saknarin sirburom


เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน

บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน หมายถึง บุคคลที่บกพร่องหรือสูญเสียทางการได้ยินเป็นเหตุให้การรับฟังเสียงต่างๆ ได้ ไม่ชัดเจน ตั้งแต่ระดับรุนแรงถึงระดับน้อย อาจแบ่งได้เป็น ประเภท คือ เด็กหูหนวก และเด็กหูตึง 
       - เด็กหูหนวก หมายถึง เด็กที่สูญเสียการได้ยินมากจนไม่สามารถเข้าใจ หรือใช้ภาษาพูดได้ หากไม่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษ และถ้าวัดระดับการได้ยินที่ 500 - 2000  จะมีการพูดตอบสนองของหูข้างที่ดีกว่าต่อเสียงบริสุทธิ์ตั้งแต่ 91 dB ขึ้นไป
      - เด็กหูตึง หมายถึง  เด็กที่สูญเสียการได้ยินจนไม่สามารถเข้าใจคำพูดและการสนทนา ซึ่งจำแนกตามเกณฑ์การพิจารณา อัตราการของหูของสมาคมโสต ศอ นาสิก  แพทย์แห่งประเทศไทย โดยใช้ค่าเฉลี่ยการได้ยินที่ความถี่ 500,1000 และ 2000 ในหูข้างที่ดีกว่า เด็กหูตึงอาจแบ่งตามระดับ การได้ยินได้ 4 กลุ่ม คือ  

      1. เด็กหูตึงระดับที่ 1 มีการได้ยินเฉลี่ยระหว่าง 26 - 40 dB
      2. เด็กหูตึงระดับที่ 2 มีการได้ยินเฉลี่ยระหว่าง 41 - 55 dB
      3. เด็กหูตึงระดับที่ 3 มีการได้ยินเฉลี่ยระหว่าง 56 - 70 dB
      4. เด็กหูตึงระดับที่ 4 มีการได้ยินเฉลี่ยระหว่าง 71 - 90 dB    
 

 

        เด็กหูตึงระดับที่ 1( 26-40dB ) ตึงเล็กน้อย จะมีปัญหาในการรับฟังเสียงเบาๆเช่น เสียงกระซิบหรือเสียงจากที่ไกลๆ  เด็กกลุ่มนี้สามารถเรียนร่วมกับเด็กปกติในห้องเรียนธรรมดาได้ หากมีที่นั่งเรียนที่สามารถมองเห็นครูและเพื่อนได้ดี หากมีเครื่องช่วยฟังที่เหมาะสมก็จะเป็นประโยชน์มาก  

 

       เด็กหูตึงระดับที่ 2 ( 41-55 dB ) ตึงปานกลาง จะมีปัญหาในการฟังเสียงพูดคุยที่ดังในระดับปกติที่มีระยะห่าง 3-5ฟุต และไม่เห็นหน้าผู้พูด ดังนั้นเมื่อพูดคุยด้วยเสียงธรรมดาก็จะไม่ได้ยินหรือได้ยินไม่ชัดจับใจความไม่ได้   นอกจากนี้มีปัญหาในการพูดเล็กน้อย เช่นพูดไม่ชัด ออกเสียงเพี้ยนพูดเสียงเบาหรือเสียงผิดปกติ 

 

       เด็กหูตึงระดับที่ 3 ( 56-70 dB ) ตึงมาก   มีปัญหาในการรับฟังและเข้าใจคำพูดเมื่อพูดคุยกันด้วยเสียงดังเต็มที่ ก็ยังไม่ได้ยินมีปัญหาในการรับฟังเสียงหลายเสียงพร้อมกัน เช่น เสียงในห้องประชุม มีพัฒนาการทางภาษาและการพูดช้ากว่าเด็กปกติพูดไม่ชัด  เสียงเพี้ยนบางคนไม่พูด 

 

       เด็กหูตึงระดับที่ 4 ( 71 - 90 dB )ตึงรุนแรง   เป็นกลุ่มเด็กหูตึงระดับรุนแรง   จึงมีปัญหาใน การรับฟังเสียงและการเข้าใจคำพูดอย่างมาก เด็กจะสามารถได้ยินเฉพาะเสียงที่ดังใกล้หูใน ระยะทาง 1 ฟุต ต้องตะโกนหรือใช้เครื่องขยายเสียง จึงจะได้ยินเด็กกลุ่มนี้แม้จะใช้เครื่องช่วยฟังก็ มีปัญหาในการแยกเสียง อาจแยกเสียงสระได้   แต่แยกเสียงพยัญชนะได้ยากมักพูดไม่ชัด และมี ความผิดปกติ บางคนไม่พูด 
        เด็กหูตึงที่พบในโรงเรียนปกติ โดยที่ทางโรงเรียนรับเข้าไปโดยไม่ทราบปัญหานั้น  มักเป็นเด็กหูตึงในระดับที่ 1 หรืออย่างมากก็ระดับที่ 2 สำหรับเด็กหูตึงในระดับที่ 3 และระดับที่นั้น  มีไม่มากนักในระดับประถมศึกษา หรือมัธยมศึกษา ยกเว้นในกรณีที่หูตึงภายหลัง  คือ สูญเสียการได้ยินขณะอยู่ในโรงเรียน สำหรับในระดับปฐมวัยนั้น โอกาสที่จะพบนั้นเป็นไปได้ทั้ง 4 กลุ่ม

 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 417693เขียนเมื่อ 2 มกราคม 2011 10:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 17:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท