ต้นทางของการตามหา
ความจริง
1. เหตุผลนิยม (Rationalism)
กลุ่มเหตุผลนิยม เชื่อว่า ความรู้ของมนุษย์เป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิดเป็นความรู้ชนิดติดตัวมนุษย์มาและมีลักษณะเป็นเหตุผล กลุ่มเหตุผลนิยมนี้กล่าวว่า ความรู้เกิดจากเหตุผลเตการ์ตนักปรัชญาคนแรกของกลุ่มเหตุผลนิยมนี้กล่าวว่า เหตุผลเกิดจากสัญชาตญาณที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน เป็นสิ่งที่พระเจ้าได้ประทานให้ไว้แก่มนุษย์ทุกคน กลุ่มเหตุผลนิยมนี้มีหลักการขั้นพื้นฐาน ดังนี้ (ศรัณย์ วงศ์คำจันทร์, มปป. : 156)
1. เหตุผลนิยมเชื่อว่า เหตุผลเป็นอิสระจากประสาทสัมผัส เหตุผลทำให้สามารถเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง เหตุผลสามารถใช้ได้ในทางคณิตศาสตร์ในขณะเดียวกันก็ใช้ได้ในทางปรัชญาเช่นกัน ดังนั้น วิธีของกลุ่มเหตุผลนิยมจึงเรียกว่าวิธีการทางคณิตศาสตร์
2. เหตุผลนิยมปฏิเสธความรู้ทางประสบการณ์ ทางประสาทสัมผัส เพราะถือว่าประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสทำให้คนหลงผิดได้ ดังนั้น จึงได้สามารถใช้เป็นแนวทางแห่งความรู้ได้
3. ความรู้เป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิด ความรู้เกิดจากความคิดหรือเหตุผลเพียงอย่างเดียว และความรู้ที่เกิดจากเหตุผลนี้เป็นความรู้ที่แน่นอน เป็นความรู้ที่เป็นจริงทางคณิตศาสตร์ เป็นความรู้ที่เป็นภายในและเป็นสากล
นักปรัชญาที่สำคัญของกลุ่มเหตุผลนิยมมีหลายท่านด้วยกัน เช่น เดการ์ตสปิโนซ่า และไลบ์นิช เป็นต้น
เรเน เคการ์ต (Rene Descartes) นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสถือว่าการคิดหาเหตุผลเท่านั้นเป็นที่มาของความรู้ที่แท้จริง เพราะเขาเป็นผู้สงสัยในทุกสิ่งทุกอย่าง แต่การคิดหาเหตุผลช่วยให้เขาสิ้นความสงสัยได้ การคิดหาเหตุผลของเขาเป็นแบบอนุมาน (คาดคะเนตามหลักเหตุผล) ตามหลักตรรกวิทยา ซึ่งต้องมีประพจน์ (ข้อเสนอ) เหตุที่ถูกต้องแน่นอน ผลสรุปจึงจะถูกต้อง และถ้าประพจน์เหตุผิด ผลสรุปก็ย่อมผิดไปด้วย เนื่องจากเดการ์ตเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในวิชาเรขาคณิต ซึ่งถือว่าสัจพจน์ (Axion) และคำนิยาม (definition) ในวิชาเรขาคณิตเป็นจริงโดยไม่ต้องพิสูจน์ จึงได้พยายามสร้างหลักการในวิชาปรัชญาทำนองเดียวกันว่าจะต้องมีความจริงมูลฐานทำนองเดียวกัน เขาก็ได้พบว่าความคิดติดตัว (innate idea) เท่านั้นที่เป็นจริงโดยไม่ต้องพิสูจน์เหมือนสัจพจน์ และคำนิยามความคิดติดตัวเป็นสิ่งที่พระเจ้ามอบให้แก่ทุกคนโดยกำเนิดมีหลายอย่าง เช่น ความคิดเกี่ยวกับความเป็นเหตุเป็นผล (causality) ความคิดกับความไม่สิ้นสุด (infinity) ความคิดเกี่ยวกับความเป็นนิรันดร (eternity) ความคิดเกี่ยวกับสิ่งสัมบูรณ์ (the Absolute) เป็นต้น (อมร โสภณวิเชษฐ์วงศ์, 2520 : 110)
สปิโนซ่า (Spinoza) เป็นผู้พัฒนาลัทธิเหตุผลนิยมต่อจากเดการ์ต สปิโนซ่า คิดแบบสมัยใหม่ คือ อาศัยหลักเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์เป็นหลักสปิโนซ่า ใช้วิธีคิดโดยมีลักษณะไปทางรหัสนิยม (Mystic) ผสมกับศรัทธาอย่างดื่มด่ำในพระเจ้า เดการ์ตได้พยามทำปรัชญาให้มีรูปแบบที่แน่นอนโดยอาศัยหลักทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งสปิโนซ่าก็ยอมรับวิธีดังกล่าว ตัวอย่างเช่นในเรื่อง Ethics (จริยศาสตร์) สปิโนซ่าใช้วิธีการของเรขาคณิตคือเริ่มต้นด้วยการให้บทนิยมอันแน่นอนแล้วก็ให้สัจพจน์ (Axion) ที่มีความแจ่มชัดในตัว จากนั้นจึงวางหลักอันเป็นบทพิสูจน์ (theorem) สปิโนซ่ามีความเป็นเชื่อมั่นในเหตุผลเช่นเดียวกับเดการ์ต และถือว่าความจริงสามารถรู้ได้โดยเหตุผล เพราะว่าสิ่งที่จริงมีลักษณะเป็นเหตุผล โดยเชื่อว่าไม่มีอะไรที่เหตุผลจะเข้าใจไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติหรือความจริงสิ้นสุด และแม้แต่พระเจ้ายังอาศัยความมีเหตุผลในการสร้างโลก ทัศนะดังกล่าวนี้ทำให้เหตุผลนิยมของสปิโนซ่ากลายเป็นรหัสนิยม
ไลบ์นิช (Leibniz) เป็นนักเหตุผลนิยมที่มีความเชื่อในเรื่องความคิดติดตัว (Innate idea) ไลบ์นิช ได้กล่าวว่าไม่มีอะไรอยู่ในวุฒิปัญญานอกจากวุฒิปัญญาเท่านั้น และได้กล่าวสรุปว่าเนื่องจากความคิดติดตัวทั้งปวงมีพร้อมอยู่ในจิตใจของเราแล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีความรู้อันใดที่จะอ้างได้ว่าเราได้มา (จากภายนอก) เขาเชื่อว่าจิตมนุษย์กระทำการอยู่เสมอแม้อยู่ในสภาพที่ไม่มีความรู้ ขณะไร้สติและขณะหลับ ในที่สุดความคิดติดตัวก็จะปรากฏออกมาในจิตมนุษย์โดยอาศัยการกระทำการของวุฒิปัญญา
ไม่มีความเห็น