ศิลปะะการสร้างบ้านล้านนาที่ลือชื่ออีกรูปแบบหนึ่งคือเรือน(เฮือน)ก๋าแล หรือกาแล
แต่กว่าจะมาเป็นคำว่า "ก๋าแล" ก็ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ผ่านการถกเถียง ที่มาของคำก๋าแล จนกระทั่งผู้ฟังอาจเมา(เวียน)หัวไปเสียก่อนที่จะรู้เรื่องราวเนื้อหาอย่างแท้จริง
ในภาษาล้านนามีคำว่า "กะแหล้ง" หมายถึงการนำเอาไม้สองอันมาไคว่กัน เรียกว่า ไม้กะแหล้ง เพื่อใช้ในความประสงค์ในหลายอย่าง เช่น เอาไม้สองอันมากะแหล้ง(ไคว่)กันที่ก้นซ้า(ตะกร้า)เพื่อให้ก้นซ้ามันแข็งแรงรองรับน้ำหนักสิ่งของที่ใส่ในตะกร้าได้ดี เอาไม้มากะแหล้งไคว่ขัดกันเพื่อเป็นเครื่องหมายกากบาท เป็นต้น
แต่เมื่อเราสร้างตูบ(กระท่อม)ที่มุงหลังคาด้วยใบตองตึง(ใบพลวง) หรือตับหญ้าคา สะหล่า(ช่าง)ต้องนำปล้องไม้ไผ่มาผ่าโขบ(ผ่าครึ่ง)แล้วเซาะตามปล้องให้เป็นร่องตลอดลำ แล้วนำไม้ไผ่แต่ละโขบ(ครึ่ง)มาครอบหัวตับหญ้าคาหรือตับใบตองตึงให้เป็นแนวเอียงตามแนวของหน้าจั่วหลังคาบ้าน เมื่อเอาไม้โขบหนึ่งครอบหัวหลังคาหน้าจั่วด้านขวา ก็ต้องนำไม้ไผ่อีกโขบหนึ่งมาครอบหน้าจั่วหลังคาด้านซ้าย ให้เอียงตามแนวหลังคา จะเกิดการไคว่กันส่วนหนึ่งที่ยอดหน้าจั่วบนสุดหลังคาไม้ทั้งสองโขบมากะแหล้งหรือไคว่กัน ณ จุดนี้เอง คือจุดกะแหล้ง และส่วนของไม้โขบกะแหล้งทั้งสองอันจะเลยโผล่ขึ้นไปจากยอดจั่วหลังคา คล้ายเขาควาย ดูไกลๆก็สวยดีเพราะปลายไม้ที่เลยยอดจั่วหลังคานั้นถูกตัดแต่ง แกะลายให้สวยงาม
เมื่อมีการพัฒนาการสร้างบ้านจากตูบ(กระท่อม)เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ใช้แป้น(กระดาน)มาทำบ้านทั้งหลัง สะหล่า(ช่าง)จะนำไม้แป้น(กระดาน)มาประกบแนวจั่วกันกระเบื้องหลังคามิให้ถูกระแสลมพัดตีให้กระเบื้องกระจุยปลิวว่อน เมื่อนำไม้แป้นสองอันมาตีกรอบป้องกันกระแสลมแล้วก็มีส่วนหนึ่งของไม้แป้นเลยขึ้นสูงไปจากยอดจั่วหลังคาบ้าน สะหล่าจึงตัดแต่งเป็นลายกนก ลายหัวนาค กลายเป็นสิ่งประดับจั่วหลังคาอย่างงดงามเช่นกัน ลักษณะของจั่วบ้านที่มีไม้กะแหล้งมาเกี่ยวข้องนี่เองคนจึงเรียกขานกันว่า เรือน(อ่านว่า เฮือน)ไม้กะแหล้ง ต่อมาเพี้ยนเป็นเรือนก๋าแล และที่เป็นภาษาไทยกลางเรียกขานกันว่า กาแล นั่นเอง
มีบางตำนานบอกว่า ครั้งพม่าครองเมืองเชียงใหม่ พม่าต้องการข่มให้คนเชียงใหม่อยู่ใต้อำนาจจึงนำเอาไม้ค้ำโลงศพหรือตีนหล้อง(ขาโลงศพ) มาให้คนล้านนาประดับหลังคาบ้าน แต่นั้นมาคนเชียงใหม่จึงปลูกบ้านมีไม้ไคว่กันเรียกว่า กาแล... ลุงหนานฟังแล้วมันมีข้อสงสัยแท้ และได้ตั้งคำถามคนที่เอาเรื่องนี้มาเผยแพร่ดังนี้....
1....คนพม่าที่มีความคิดนี้คือใคร? ชื่ออะไร?บอกหน่อย..
2. หากมีคนพม่าคิดจริง เขาเอาเรื่องไม้ก๋าแลมาในล้านนาวันไหน? เวลาใด? พ.ศ. ใด? บ้านหลังใดเป็นครั้งแรก มีหลักฐานที่แน่ชัดได้ขนาดไหน?
หมายเหตุ ท่านที่จะตอบต้องไม่เอาขี้ปากคนอื่นมาตอบ....หรือท่านที่อ่านหนังสือแล้วมาตอบก็ไม่ต้องตอบ...เพราะลุงหนานเห็นหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก็มาก แต่ดูๆแล้ว คนเขียนมันก็เอาขี้ปากคนอื่นเล่ามาเขียน หาหลักฐานแท้จริงไม่ได้อยู่ดี..
อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า ไม้กาแลที่อยู่หน้าจั่วหลังคาบ้านนั้น ทำไว้เพื่อให้อีกาที่กำลังบินผ่านบ้านสังเกตว่าที่นี่คือบ้านผู้คน พวกมันไม่กล้าลงมาจับหลังคาบ้าน เพราะหากอีกาลงมาจับหลังคาบ้านถือว่า ขึด/ อาถรรพ์ เป็นเสนียดจัญไร หรือ ซวย..ซ้วย....ซวยแต๊ๆ(แท้ๆ) เน้อ จนถึงต้องมีการสวดถอนเสนียดจัญไรกันโน่นเทียวนะจะบอกหื้อ....
ไม้กะแหล้ง คือผะหญาปัญญาเชิงช่างล้านนา ที่สะหล่า(ช่าง)สร้างบ้านอย่างฉลาดรอบคอบ โดยการนำเอาไม้มาไคว่กะแหล้งกันป้องกันแรงลมพัดกระเบื้องเสียหายก็เท่านี้แหละนายเฮย....
ปัจจุบันบ้านไม้กะแหล้งภาษาไทยกลางเรียกขานกันว่า เรือนกาแล.....
-ขอรบกวนถามหน่อยครับ"กะแหล้ง" เคยได้ยินคนเฒ่าเขาพูดคำนี้คืออุปกรณ์ของยอ(จ๋ำ) ไม้ไผ่ที่เขาเอามาตัดเป็นปล้องเพื่อให้เอาไม้ที่ผูกกับตัวยอ(ผืนผ้าของจ่ำ)เอาไม้นั้นมาสอด เขาก็เรียกไม้ไผ่ที่ไขว้กันนั้นว่า"กะแหล้ง" ใช่หรือไม่ครับ ขอบคุณท่านอาจ๋ารย์ที่เผยแพร่กำเมืองนักๆเลยครับ
สัวสดีคุณยุทธ์ครับ....
ยินดีที่เข้ามาแอ่ว..ไม้ที่เอาขาจ๋ำ(ยอ)สอดเข้าไปนั้นฮ้อง(เรียก)กันว่า ไม้ก้องแก้ง" เพราะมันไคว่กั๋นแล้วแกว่งก้องแก้งไปมา เหมาะสำหรับการหมุนขาผืนจ๋ำ(ผืนยอ)ให้ขาผืนจ๋ำกางออก ขาจ๋ำกางแล้วดันผืนจ๋ำ(ยอ)ออกไปแผ่กว้าง
ไม้ก้องแก้งจะห้อยอยู่ปลายไม้กันก้าว(คันยกยอ) หากดักจ๋ำ(ยอ)เสร็จเจ้าของจะถอดเอาขาจ๋ำออกมาเก็บส่วนไม้ก้อแก้งจะห้อยติดอยู่กับไม้กันก้าวครับ..
บางท้องถิ่นฮ้อง(เรียก)ไม้ก้องแก้งว่า ไม้กะแหล้ง ก็มีเพราะมันไคว่กันนั่นเองครับ...
ดัวยความปรารถนาดีจากลุงหนาน....พรหมมา
ได้ความฮู้ใหม่แหมแล้วเจ้า ขอบคุณเจ้า
ปอครูเจ้าแล้วจะอี้ต๋ำราไหนตี่น่าเจื่อถือนักกว่ากั๋นเจ้า หรือเฮาจะเจื่อถือต่ำราไหนดีเจ้า ....เพื่อว่าข้าเจ้าจะได้ใจ้สอนละอ่อนอย่างมั่นใจ่เจ้า ขอบคุณเจ้า
ข้าเจ้ากลัวเป็นความผิดขนาดเจ้าเพราะเกยบอกล่ะอ่อนไปว่าตะก่อนบ้านเฮาเกยถูกพม่าปกครอง(ใช้ฐานความรู้จากการอ่านจากหนังสือ+เรื่องเล่าจากอาจารย์สมัยเรียน)
สวัสดีอิหล้าผัดเวิ้ง......
กว่าลุงจะมาอ่านก็เลยเวลามาเป๋นปี๋กำแล้ว...
หาหนังสือหลายๆเล่มแล้วรวมเนื้อหาตรวจสอบ...ก็จะได้คำตอบที่ถูกต้องหรือพิจารณาว่าหนังสือเล่มใดที่มีเหตุผลอ้างอิงดี...ก็นำไปใช้เจ้า...
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน......พรหมมา