ในหนังสือชื่อ พฤติกรรมพยากรณ์ PREDICTABLY IRRATIONAL เขียนโดย DAN ARIELY ผู้แปลคือ พูนลาภ อุทัยเลิศอรุณ
มีข้อคิดเกี่ยวกับตัวเลขที่น่าสนใจทีเดียว หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงการวิจัยในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกของมนุษย์ที่บางครั้งทำอะไรโดยที่มนุษย์นั้นคิดว่ามีเหตุผล แต่จริงๆแล้วมนุษย์นั้นมีเหตุผลหรือไม่ โดยหนังสือได้ยกตัวอย่างหนึ่งให้เราลองสังเกตดูดังต่อไปนี้
ในโฆษณารับสมัครสมาชิกนิตยสาร THE ECONOMIST มีรายละเอียดดังนี้
ยินดีต้อนรับสู่ศูนย์รับสมัครสมาชิก THE ECONOMIST กรุณาเลือกประเภทสมาชิกที่คุณต้องการสมัครหรือต่ออายุ
๐สมัครสมาชิกเว็บไซต์ Economist.com-59 ดอลลาร์ สำหรับสมัครสมาชิก Economist.com เป็น ระยะเวลา 1ปี โดยได้รับสิทธิ์ ในการค้นหาและอ่านบทความออนไลน์ทั้งหมดของ THE ECONOMISTตั้งแต่ปี 1997
๐สมัครสมาชิกสิ่งพิมพ์ -125 ดอลลาร์ สำหรับสมัครสมาชิก นิตยสาร THE ECONOMIST ฉบับสิ่งพิมพ์เป็นระยะเวลา 1 ปี
๐สมัครสมาชิกสิ่งพิมพ์ และเว็บไซต์ -125 ดอลลาร์ สำหรับสมัครสมาชิก นิตยสาร THE ECONOMIST ฉบับสิ่งพิมพ์เป็นระยะเวลา 1 ปี และได้รับสิทธิ์ ในการค้นหาและอ่านบทความออนไลน์ทั้งหมดของ THE ECONOMISTตั้งแต่ปี 1997
จากโฆษณาข้างต้นพวกเราจะเลือกสมัครแบบใด ผมลองให้นักเรียนในห้องเรียนยกมือเลือกการสมัครแบบที่ชอบ ปรากฏว่ามี 6 คนเลือกสมัครแบบที่ 1 ส่วนการสมัครแบบที่ 2 ไม่มีใครเลือกเลย และมีอีก 25 คนเลือกแบบที่ 3 คราวนี้ผมได้ทดลองอีกครั้งหนึ่งโดยตัดวิธีสมัครแบบที่ 2 ออกจะได้โฆษณาใหม่เป็น
๐สมัครสมาชิกเว็บไซต์ Economist.com-59 ดอลลาร์ สำหรับสมัครสมาชิก Economist.com เป็น ระยะเวลา 1ปี โดยได้รับสิทธิ์ ในการค้นหาและอ่านบทความออนไลน์ทั้งหมดของ THE ECONOMISTตั้งแต่ปี 1997
๐สมัครสมาชิกสิ่งพิมพ์ และเว็บไซต์ -125 ดอลลาร์ สำหรับสมัครสมาชิก นิตยสาร THE ECONOMIST ฉบับสิ่งพิมพ์เป็นระยะเวลา 1 ปี และได้รับสิทธิ์ ในการค้นหาและอ่านบทความออนไลน์ทั้งหมดของ THE ECONOMISTตั้งแต่ปี 1997
คราวนี้ให้นักเรียนกลุ่มเดิมลองเลือกสมัครแบบที่ตนเองชอบอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่า นักเรียน 15 คนเลือกแบบที่ 1 และอีก 16 คนเลือกแบบที่ 3
ท่านผู้อ่านเห็นอะไรบ้างไหมครับจากเหตุการณ์ข้างต้น มีเรื่องสนุกๆกับตัวเลขกับความรู้สึกของเราไหมครับ ลองร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้ครับ คราวหน้าจะมาแลกเปลี่ยนในประเด็นนี้กันต่อครับ
คิดว่าเป็นเรื่องค่าเสียโอกาสค่ะ ตอนแรกมีตัวเลือก 3 แบบ ทำให้คนส่วนใหญ่ซึ่งน่าจะคิดอย่างมีเหตุมีผล เปรียบเทียบแบบที่ 2 กับ ที่ 3 แล้วเห็นว่าได้ประโยชน์จากแบบที่ 3 มากกว่า จึงเลือกแบบที่ 3 ส่วนคนที่เลือกแบบที่ 1 น่าจะเพราะข้อจำกัดด้านงบประมาณหรืออาจรสนิยมส่วนตัวที่เป็นคนประหยัด ใช้จ่ายน้อย จึงมีคนบางส่วนเลือกแบบที่ 1
ต่อมา เมื่อมีตัวเลือกแค่ 2 แบบ ใช้นักเรียนกลุ่มเดิม มีการตัดสินใจมาเลือกแบบที่ 1 มากขึ้น เพราะเงินที่จะใช้ไป แลกกับประโยชน์ที่จะได้รับ คิดแล้วค่าเสียโอกาสของแบบที่ 1 ก็มากพอๆกับแบบที่ 3 จึงมีคนเลือกทั้งสองแบบ พอๆกัน แล้วแต่รสนิยมด้วยว่าชอบเงื่อนไขไหน