สภาพปัญหา
ในการจัดกิจกรรมกระบวนการเรียนรู้วิชาภาษาไทย จะพบปัญหามากในด้านทักษะการเขียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเขียนคำที่มีตัวสะกดแม่กน ไม่ตรงตามมาตราสะกด ซึ่งผู้เรียนส่วนใหญ่มีปัญหาเขียนไม่ถูกต้อง ซึ่งผลจากการประเมินก่อนเรียนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนบ้านน้ำขาว ยังมีปัญหาในการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด อันนับได้ว่ามีปัญหาอย่างมาก
การใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำ แก้ไขปัญหาดังกล่าว เป็นวิธีการหนึ่งที่ผู้ทำการวิจัยมีความสนใจ นำมาใช้แก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถในด้านทักษะการเขียนมากขึ้น
ปัญหาการวิจัย
นักเรียนจำนวน ๕ คน เขียนคำที่มีตัวสะกดแม่กนไม่ตรงตามมาตราสะกดไม่ถูกต้อง
เป้าหมายการวิจัย
๑. เพื่อแก้ปัญหานักเรียนที่มีปัญหาการเขียนคำที่มีตัวสะกดแม่กนไม่ตรงตามมาตราสะกด
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียนบ้านน้ำขาว
๒. เพื่อพัฒนานวัตกรรมประกอบการเรียนการสอน เรื่อง การเขียนคำที่มีตัวสะกดแม่กนไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด
วิธีการวิจัย
๑. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
๑.๑ ประชากร นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรียน บ้านน้ำขาว ปีการศึกษา ๒๕๕๓ จำนวน ๘ คน
๑.๒ กลุ่มตัวอย่าง นักเรียนที่มีปัญหาด้านการเขียนคำที่มีตัวสะกดแม่กนไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด จำนวน ๕ คน
๒. เครื่องมือที่ใช้
๒.๑ เครื่องมือในการแก้ปัญหา
๒.๑.๑ แบบฝึกทักษะการเขียนคำ เรื่องการเขียนคำที่มีตัวสะกดแม่กนไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด
๒.๑.๒ วิธีการสอนแบบใช้แบบฝึกจากหนังสือเรียน และสอนซ้ำ
๒.๒ เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
๒.๒.๑ การสังเกตความสนใจในการเรียน
๒.๒.๒ แบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน
๓. ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง โดย
๓.๑ ใช้แบบฝึกก่อนเรียนเรื่องการเขียนคำที่มีตัวสะกดแม่กนไม่ตรงตาม
มาตราสะกด จำนวน ๑๐ ข้อ ทดสอบกับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ทุกคน
๓.๒ ตรวจแบบทดสอบและคัดนักเรียนที่ทำแบบฝึกไม่ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ ๖๐
๓๓ ให้นักเรียนทีไม่ผ่านเกณฑ์ทำแบบฝึกเสริมที่ครูสร้างขึ้น จำนวน ๑๐ แบบฝึก
๓.๔ บันทึกผลลงในแบบประเมินนักเรียน
๓.๕ ใช้แบบฝึกหลังเรียน เรื่องการเขียนคำที่มีตัวสะกดแม่กนไม่ตรงตามมาตราสะกด จำนวน ๒๐ ข้อ ทดสอบนักเรียน กลุ่มตัวอย่างอีกครั้ง
๓.๖ บันทึกผลลงในแบบประเมิน
๔. สถิติที่ใช้และวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
๔.๑ ใช้สถิติเป็นค่าเฉลี่ย ของคะแนนหลังการเรียน
๔.๒ ทำการเปรียบเทียบคะแนนหลังการเรียนกับคะแนนเกณฑ์ที่กำหนด
๔.๓ รายงานผลโดยการบรรยายเชิงคุณภาพ
ช่วงเวลาทดลอง
ที่ |
รายการ |
ระยะเวลา ( วัน ) |
|||
พฤษภาคม |
มิถุนายน |
กรกฎาคม |
สิงหาคม |
||
1 |
วางแผนและเขียนโครงร่าง |
|
|
|
|
2 |
ปฏิบัติตามแผนโครงร่างวิจัยในชั้นเรียน |
|
|
|
|
3 |
เก็บรวบรวมข้อมูล |
|
|
|
|
4 |
วิเคราะห์ข้อมูล |
|
|
|
|
5 |
สรุปผลและเขียนรายงาน |
|
|
|
|
ผลการวิจัย
การแก้ปัญหานักเรียนที่มีปัญหาการเขียนคำที่มีตัวสะกดแม่กนไม่ตรงตามมาตราสะกด โดยใช้แบบฝึกเขียนคำ พบว่า นักเรียนที่ได้รับการเรียนเสริมเรื่อง การเขียนคำที่มีตัวสะกดแม่กน ไม่ตรงตามมาตราสะกด มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน และหลังเรียนแตกต่างกัน ดังตารางที่ ๑ และ ตารางที่ ๒
ตารางที่ ๑ คะแนนสอบก่อนเรียน
ลำดับ |
ชื่อ – สกุล |
คะแนน (๒๐ ) |
ร้อยละ |
๑ |
เด็กชายนนทวัฒน์ พรหมจันทร์ |
๗ |
๓๕ |
๒ |
เด็กชายนัฐวุฒิ พรหมจันทร์ |
๐ |
๐ |
๓ |
เด็กชายวทัญญู ทองแซม |
๒ |
๑๐ |
๔ |
เด็กชายจักรวรรดิ จิตเขม้น |
๙ |
๔๕ |
๕ |
เด็กหญิงปัษราภรณ์ ซังปาน |
๘ |
๔๐ |
รวม |
๒๖ |
๑๓๐ |
|
เฉลี่ยรวม |
๒.๖ |
๒๖ |
|
ร้อยละ |
๒๖ |
|
ตารางที่ ๒ คะแนนสอบหลังเรียน
ลำดับ |
ชื่อ – สกุล |
คะแนน (๒๐) |
ร้อยละ |
๑ |
เด็กชายนนทวัฒน์ พรหมจันทร์ |
๑๗ |
๘๕ |
๒ |
เด็กชายนัฐวุฒิ พรหมจันทร์ |
๙ |
๔๕ |
๓ |
เด็กชายวทัญญู ทองแซม |
๙ |
๔๕ |
๔ |
เด็กชายจักรวรรดิ จิตเขม้น |
๑๙ |
๙๕ |
๕ |
เด็กหญิงปัษราภรณ์ ซังปาน |
๑๔ |
๗๐ |
รวม |
๖๘ |
๓๔๐ |
|
เฉลี่ยรวม |
๖.๘ |
๖๘ |
|
ร้อยละ |
๖๘ |
|
จากตารางที่ ๑ และ ๒ ทำให้ทราบว่า นักเรียนที่ได้รับการฝึกให้รู้จักเขียนคำที่มีตัวสะกดแม่กนไม่ตรงตามมาตราสะกด บ่อย ๆ จะช่วยให้ นักเรียนสามารถเขียนคำที่มีตัวสะกดแม่กนได้ดีขึ้น และ มีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น ถึงร้อยละ ๖๘
ข้อเสนอแนะ
๑. นักเรียนควรได้รับการส่งเสริม หรือได้รับการพัฒนาความสามารถในการอ่านอย่างต่อเนื่อง
นักเรียนที่มีข้อบกพร่อง หรือความก้าวหน้าช้าต้องให้เวลาการฝึกเพิ่มขึ้น
1.1 นำแนวทางในการพัฒนาความสามารถในการอ่านของนักเรียน ไปใช้กับสภาพปัญหาอื่น ๆที่คล้ายกัน
อย่าคิดลึก น่า อย่าคิดลึก