สำรับความคิด
เป็นการนำสิ่งใกล้ตัวที่คุ้นเคย โดยเฉพาะอุปกรณ์ในห้องครัวมามองคิดพิจารณา ในแง่มุมที่ชวนให้สะดุดใจ และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิต
ประจำวัน โดยฝึกการใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง ซึ่งขึ้นอยู่กับมุมมองและประสบการณ์ของแต่ละบุคคลไม่มีผิดถูก สำหรับสูตรเด็ดก้นครัวประกอบด้วย
4 ขั้นตอน คือ
ขั้นที่หนึ่ง จัด “สำรับ” ให้ “ความคิด” เริ่มต้นจากการฝึกฝนความคิดเกี่ยวกับ
- กรรไกร (ตัด) : การคิดนอกกรอบ
(นำกรรไกรไปตัดเนื้อไก่และกระดูกไก่แทนที่ไปตัดกระดาษที่คุ้นเคย)
- แก้วไวน์ : การคิดแบบยืดหยุ่น
(นำน้ำเปล่าใส่ในแก้วไวน์แล้วนำเทียนเล็กๆมาลอยเหนือน้ำตั้งไว้ตรงหน้าโต๊ะ หมู่บูชาประจำบ้าน)
- ถาด-น้ำ-แข็ง : การไม่ติดต้นแบบ
(ถาดน้ำแข็งที่มีรูปร่างแตกต่างจากรูปเดิมๆคือสี่เหลี่ยมมาเป็นสามเหลี่ยมวงรี ดาวและหัวใจ หากแม่พิมพ์เป็นรูปทรงไหนก็สามารถทำน้ำแข็งได้ทรงนั้น)
- เตาอบ : การคิดพึ่งตนเอง
(เป็นเครื่องมือที่เตือนให้เรารู้ว่า เราต้องพึ่งตัวเองและทักษะของตัวเราโดยเฉพาะการสังเกต การคาดการณ์ถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่อยากได้ขนมอร่อยๆ)
ขั้นที่สอง จัด “เครื่องปรุง” ให้ “จิตใจ” เกี่ยวข้องกับ
- ตาชั่ง : การวางใจให้ยุติธรรม
( หากผลไม้ที่สั่งซื้อตรงตามน้ำหนักที่ปรากฏบนตราชั่งแน่นอนเราก็ต้องไปอุดหนุนร้านนี้อีก แต่ถ้าหากไม่ตรงตามตาชั่ง แสดงว่าถูกโกงโอกาสที่ไปซื้อน้อยลง ตาชั่งจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความถูกต้อง ความยุติธรรมที่ผู้ขายมีต่อผู้ซื้อ )
- แม่พิมพ์ไข่ต้ม : การทำใจให้ยืดหยุ่น
( ต้มไข่อย่าให้สุกมากแกะเปลือก เอามาอัดลงแม่พิมพ์ แล้วแช่ในตู้เย็นทิ้งไว้สักพักใหญ่ ไข่ก็แปรสภาพจากรูปรี ๆ กลายเป็นรูปทรงหัวใจ ซึ่งแม่พิมพ์จะเตือนให้ใส่ใจกับ ความยืดหยุ่น แม้แต่ไข่ ไข่ก็ยังพร้อมจะปรับตัวกับสภาพแวดล้อมรอบข้างเปลี่ยนแปลงไป )
- หนังยาง : การทำใจให้พร้อมรับความตึงเครียด
( ถ้าหากเราดึงยางจนตึงมากเกินไป โดยไม่คำนึงถึงความยึดหยุ่นของเนื้อหนังยาง แน่นอน หนังยางเส้นจิ๋วก็จะขาดสะบั้นจากกันและไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ ฉะนั้นเราควรหลีกเลี่ยงเวลาแห่งความตึงเครียด โดยการเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการความตึงเครียดอย่างสร้างสรรค์ และรู้จักหันหน้าเข้าหากันหรือยอมยืดหยุ่นบ้าง ภายหลังเหตุการณ์ก็จะคลี่คลายไปในทางบวก )
- มีดปอกผลไม้ : การฝึกใจให้ตื่นรู้
( หากต้องการปอกมะม่วงให้เรียบเนียนต้องฝึกฝนปล่อยใจให้สบายและหายใจเข้าออกให้ปกติ ไม่ควรเกร็งเพราะจะทำให้มะม่วงช้ำได้ มีดปอกมะม่วงเชื่อมโยงกับ กาย จิต และผลผลิตที่งดงามอย่างแนบแน่น )
- ตะเกียบ : การฝึกใจให้สงบนิ่ง
( การใช้ตะเกียบเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกสภาพจิตใจ คือต้องทำจิตให้นิ่งและ จดจ่อมั่นคงก็สามารถใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากได้สำเร็จ )
- ชุดน้ำชา : การเปิดใจรับฟังผู้อื่น
( เปรียบเหมือน ชาล้นถ้วย คนที่คิดว่าตนเองเก่งจนลืมคนอื่นๆ ฉะนั้นควรเปิดใจ
รับฟังคนอื่น เพื่อจะได้ประเดิมความคิดใหม่ๆดีๆ )
- เขียงไม้ : การฝึกใจให้อดทน
( ไมว่าสิ่งต่างๆ จะผ่านเข้ามากระทบในชีวิตของเราเหมือนกับการสับหมู มาก
น้อยแค่ไหนก็ตาม แต่หากเราฝึกฝนตนเองให้รู้จัก “อดทน” กับสิ่งรอบข้าง
เหล่านั้น เราก็สามารถรักษาตนเองให้กลับสู่สภาพปกติ เหมือนกับเขียงไม้
ได้เสมอ )
ขั้นที่สาม จัด “เครื่องเคียง-มุมมอง” ซึ่งเป็นเครื่องเคียงความคิดได้แก่
- ผ้าปูโต๊ะ : ความตระหนักว่าเรื่องราวต่างๆ อยู่ที่มุมมอง
( ความเก่ากับความใหม่ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคล ) เหมือนกับผ้า
ปูโต๊ะ ซึ่งอยู่กับการใช้งาน
- แจกันแก้ว : มองหาความสุขใกล้ๆตัว
( แจกันแก้วใส่น้ำใสแจ๋วบวกกับน้ำสะอาดเสียบดอกไม้ลงไปก็สวยเด่น แต่ถ้า
หลายๆวันลืมเปลี่ยนดอกไม้ ดอกไม้ย่อมเหี่ยวเฉา แจกันแก้วก็ขุ่นหมอง
เปรียบเหมือนกับสัญญาณเตือนสติให้หันมามองตัวเอง มองหาเวลาในการ
สร้างความสุขให้ตนเอง )
- ขวด-น้ำ : การฝึกมองจากมุมคนอื่น
( หากเราไม่มองเรื่องราวจากมุมมองเรา แต่หันไปมองเรื่องราวในมุมมองของอีก
คนหนึ่ง พยายามเอาใจเขามาใส่ใจเรา และลงมือกระทำในสิ่งที่ร้องขอเพียงแค่
นั้นทั้งเราและขาก็สามารถมีความสุขเล็กๆร่วมกันได้ เป็นความสุขที่ได้จาก
การ “ให้” ในสิ่งที่เขาต้องการ เหมือนเด็กผู้หญิงที่ขายดอกไม้ริมถนนขอน้ำขวด)
- ชามก๋วยเตี๋ยว : การมองเห็นคุณค่าของความเรียบง่าย
( สังคมปัจจุบันเกิดจากการปรุงแต่งสารพัดอย่างในชีวิต จนบางครั้งทำให้เราลืม
ไปว่า เราเคยมีความสุขกับการไม่ปรุงแต่ง ถึงแม้จะมีรสชาติจืดๆ ไม่แตกต่างจาก
ชามก๋วยเตี๋ยวสำหรับเด็ก แต่ก็แฝงไว้ด้วยคุณค่าที่มีประโยชน์ )
ขั้นที่สี่ จัด “เครื่องเคียง-กาย” เกี่ยวข้องกับ
- กระทะทอดไข่ดาว : อย่ารีบด่วนสรุป
( ในการตั้งคำถามกับใครต่อใคร อย่ารีบด่วนสรุป หรือด่วนวิจารณ์ “ คำตอบ ” ที่ได้รับ ควรหันมาสำรวจคำถามว่าชัดเจนเพียงใด และบริบทของคนถามกับคนตอบมีความสอดคล้องกันไหม เหมือนอย่างเรื่องกระทะทอดไข่ดาว+ความต้องการไข่แบบไหน ใช้อะไรทอดหรือใช้กระทะแบบไหน)
- ผ้าเช็ดมือ : พร้อมปรับเปลี่ยน
( ผ้าเช็ดมือสามารถปรับเปลี่ยนเป็นผ้าเช็ดจานชาม , ผ้าเช็ดช้อนส้อม , ผ้าเช็ดคราบมันผิวกระทะ, ผ้าขี้ริ้วเช็ดถูสารพัดสิ่ง , ผ้าจับของร้อนๆ ฉะนั้นคนเราต้องทำตัวให้มีคุณค่าปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์อันยิ่งใหญ่ )
- ฟองน้ำล้างจาน : ทำตัวให้ง่ายๆ
( ฟองน้ำไม่ต้องการอะไรมากแถมฟองน้ำยังยืดหยุ่น พร้อมช่วยสนับสนุนให้วัสดุต่างๆสะอาดดังใจปรารถนา ถ้าทุกคนทำตัวเป็นฟองน้ำล้างจานกันโลกจะสดใส )
- เทียนไข : การเป็นผู้ให้
( ถ้าคนเราทำตัวเป็นผู้ให้ แบบเทียนไข คือให้แสงสว่างความสวยงาม ความเพลิดเพลิน แบบไม่ต้องสนใจว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับตัวเองหรือแบบไม่มีเงือนไข สังคมเราก็คงจะน่าอยู่มากขึ้น )
- ถ้วยกาแฟ : บริหารเวลาชีวิต
( ถ้าหากเรามัวแต่ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับหน้าที่การงานหรือการแสวงหารายได้อย่างบ้าคลั่ง เราก็อาจพลาดโอกาส ในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ เราควรใส่ใจพิถีพิถัน และจัดสรรเวลาสำหรับการลิ้มรสชาติให้เหมือนถ้วยกาแฟ ที่มีคุณภาพของเครื่องดื่ม ถ้วยกาแฟ- หน้าที่การงาน เครื่องดื่ม-ชีวิต )
- นาฬิกาไข่ กับ นาฬิกาใจ : การเตือนตนเองให้มีสติ
( นาฬิกาไข่ช่วยบอกเตือนสติถึง ความยุ่งเหยิงหรือขาดสติของชีวิต ฉะนั้นความสุขเล็กๆ ไม่ได้อยู่ที่เสียงนาฬิกาไข่ แต่อยู่ที่นาฬิกาใจที่บ่งบอกว่า วันนี้ ฉันมีสติไม่ต้องพึ่งนาฬิกาไข่ )
- ตะกร้าใส่ขนม : การเคารพกฎกติกาที่เหมาะสม
( ตะกร้าทำให้เรารู้จักเคารพกติกาการอยู่ร่วมกันเริ่มจากการนำขนมฝากให้กันและกัน และเรียนรู้การมีน้ำใจแบ่งปันขนมกินกัน ขนมหลากหลายในตะกร้าเตือนสติถึงความแตกต่างที่มีอยู่ทุกที่ แต่ถ้าที่นั่นมีกฎ มีกติกา และมีพื้นที่ร่วม และทุกคนที่อยู่ด้วยกัน ล้วนให้ความสำคัญกับการเคารพกติกาแห่งการอยู่ร่วมกัน อย่างน้อยความสุขก็เกิดขึ้นได้ )
- เครื่องปั่นน้ำผลไม้ : หลอมรวมพลังความหลากหลาย
( การผสมผสานสารพันความหลากหลาย เพื่อให้กลายเป็นส่วนผสมที่มีคุณค่า แบบที่เรียกกันว่าบูรณาการ แต่ถ้าหากเราปั่น แรงสมอง และแรงกาย
จากผู้คนที่แตกต่างและหลากหลาย ให้เกิดเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ โลกใบนี้ก็จะสวยสดงดงาม เหมือนกับเครื่องปั่นผลไม้ที่นำส่วนผสมต่างๆ มาหลอมรวมกันเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่า )
- ช้อนกลาง : รู้จักแบ่งปันเพื่อให้ส่วนรวม
( ช้อนกลางมักจะใช้ตักอาหารให้กับคนข้างเคียงช้อนกลางจึงเป็นสื่อกลางสอนให้
เรารู้จักบริหารความเป็นส่วนร่วม คือหากทุกคนรู้จักแบ่งปันเหมือน
กับเวลาที่เราตักอาหารด้วยช้อนกลางให้กันและกัน ช้อนกลางยังสอนให้เรารู้จักหลีกเลี่ยงการตะกละตะกลามจึงคล้ายกับการเตือนว่า การกอบโกยทรัพย์สมบัติของส่วนรวมเป็นของส่วนตัวนั้นเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงไม่พึงกระทำกัน )
- ครก-สาก : รู้จักการวางจังหวะ
( จังหวะในการออกแรงตำคือลีลาในการใช้ชีวิต ในบางครั้งบางช่วงหรือบางวัน คนอยู่ใกล้ๆกันก็อาจจะมีจังหวะกระทบหรือกระแทกกันบ้างเป็นธรรมดา เราก็ควรระมัดระวังเรื่องจังหวะ ไม่ให้เครื่อง แหลก หรือ ครกร้าว )
- ที่บีบกระเทียม : ยอมปรับเปลี่ยน
( หากชีวิตเราเป็นดังกระเทียมเมื่อถูกแรงกดดันจากภายนอก อย่างที่บีบกระเทียมก็ยอมปรับและยอมเปลี่ยนสภาพไป แทนที่จะแข็งสู้กับแรงกดแบบไม่ยอมอ่อนข้อ ซึ่งคุณค่าของประโยชน์ยังใช้ได้เหมือนเดิม )
- แก้วน้ำ : ใส่ใจในรายละเอียด
( ความคุ้นเคยความเคยชินทำให้เรามองข้ามความใส่ใจในรายละเอียด ฉะนั้นคนเราอย่าเผลอมองข้ามรายละเอียดอันแสนที่จะโรแมนติกที่อยู่ข้างแก้วน้ำ )
- กระป๋อง(ใส่ ) ปากกา : ใช้ประโยชน์ให้คุณค่า
( กระป๋องสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าหลากหลาย แต่ที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกภาคภูมิใจว่าเราได้ทำประโยชน์แบบประหยัดสารพัดอย่าง )
- ช้อนส้อม : เกื้อกูลกัน
( การเกื้อกูลกันดั่งช้อนส้อมเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนการกระทบกระทั่งกันบ้างก็ไม่ควรเห็นเป็นสิงผิดปกติ )
- กระติกน้ำ : หมั่นคอยดูแลกัน
( ถ้าหากโลกของเราเป็นกระติกน้ำ เราก็ควรต้องหมั่นคอยดูแลไม่ให้กระทบหรือกระแทกจนกระเทือน เพื่อทุกคนจะได้สดชื่นกับน้ำดื่มที่บรรจุอยู่ภายในกระติกน้ำ เพื่อรักษาความสมดุลของโลกใบนี้ )
เสน่ห์ที่เกิดขึ้นจากห้องครัวเป็นการฝึกฝนที่ให้เราตระหนักอยู่เสมอว่า ไม่ควรมองข้ามการเรียนรู้ข้อคิดดีๆจากเรื่องใกล้ตัว และสามารถเรียนรู้ได้ตลอดไป หากสมองและจิตใจของเราเรียกร้อง เหมือนสุภาษิตชาวเปอร์เซียน บอกได้ว่า
“ ความคิดเป็นสาระสำคัญของปัญญา ”
Thinking is the essence of wisdom.
ที่มา : จากหนังสือ สำรับความคิด
ของ : ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์
ไม่มีความเห็น