คราวที่แล้วทิ้งท้ายกันด้วยปัญหาและอุปสรรค ของการทำเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่ที่เป็นดินทรายชายทะเล ใครที่เคยแวะเวียนมาเที่ยวที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร คงจะทราบดีว่า พื้นดินส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัยเป็นดินทรายชายฝั่งทะเล ซึ่งดินชนิดนี้เป็นดินที่มีศักยภาพต่ำสำหรับการเพาะปลูก ส่วนดินในอุดมคติหรือดินที่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลูก จะต้องมีอนินทรีย์สาร 45 % อินทรีย์สาร 5 % น้ำ 25 % และอากาศอีก 25 %
ในดินทรายจะพบปัญหาหลักอยู่ 2 ประการ ประการแรกดินทรายมีอินทรีย์สารหรืออินทรียวัตถุต่ำ และประการที่ 2 ดินทรายมีความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ การแก้ไขปัญหาสามารถทำได้ดังนี้
1.เรื่องดินทรายมีอินทรียวัตถุต่ำ แก้ไขโดยการใส่ปุ๋ยคอก(ขี้วัว)ลงไปในแปลงที่ใช้สำหรับเพาะปลูก ซึ่งปุ๋ยคอกจะเป็นแหล่งของธาตุอาหารที่ดีให้แก่พืช นอกจากนี้ยังช่วยให้ดินมีความสามารถอุ้มน้ำได้ดีขึ้นอีกด้วย
2. เรื่องดินมีความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ แก้ไขโดยนำขุยมะพร้าวมาเทแล้วคลุกเคล้าลงในแปลงปลูก สาเหตุที่เลือกขุยมะพร้าวมาเป็นสารตัวเติมในดินมีเหตุผลหลายประการ คือ ขุยมะพร้าวมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี มีขนาดเล็ก ทำให้สามารถคลุกเคล้าลงไปในดินได้ง่าย มีความสะอาด หาได้ง่ายในท้องถิ่น และที่สำคัญยังมีราคาถูกอีกด้วย ประโยชน์อีกประการของการคลุกเคล้าขุยมะพร้าวลงในแปลงปลูก คือ ช่วยลดการพังทลายของขอบแปลงปลูกได้ดีมาก
นี่เป็นตัวอย่างของการเอาชนะอุปสรรคของนักศึกษาสาขาพืชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร เป็นการแก้ไขปัญหาแบบง่าย ๆ แต่ได้ผลดี หลักการแก้ไขปัญหา คือต้องทราบก่อนว่าอะไรคือปัญหา เมื่อทราบตัวปัญหาแล้วค่อยมาแก้ไขกันทีละประเด็น ในคราวหน้าสาขาพืชศาสตร์จะมาแนะนำวิธีการปลูกถั่วฝักยาวไร้ค้างให้ได้ผลผลิตดีมาฝากกัน
อ.ประสาทพร กออวยชัยและนักศึกษาสาขาวิชาพืชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ - ชุมพร
ดีมากมากครับ