เมื่อกล่าวถึงการทำสมาธินั้น สำหรับเราแล้วนั้นมีการทำสมาธิในหลายลักษณะ เพราะการทำสมาธิ คือการเพ่งความสนใจไปยังเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นการเฉพาะ โดยปกติคนเราสามารถเพ่งความสนใจไปยังเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้เพียง 2 เรื่องได้ในเวลาเดียวกันได้ดีที่สุด หากเราเพ่งความสนใจไปยังเรื่องใด ๆ มากกว่า 2 เรื่อง ความสามารถในการสนใจในทุก ๆ เรื่องจะลดลง ด้วยเหตุนี้การทำสมาธิในแนวทางพุทธศาสนา ซึ่งให้เราสนใจในเรื่องเพียง 2 เรื่องพร้อมกัน เรื่องหนึ่งที่เราต้องสนใจเสมอสำหรับผู้เริ่มปฏิบัติใหม่ ๆ คือเรื่องของลมหายใจ กับอีกเรื่องหนึ่ง คือปัฏฐาน (ปัฏฐาน ; ความคิดหลัก) ไปยังเรื่อง 4 เรื่องได้แก่ กาย เวทนา จิต ธรรม โดยในหนึงช่วงเวลา เลือกเรื่องใดหนึ่งในสี่เรื่อง มาสนใจไปพร้อมกับลมหายใจ ก็จะได้หลักการพื้นฐานในการทำอาณาปานสติในเบื้องต้น
อย่างไรก็ดี การทำสมาธิตามหลักของศาสนาอื่นก็มีอยู่แล้ว เช่น การถือศีลอดของผู้นับถือศาสนาอิสลาม โดยการมีสติไปยังการห้ามกลืนน้ำลายในช่วงเวลากลางคืน เมื่อปฏิบัติตามนี้แล้วก็จะเกิดสมาธิขึ้นมาได้เช่นกัน เมื่อเกิดสมาธิแล้ว หากใจจดจ่อหรือนิ่งพอ ผู้นั้นก็สามารถสื่อสารกับวิญญาณอื่นหรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และเทพทั้งหลาย เพื่อน้อมนำแนวทางการปฏิบัติ หรือแนวทางการดำเนินชีวิต หรือแม้แต่แนวทางการแก้ไขปัญหาชีวิตได้
เพื่อให้พวกเราทุกคนสามารถเข้าถึงผลจากการปฏิบัติอย่างสัมฤทธิ์ผลอย่างแท้จริง สำหรับผู้ฝึกปฏิบัติ ควรฟัง/อ่านหัวข้อย่อยทั้ง 7 ไปตามลำดับ ไม่ควรข้ามหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งไป เพราะอาจจะทำให้เราไม่สามารถเข้าใจวิธีการปฏิบัติ หรือแม้แต่เมื่อเกิดสิ่งใดขึ้นในขณะปฏิบัติ เราจะไม่สามารถแก้ข้อสงสัยที่เราประสบได้ เมื่อไม่อาจจะตอบข้อสงสัยได้ อาจเป็นเหตุให้ผู้ปฏิบัติหน้าใหม่ขยาดหวาดระแวงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วไม่กล้าลงมือปฏิบัติธรรมให้บรรลุผลจากการปฏิบัติหรือเข้าถึงผลจากการปฏิบัติ หรือปฏิเวธได้อย่างแท้จริง
จำเป็นอย่างยิ่ง ที่ผู้ปฏิบัติที่เป็นผู้ปฏิบัติหน้าใหม่ หรือเป็นผู้ปฏิบัติที่มีพื้นฐานการปฏิบัติอยู่แล้ว จะต้องอดทนอ่านหัวข้อย่อยไปแต่ละหัวข้อย่อยให้เข้าใจอย่างละเอียดก่อนการลงมือปฏิบัติ ทั้งนี้เพื่อเป็นการขจัดความลังเลสงสัยใด ๆ ที่จะเกิดตามมา ซึ่งความลังเลสงสัยนี่เองนำมาซึ่งความหดหู่ท้อถอย แล้วนำมาสู่ความขัดแย้งเพียงเล็กน้อย ซึ่งก็คืออารมณ์นิวรณ์ 5 นั่นเอง
จะดับความลังเลสงสัยได้ ก่อนการปฏิบัติให้อ่านหัวข้อย่อยเรียงลงไปทีละหัวข้อ อย่าใจร้อนด่วนอ่าน "สติปัฏฐาน 4" เพื่อที่จะปฏิบัติให้ได้โดยเร็ว หากเป็นเช่นนี้แล้วเมื่อเกิดเหตุใดเกิดขึ้น เช่น ปวดหัว ปวดท้อง มึนหัว ฯลฯ แล้วหาสาเหตุไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากอะไรหากเราไม่อ่านให้เข้าใจ เมื่อเรามองเห็นสิ่งดีนำโทษมาให้ตนแล้ว ทำให้เราถอยห่างจากความเพียรในระยะสั้นอาจจะดูดี เพราะทันทีที่เราหยุดปฏิบัติธรรมแล้ว อาการต่าง ๆ ที่มีก็หายไป แต่ในระยะกลางหรือระยะยาว เราก็ไม่อาจจะเอาชนะตนเองแล้วทำให้ตนหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวลได้
เมื่อเราได้อ่านหัวข้อย่อยทั้ง 7 ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว เมื่อเกิดความลังเลสงสัยให้ลงมือปฏิบัติบัติธรรมให้ได้ผลแก่ตนเองให้เร็วที่สุดที่จะทำได้ เมื่อเราได้ผลจากการปฏิบัติก็จะตอบข้อสงสัยของเราได้เท่าที่เราสงสัยนั่นเอง เมื่อดับข้อสงสัยได้ก็ดับอารมณ์นิวรณ์ได้ เมื่อดับอารมณ์นิวรณ์ได้ ก็สามารถบำเพ็ญเพียรจนเอาชนะตนเองได้ ในที่สุดเราก็จะพ้นทุกข์ทั้งมวลด้วยมือของเราเอง
เป็นอะไรไปเพื่อนแอ๊ด สบายดีมั้ย
ร่างกายดี
จิดใจดี
ชีวิตดี