดับสูงสุดของเสาบ้านซึ่งสูงกว่าสองเมตร "และคราวนี้เขาคาดการณ์ว่าน้ำจะขึ้นมากกว่านี้อีกนะ" ...เอาเข้าไป กะเหรี่ยงอย่างเราเริ่มอินกับข้อมูลและตื่นเต้นพร้อมตื่นกลัวหน่อย ๆ  ว่าแล้วก็ขึ้นบ้านเปิดเว็บไซต์ดูข้อมูลและแผนที่เขตเสี่ยงภัยน้ำท่วม บ้านเราเป็นหนึ่งในสามหลังสุดท้ายของต้นถนนสายนี้ที่อยู่ในพื้นที่ระบายสีฟ้าซึ่งหมายถึงพื้นที่ที่เป็นไปได้สูงว่าน้ำอาจท่วมถึง 

เกือบ ๆ สิบโมงเช้า เปิดทีวีดูข่าว หลายช่องรายงานน้ำท่วมอย่างเดียวทั้งวัน รายงานภาพเหตุการณ์ตามพื้นที่ต่าง ๆ ประกาศเตือนภัย สลับกับการสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบในการแก้ปัญหา จำนวนคนตายเฉพาะที่ Toowoomba เพิ่มขึ้นเป็นสิบคน และมีคนหายอีกกว่าเจ็ดสิบคน กลายเป็นเหตุการณ์วิกฤติชั่วข้ามคืน บ้านเราปรึกษาหารือกัน หลังจากเพื่อนบ้านที่เดินมาดูบ้านเราคนแล้วคนเล่า คอยบอกเล่าเตือนภัย หลายคนบอกว่าจะขนของเมื่อไหร่บอกเดี๋ยวมาช่วยขน พ่อแม่เพื่อนของอินดี้ที่บ้านอยู่ถัดบนเนินสูงขึ้นไปจากบ้านเราเดินมาดูน้ำแล้วแวะมาถามข่าวคราว รีบย้ำแล้วย้ำอีกว่าหากเราต้องอพยพและไม่มีที่ปลอดภัยจะไปให้รีบโทรหาเขาทันที บ้านเขายินดีต้องรับตลอดเวลา โอ...ช่างซาบซึ้งใจจริง ๆ เช่นเดียวกับเพื่อนบ้านในซอยเดียวกันหลาย ๆ คน ที่บอกให้ไปเคาะประตูบ้านได้ตลอดเวลาหากต้องการความช่วยเหลือ

------------------------------------------------

ตอนนี้กำลังขนของใต้ถุนบ้านขึ้นชั้นสอง เพราะมีการเตือนว่าน้ำกำลังจะขึ้น และจะขึ้นสูงสุดประมาณ 1.5 เมตร ตอนบ่ายสามวันนี้ ท่าจะจริง เพราะน้ำในสนามหลังบ้านกำลังค่อยขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัด...หวังว่าจะไม่สูงขึ้นมาถึงบนบ้านชั้นสอง รอดูสถานการณ์อยู่อย่างระมัดระวัง เตรียมทำกับข้าวไว้ล่วงหน้า เผื่อน้ำขึ้นแล้วเขาตัดไฟ 

Facebook status on 12 January at 10:31

Thank you all generous Aussie neighbours who passed by our house and keep asking and offering helps while we were moving all stuff from under the house to the second floor. The water has been rising up since 9 am and now reached the second of 11 steps of our back door (about 3 feet high). Let see and hope it’s not reach the second floor...

Facebook status on 12 January at 12:39  

ขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ และน้อง ๆ ทุกคน ทั้งที่เมืองไทยและที่นี่ ที่คอยติดตามถามข่าวคราวเรื่องน้ำท่วมมาตลอดค่ะ ณ ตอนนี้เวลาบ่ายโมงของบริสเบน บ้านเรายังปลอดภัยอยู่ แต่น้ำเริ่มสูงขึ้นตลอดเวลา ตอนนี้ท่วมมาถึงบันไดขั้นที่สองของหลังบ้านและเข้าในบริเวณใต้ถุนบ้านสูงประมาณครึ่งเมตรแล้ว ได้แต่ภาวนาว่าจะไม่ขึ้นถึงบริเวณชั้นสองค่ะ 

Facebook status on 12 January at 12:56

--------------------------------------------------------- 

ประมาณสิบโมงกว่า หลังบ้านซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในระดับต่ำสุด น้ำเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จากแค่ตาตุ่มเป็นหน้าแข้ง จากหน้าแข้งเป็นหัวเข่า ภายในเวลาประมาณสองชั่วโมงน้ำขึ้นสูงมาจนถึงบันไดขั้นที่สอง ขั้นที่สามของหลังบ้าน ซึ่งสูงประมาณ 70-80 ซม. ประมาณเที่ยงกว่า ๆ สนามหญ้าที่ใช้ตากผ้าหลังบ้าน สนามข้างบ้าน และใต้ถุนบ้านน้ำเข้าเต็มหมดแล้ว หลังจากโพสต์สเตตัสนี้ไปบนเฟสบุ๊ก เพื่อน ๆ หลายคนเริ่มตื่นเต้นและเป็นกังวลไปกับเราด้วย น้องนัทเพื่อนนักเรียนที่นี่ก็บอกให้อพยพไปอยู่ที่บ้านเขาซึ่งไม่มีปัญหาน้ำท่วม ขณะที่ตู่เพื่อนนักเรียนที่อยู่บ้านเดียวกันบอกว่าน้องนักเรียนอีกคนคือ ต้อม ซึ่งอยู่ Keperra ไกลไปจากบ้านเราซัก 20 นาที ก็บอกให้ย้ายไปพักที่บ้านเขาก่อน แต่ ณ ขณะนั้น ฉันยังไม่คิดว่าเราต้องย้ายไปนอนที่อื่นและไม่ได้เตรียมใจไว้เลย เพราะคิดว่าถึงจะท่วมแต่น่าจะท่วมเฉพาะใต้ถุน เราก็น่าจะอยู่บนบ้านได้ ขณะที่ในทีวีกำลังรายงานสถานการณ์น้ำที่กำลังจะเพิ่มระดับขึ้นในตอนบ่ายอย่างต่อเนื่อง และระบุว่าสถานการณ์จะแย่ที่สุดในตอนตีสี่ของวันรุ่งขึ้น นั่นหมายความว่าแม้ในบ่ายวันนี้น้ำอาจจะยังสูงไม่ถึงชั้นสองของบ้าน แต่ในตอนเช้ามืดก็ไม่อาจรับประกันได้ เพราะจากการคาดการณ์ระบุว่าน้ำจะเพิ่มระดับสูงขึ้นอีก 1 เมตร ความสูงจากพื้นใต้ถุนบ้านถึงชั้นบนบ้านเราประมาณ  2 เมตร แล้วถ้ามันสูงขึ้นถึงขนาดที่เขาคาดการณ์แล้วบ้านเราจะเหลือเหรอ เพื่อนบ้านบางคนบอกว่าเป็นไปได้ว่าจะขึ้นถึงหลังคาบ้าน โอววววว...ไม่นะ

เราเก็บของใช้และสมบัติทั้งหลายที่คิดว่ายังมีค่าอยู่จากใต้ถุนบ้าน รวมทั้งข้าวของที่น้อง ๆ นักเรียนมาฝากไว้ ขึ้นบนบ้านได้จนหมด ข้าวของใหญ่ ๆ ที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เก็บไว้ข้างล่างก็ย้ายออกไปหน้าบ้าน เตรียมขนย้ายไปฝากไว้ที่ที่ทำการสมาคมแห่งหนึ่งที่อยู่หน้าบ้านฝั่งตรงข้ามบ้านเรา ซึ่งมีพื้นที่โล่งกว้างพอจะวางข้าวของได้ ฉันไปดูลู่ทางพบว่าด้านหลังที่ทำการสมาคมมีก๊อกน้ำ และพื้นที่โล่งที่เป็นลานคอนกรีต ฉันยังบอกกับสามีว่าถ้ามันแย่จริง ๆ แล้วเราไปไหนไม่ได้ เรามานอนกันตรงนี้ก็ได้นะ :-) เพราะในขณะนั้น ด้วยความเกรงใจฉันจึงไม่คิดว่าฉันจะสามารถไปเคาะประตูเพื่อนบ้านคนใด ๆ ที่เขามาเสนอไว้ล่วงหน้าได้แน่ ๆ ทั้ง ๆ ที่ก็เรียนรู้ได้ว่าความช่วยเหลือที่ได้รับการเสนอนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง จากประสบการณ์หลายอย่างที่พบทำให้รู้ว่าหากคนที่นี่เขาบอกว่าได้ หรือจะช่วย นั่นคือสิ่งที่เขาคิดและทำได้อย่างที่พูดจริง ๆ ไม่ได้พูดไปตามมารยาทใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ความเกรงใจและไม่อยากรบกวนนี่ก็เป็นนิสัยที่ติดหนึบของคนไทยอย่างเราจริง ๆ

คำเตือนทั้งจากรายงานข่าวทางโทรทัศน์ให้ผู้คนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงเคลื่อนย้ายข้าวของและอพยพตนเองออกจากบ้านที่พักอาศัยไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย รวมทั้งความกระตือรือร้นของเพื่อนบ้านคนแล้วคนเล่าที่เฝ้าวนเวียนมาบอกให้เราเก็บของใช้ที่จำเป็นไปไว้หลังรถเพื่อพร้อมจะย้ายตัวเองออกจากบ้านไปได้ทุกเวลา ทำให้ฉันต้องจัดกระเป๋าเดินทาง เตรียมเสื้อผ้า เครื่องใช้สำหรับสองวัน และเอกสารสำคัญส่วนตัวต่าง ๆ ทั้งพาสปอร์ต เอกสารเช่าบ้าน เอกสารส่วนตัวจากเมืองไทย แถมฉันยังไม่ลืมที่จะพกเอาใบรายงานผลการเรียนอินดี้ทั้งสามสี่ชุดไปด้วย แหะ แหะ กลัวหายไปกับน้ำแล้วลูกไม่มีหลักฐานเข้าเรียนที่เมืองไทย รวมทั้งหอบหิ้วเอกสารการแพทย์ จดหมายนัดหมายหมอ และฟิล์มอัลตร้าซาวด์เจ้าตัวเล็กในท้องที่เพิ่งได้มาไปด้วย แห แหะ อันนี้กลัวหายแล้วต้องโทรศัพท์ไปเจรจานัดหมายใหม่อย่างยากเย็น อีกทั้งกลัวต้องไปเสียตังค์ค่าอัลตร้าซาวด์อีกรอบด้วย

--------------------------------------------------- 

The electricity was already cut off at our place since an hour ago. We are evacuating to our friend (Tom)'s place in Keparra now.

Facebook status on 12 January at 15:11  

--------------------------------------------------

ประมาณบ่ายสาม สัญญาณความวิกฤติของเหตุการณ์และพื้นที่เริ่มขึ้นเมื่อกระแสไฟฟ้าถูกตัด นี่เป็นอีกมาตรการของทางการที่นี่ที่ฉันชื่นชม ฉันไม่เคยได้ยินข่าวคนถูกไฟดูดตายเพราะน้ำท่วมบ้านเลย (อย่างน้อยก็ในครั้งนี้) เมื่อข้อมูลในพื้นที่ซึ่งมีระบบการเฝ้าระวังเป็นอย่างดีระบุว่าน้ำท่วมถึงระดับที่อาจเป็นอันตราย สิ่งที่ทางการทำเป็นลำดับแรกคือการตัดกระแสไฟฟ้า (และจะไม่ปล่อยไฟจนกว่าจะแน่ใจว่าระบบไฟได้ถูกตรวจสอบว่าปลอดภัย) แม้ว่าในพื้นที่บริเวณนั้นจะมีบ้านที่ไม่ได้ถูกน้ำท่วมแต่หากระบบการจ่ายไฟอยู่ในข่ายเดียวกันก็จะต้องยอมถูกตัดไฟ และดูเหมือนคนที่นี่จะเข้าใจและตระหนักถึงความปลอดภัยนี้เป็นอย่างดี ไม่มีบ้านไหนบ่นเรื่องบ้านฉันน้ำไม่ท่วมทำไมถูกตัดไฟ นี่คือสิ่งที่ฉันรู้สึกว่าเป็น "สำนึกสาธารณะ" อย่างหนึ่ง ชุมชนหรือสังคมที่เข้มแข็งและพัฒนา ไม่ใช่แค่เพียงพึ่งตนเองได้แต่ต้องมีสำนึกร่วมกับส่วนรวม แม้ว่านั่นจะไม่ใช่ปัญหาหรือเรื่องราวโดยตรงของตนเองก็ตาม

เมื่อบ้านเราถูกตัดไฟ เราปรึกษาหารือกัน และตัดสินใจที่จะออกจากบ้านไปอยู่กับต้อมที่ Keperra หลังจากเช็คเส้นทางแล้วเห็นว่าสามารถขับรถไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีเส้นทางที่ถูกน้ำท่วม หอบหิ้วข้าวปลาอาหารที่ทำเตรียมไว้ รวมทั้งขนมปัง ไข่ และของสดบางอย่างไปด้วย เพื่อที่จะไม่ต้องไปรบกวนต้อมมากไปกว่าที่นอน อาบน้ำ และพักผ่อน 

------------------------------------------------------------

กลับมาเช็คบ้านอีกรอบหลังจากผ่านไป 2 ชม. พบว่าน้ำขึ้นมาถึงรั้วหน้าบ้านแล้ว การคาดการณ์ระบุว่าคืนนี้จะขึ้นสูงอีก 1 เมตร ซึ่งจะขึ้นสูงถึงบันไดขั้นสุดท้ายก่อนขึ้นชัั้นสอง หวังว่าความจริงจะไม่แย่ไปกว่าการคาดการณ์ 

Facebook status on 12 January at 19:27

------------------------------------------------------------

เมื่อได้เข้าที่พักที่บ้านต้อมเรียบร้อย ด้วยความเป็นห่วงบ้าน และยังมีข้าวของชั้นบนอีกหลายอย่างที่ยังอยู่บนพื้น ซึ่งหากน้ำท่วมถึงพื้นชั้นบนจริง ๆ ก็คงแย่ เลยกลับมาบ้านกันอีกรอบ พบว่าน้ำสูงขึ้นกว่าเดิมมาก เราเดินลุยน้ำเข้าบ้าน ก่อนขึ้นบันไดหน้าบ้านน้ำสูงในระดับเกินเข่าของฉัน น้ำสูงขึ้นถึงบันไดขั้นที่สอง เราขึ้นไปจัดของบนบ้านกันอีกรอบ รื้อลิ้นชักเอกสารอีกส่วนที่เหลือ ขึ้นไว้บนหลังตู้เสื้อผ้า รื้อเสื้อผ้าที่อยู่ที่พื้นตู้ขึ้นชั้นสูง และด้วยความห่วงโซฟาก็ได้ต้อมช่วยเอาเก้าอี้สอดเข้าใต้โซฟาเพื่อหนุนในสูงขึ้น เผื่อว่าน้ำขึ้นอย่างน้อยก็เพิ่มโอกาสในการรอดของโซฟาได้มากขึ้น

เวลาสิบกว่าชั่วโมงของวันนี้ช่างแสนยาวนาน เกิดเรื่องราวมากมายจนจำไม่หวาดไม่ไหว และบันทึกได้เพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของเรื่องราวทั้งวันเท่านั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่ฉันได้เรียนรู้ในวันนี้ คือ คุณค่าของความเป็นชุมชน คุณค่าของสิ่งที่เรียกสำนึกสาธารณะ ที่ทำให้คนในชุมชนเป็นอันหนึ่งอันเดียว และมีเป้าหมายเดียวกันในการร่วมกันพาทุกคนให้รอดพ้นวิกฤติให้ได้ โดยไม่มีใครตักตวงผลประโยชน์หรือหาโอกาสเอาเปรียบจากคนที่เดือดร้อน (เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหลายที่เราไปกอง ๆ ไว้ในลานเปิดโล่งของสมาคมฝั่งตรงข้ามบ้าน ไม่มีหายแม้แต่ชิ้นเดียว) สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ คุณค่าของข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแม่นยำในยามที่สังคมอยู่ในภาวะวิกฤติ ข้อมูลจะต้องถูกนำเสนออย่างกว้างขวาง และเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม หน่วยงานรัฐต้องนำเสนอข้อมูลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อป้องกันข่าวลือข่าวลวงที่จะซ้ำเติมให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ที่สำคัญข้อมูลต้องมีความน่าเชื่อถือและมีหลักฐานรองรับ เพื่อให้คนในสังคมเห็นภาพการคาดการณ์อย่างมีเหตุและผล

นั่นคือ...มุมบวกของวิกฤติที่ฉันได้เห็น และตั้งใจจะทำตามเมื่อได้กลับไปอยู่ในชุมชนของเราที่เมืองไทย

 (มีต่อ ตอน 3: โหมดแก้ไขวิกฤติ เยียวยาจิตใจ และฟื้นฟูเมือง)

คำสำคัญ (Tags): #brisbane#flood
หมายเลขบันทึก: 422205เขียนเมื่อ 24 มกราคม 2011 08:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 16:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ดีจ้า

แวะมาเจิมก่อนน่ะค่ะ...หาดใหญ่ที่ท็อปฯยังซ่อมไม่เสร็จเลยจากน้ำท่วมเมื่อปลายปีเราเลยไม่ได้ช๊อปของอร่อย

สงสารคุณผู้ชายใช่มั๊ยหนุ่มน้อย^_^

คิดถึงวลัก....มาก วิภา เอง

เอกเหรอ....อีเมล์มาหาด่วนเลย ที่ [email protected] คิดถึงมากเหมือนกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท