นักเรียนจำนวน ๑๗๘ คนพร้อมผู้ปกครอง เดินทางมาถึงโรงแรมก่อนเวลานัดหมายเกือบชั่วโมง
เมื่อลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยจึงมีเวลาเลือกซื้อสิ่งของที่ระลึกจากเอเอฟเอส กันหลายรายการ เช่น เสื้อสีชมพู เป็นเสื้อเอเอฟเอสประจำปีนี้ กระเป๋าเป้ ซองใส่ดินสอ ซองใส่เอกสารเล็กๆ อย่างเช่น ซองใส่พาสปอร์ต ฯลฯ ยามไปต่างประเทศหากสิ่งของที่ใช้มีโลโก้เอเอฟเอสจะช่วยให้อุ่นใจระดับหนึ่ง เนื่องจากเอเอฟเอสเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงในระดับแนวหน้าที่เชื่อถือได้ ช่วบการันตีว่าคุณเป็นคนที่น่าไว้วางใจ คง ไม่ก่อกระทำในสิ่งที่ไม่ดี หรือจะแปลงสัญชาติเป็นชาวโรบินฮู้ด
เสื้อสีชมพูสกรีนเก๋ไก๋
กระเป๋าเป้มี้ล้ออลาก.... สีใหม่
คุณรุจิรา คันทรง ผู้จัดการฝ่ายบริการการศึกษา ได้ชี้แจงเรื่องการเตรียมการของเยาวชนและผู้ปกครองในการเข้าร่วมโครงการฯ
คุณจิรวัฒนา จรูญภัทรพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริการการศึกษา ประธานการประชุมได้กล่าวต้อนรับคณะผู้เข้าร่วมประชุมฯและชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ และข้อควรปฏิบัติ รวมทั้งการเตรียมตัวในการเข้าร่วมโครงการฯและสัมภาษณ์นักเรียนที่เคยเข้าร่วมโครงการฯ
Guest Speaker จำนวน ๓ ท่าน ซึ่งเป็นผู้ปกครองของผู้ที่เคยเข้าร่วมโครงการรุ่น ๔๘ ได้มาเล่าประสบการณ์และให้ข้อคิดอันเป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครองรุ่นใหม่ที่จะไปในปี ๒๕ ๕๔- ๒๕๕๕ นี้
พี่ ๆ Returnee ต้อนรับหน้าประตู
เกร็ดความรู้จากประสบการณ์ของรุ่นพี่ที่เคยเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน ๓ คน โดยสรุปฯ
พี่บูม ไปเดนมาร์ก รุ่น ๔๗
พี่นัน ไปญี่ปุ่น รุ่น ๔๗
พี่ธัน ไปบราซิล รุ่น ๔๘
*** การเตรียมตัวก่อนไป ***
พี่บูม : หาข้อมูล เตรียมเอกสารเกี่ยวกับการเรียน เตรียมสิ่งของ เสื้อกันหนาว และเตรียมการแสดง
พี่นัน : พูดคุย-ปรึกษากับครู และฝึกภาษาญี่ปุ่น
พี่ธัน : ดำเนินการขอสอบปลายภาคก่อน ปรึกษารุ่นพี่ที่เคยไปมาแล้วเกี่ยวกับเรื่องเสื้อผ้า
*** การปรับตัวเมื่อเดินทางไปถึง ***
พี่บูม : การที่ครอบครัวอุปถัมภ์พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จึงทำให้เรียนรู้ภาษาเดนนิชได้เร็วขึ้น อาศัยภาษาท่าทางในการสื่อสาร
พี่นัน : ครอบครัวอุปถัมภ์เคยมาเที่ยวประเทศไทย ๔/๕ ครั้ง จึงประทับใจและชวนพูด-คุย บ่อยๆ ใช้เวลา ๓ เดือนจึงสามารถพูด-คุย สื่อสารได้รู้เรื่อง
พี่ธัน : เนื่องจากบราซิลเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ อากาศและสภาพแวดล้อมจึงแตกต่างกันไป ภาคใต้อากาศหนาวเย็นมาก ครอบครัวอุปถัมภ์พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จึงทำให้เรียนรู้ภาษาสเปนได้เร็ว ควรจะต้องปรับตัวกันทั้งสองฝ่าย
*** เทคนิคการเรียนรู้ ***
พี่บูม : Host Mom เป็น Designer จึงชวนวาดภาพ ทาสี เย็บผ้า แต่ Host Dad เป็นช่างซ่อมรถ จึงพาไปดูรถใหม่ที่อู่ ได้เรียนรู้มากมาย
พี่นัน : ขอเขาเข้าชมรมวันละชมรมฯ เช่น ชมรมชงชา ขมรมเคนโด ชมรมกีฬา จึงได้เพื่อนเยอะมาก ได้ฝึกภาษาญี่ปุ่นและได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ
พี่ธัน : เปิดพจนานุกรมบ่อยๆ และเข้าไปพูดคุย ผูกมิตรกับเพื่อนๆ Host Dad เป็นสัตวแพทย์ จึงได้เรียนรู้คำศัพท์ทางการแพทย์ไปด้วย มีโอกาสไปช่วยเขาผ่าตัดสัตว์ด้วย
*** วิธีการแก้ปัญหา เมื่อพบปัญหาต่างๆ ***
พี่บูม : ปรึกษาพ่อ-แม่ที่นั่น รวมทั้งผู้ประสานงานและครูที่ปรึกษา เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหา ซึ่งปัญหาจะมีทางแก้ไขหลายทาง ให้เลือกทางที่เราถนัดและสะดวก พอเหตุการณ์มันคลี่คลายแล้วค่อยเล่าให้พ่อ-แม่ที่เมือไทยฟัง
พี่นัน : หากมีปัญหาจะปรึกษาพี่และแม่ที่นั่นก่อน พยายามปรับตัวเข้ากับครอบครัวอุปถัมภ์ และบอกพ่อ-แม่ที่ไทยภายหลัง
พี่ธัน : จะปรึกษากับพ่อ-แม่ที่นั่น เพราะเขาเปรียบเสมือนกับพ่อ-แม่ของเราจริงๆ และปรึกษาผู้ประสานงานที่นั่น เพราะพ่อ-แม่ทางเมืองไทยอยู่ไกลกัน อาจไม่เข้าใจ
สถานการณ์และทำให้ท่านกังวลใจ
*** ประสบการณ์ที่ได้รับ ***
พี่บูม : เป็นบทเรียนของชีวิต ได้เรียนรู้การจัดการสิ่งต่างๆด้วยตนเอง โดยคำนึงถึงเป้าหมายเป็นหลัก ไม่ท้อถอย
พี่นัน : เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ดูแลตนเองได้มากขึ้นและมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
พี่ธัน : กล้าแสดงออกมากขึ้น เป็นการเปิดโลกทรรศ และ คิดไตร่ตรองด้วยเหตุ-ผล
ประสบการณ์เหล่านี้นับว่าเป็นข้อคิดอันเป็นประโยชน์ที่ช่วยให้ผู้ปกครองและน้องๆ เข้าใจการปรับตัว-การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่ต่างทั้งสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรม
รูปสุดท้ายคนยืนที่สามนับจากซ้ายมือใช่เด็กยี่ปุ่่นไหมคะ เหมือนเลย
คุณ Apple คะ
*** ที่ยืนด้วยกันนั่นเป็นคนไทยล้วนค่ะ อาจจะมีเชื้อลาว-จีน-พม่า ปนมาในสายเลือดบ้างเล็กน้อย ขอบคุณนะคะคุณ Apple ***