สาร --ใช้เขียนสารให้ความรู้
รูปแบบ --เป็นร้อยแก้ว ในรูปตำรา บทความหรือเรื่องราวเชิงบรรยาย หรืออธิบาย
การตั้งชื่อ --ตำรา และบทความวิชาการ จะตั้งชื่อตรงตามประเด็นสำคัญที่จะกล่าวถึง
ในเรื่อง หรือตั้งชื่อโดยใช้ชื่อคน ชื่อสถานที่ ชื่อเหตุการณ์ ชื่อสิ่งแปลก
ใหม่
--ถ้าเป็นบทความกึ่งวิชาการและตำราไอทีอาจตั้งชื่อด้วยคำที่กระทบใจได้
การขึ้นต้น --มักแนะนำให้รู้จักสิ่งที่กำลังจะกล่าวถึงเป็นการปูพื้นฐาน
--ถ้าเป็นบทความอาจขึ้นต้นด้วยคำถามหรือข้อความอื่นๆ อย่างไม่เป็น
ทางการ (กึ่งทางการ หรือภาษาปากที่สุภาพ) ได้
การลงท้าย /สรุป --สรุปได้หลายแบบ
--โดยทั่วไปนิยมสรุปเนื้อหาที่กล่าวมาแล้วให้เข้าใจชัดเจนขึ้น
--ถ้าเป็นบทความอาจสรุปแบบไม่เป็นทางการ เช่นสรุปด้วยคำถาม
เป็นต้น
กลวิธีการนำเสนอ --นำเสนอแบบตนเองเป็นผู้สอนหรือผู้เล่า เหมือนพูดกับผู้อ่านโดยตรง
หรือแบบบรรยายโดยไม่ใช้ตนเองเข้าไปเกี่ยวข้อง
การดำเนินเรื่อง --ดำเนินเรื่องได้ทุกแบบ ได้แก่ ตามลำดับเวลา, ตามลำดับทิศทาง,
ตามลำดับขั้นตอน (เช่น ยากไปหาง่าย), ตามลำดับความสำคัญและ
ตามลำดับเหตุผล
การใช้คำ --ใช้คำเรียบๆ ที่เข้าใจง่าย หรืออาจเข้าใจยากก็ได้ถ้าเป็นตำราชั้นสูง
--มีศัพท์เฉพาะวิชา และศัพท์บัญญัติ อาจมีวงเล็บศัพท์เดิมหรือไม่มีก็ได้
--มีศัพท์ต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษเป็นจำนวนมาก อาจเขียน
เป็นภาษาไทยแล้วมีการวงเล็บภาษาเดิม หรือสะกดเป็นภาษาเดิมโดย
ไม่มีภาษาไทย
การใช้วลี, ประโยค, ย่อหน้า -วลีและประโยคมักจะยาว ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อให้เข้าใจดี
ยิ่งขึ้น แต่บางครั้งกลับทำให้เข้าใจยาก
--ย่อหน้ามักจะยาว มีการใช้ย่อหน้าทุกแบบ ได้แก่ แบบบรรยาย (รวมทั้ง
แบบอธิบายและพรรณนา), แบบให้คำจำกัดความ, แบบยกตัวอย่าง,
แบบเปรียบเทียบหรือแบบแนวเทียบ, และแบบวิเคราะห์(หรือแบบให้
เหตุผล)
สำนวน, โวหาร, ภาพพจน์ --สำนวนการเขียนเรียบง่าย ไม่มีการเล่นสำนวนมากนัก
--อาจยกคำคมหรือสุภาษิต คำพังเพยมาประกอบพอให้เข้าใจง่ายขึ้น
--โวหารใช้บรรยายโวหารเป็นส่วนใหญ่ อาจมีสาธกโวหารบ้าง
--ภาพพจน์มักเป็นชนิดง่ายๆ ที่นิยมใช้กันทั่วไป เช่นอุปมาและอุปลักษณ์
ระดับภาษา, ระดับความยากง่าย, น้ำเสียง --ถ้าเป็นตำราทั่วไป และบทความวิชาการ
ภาษาจะอยู่ในระดับทางการ น้ำเสียงเคร่งขรึมเป็นงานเป็นการ
ส่วนความยาก ง่ายแล้วแต่ระดับความรู้ของผู้รับสารที่ผู้ส่งสารคาดหวัง
--ถ้าเป็นบทความกึ่งวิชาการอาจใช้ภาษาระดับกึ่งทางการลงมาจนถึง
ภาษาปากที่สุภาพ จะอยู่ในระดับสนทนาเป็นอย่างต่ำที่สุด ไม่ถึง
ระดับกันเอง
ข้อเท็จจริง, ข้อคิดเห็น --ถ้าเป็นตำราจะมีข้อเท็จจริงมากกว่าข้อคิดเห็น
--ถ้าเป็นบทความอาจมีทั้งชนิดที่มีข้อเท็จจริงมากกว่า, ชนิดที่มี
ข้อคิดเห็นมากกว่า, และชนิดที่มีเท่าๆ กัน
การอ้างอิง, ความน่าเชื่อถือ --ถ้าเป็นตำราทั่วไป และบทความวิชาการเต็มรูปแบบจำเป็น
ต้องมีการอ้างอิงตามแบบแผน
--ถ้าเป็นตำราไอที ซึ่งสอนจากประสบการณ์ และบทความกึ่งวิชาการ
เช่นบทความท่องเที่ยว เกี่ยวกับสุขภาพ หรือสิ่งแวดล้อม อาจไม่มีการอ้างอิง
--ความน่าเชื่อถือโดยมากอยู่ที่เอกสารอ้างอิงและตัวผู้เขียนเอง ซึ่งอาจระบุ
ไว้ในบทความ หรือที่ปกของตำรา หรือในเชิงอรรถว่าเป็นใคร มีความ
เชี่ยวชาญทางใด
อวัจนภาษา --ตัวอักษร ถ้าเป็นตำราทั่วไป หรือบทความในวารสารวิชาการจะพิมพ์
ด้วยตัวอักษรเรียบๆ ลักษณะเป็นทางการ เช่นแบบอังสนา หรือคอร์เดีย
--ถ้าเป็นตำราไอที หรือบทความกึ่งวิชาการอาจมีการใช้ตัวอักษรศิลปะ
แทรกเพื่อให้น่าสนใจ (แต่มักไม่ทั้งหมด)
--ภาพประกอบ โดยปกติจะเป็นภาพจริง คือภาพถ่ายมากกว่าภาพวาด ถ้า
เป็นภาพวาดมักจะอยู่ในรูปแผนที่หรือแผนภูมิ
--ถ้าเป็นตำราไอทีมักมีภาพจริงที่ถ่ายมาจากหน้าจอประกอบทั้งเล่ม อาจมี
ภาพการ์ตูนแทรกบ้างแต่ไม่มากนัก
สารที่ผู้เขียนต้องการสื่อถึงผู้อ่าน --ถ้าเป็นตำราจะให้ความรู้ในสาขาวิชาที่ระบุ ถ้าเป็น
บทความอาจมีสารรองแทรกอยู่ด้วยซึ่งต้องพิจารณาเอง
ประโยชน์และคุณค่า (ประเมินค่า) --คุณค่าโดยตรงคือความรู้ในสาขาที่ระบุ ส่วนคุณค่า
โดยอ้อมคือตัวอย่างวิธีการใช้ภาษาสารัตถคดีที่สละสลวย (แต่ไม่ใช่ตำรา
ทุกเล่มหรือบทความทุกเรื่องจะเป็นตัวอย่างได้)
อ้างอิง
จุไรรัตน์ ลักษณะศิริ. (2546). “ประเภทและลักษณะงานเขียน.” เอกสารประกอบ
การสอนวิชาการเขียนสารคดี. นครปฐม : ภาควิชาภาษาไทย
คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวัง
สนามจันทร์.
ศุภรางศุ์ อินทรารุณ. (ม.ป.ป.). เอกสารประกอบคำสอนรายวิชาปัญหาการใช้ภาษา
ไทย. ชลบุรี : ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และ
สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
ไม่มีความเห็น