การวัดทัศนคติ/ความเชื่อ/ความเห็น/ความพึงพอใจ
การประเมินทัศนคติหรือความเชื่อที่คุ้นเคยกันมักมีกรอบแนวคิด ความรู้/ทัศนคติ/พฤติกรรม (KAP) หรือ ทัศนคติ/พฤติกรรม (AP) รองรับ และยังนำมาใช้ประเมินความเห็น/ความพึงพอใจ
ที่ควรต้องระลึกเสมอคือ ความเชื่อ/ความเห็น/ความพึงพอใจ ไม่มี “ถูก/ผิด” แต่บอกให้ทราบว่า ระดับหรือน้ำหนักของความเชื่อ/ความเห็นนั้น เป็นอย่างไร ในบริบทนั้นๆ สอดคล้อง/สวนทางหรือส่งเสริม/บั่นทอน ต่อเรื่องที่กำลังศึกษาอย่างไร และหากจะตอบสนองความเชื่อ/ความเห็นนั้นๆ เราควรมีแนวทางดำเนินการอย่างไร
ก. มาตรวัด
มีวิธีการ 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
ข. การตั้งคำถาม
@ขณะท้อง ไม่ควรรับบริการทันตกรรมใดๆ เลย---ถามความเชื่อต่อการทำฟันขณะท้อง
@ขณะท้องท่านเคยรับบริการทันตกรรมใดๆ หรือไม่---ถามพฤติกรรมการทำฟันเมื่อท้อง
ค. การวิเคราะห์และนำเสนอผล
1) แบบ ranking ไม่ว่าจะเป็นระดับ 1-5 หรือ 1-10 เนื่องจากข้อมูลเป็น ordinal scale จึงนำเสนอว่า มีผู้ตอบแต่ละระดับคะแนน (เช่น มากและมากที่สุด) คิดเป็นกี่เปอร์เซนต์
2) แบบค่าน้ำหนักคะแนนเฉลี่ย (Weight Mean Score) เช่น มีความพึงพอใจเฉลี่ย a จากคะแนนเต็ม 5 โดยมองว่าข้อมูลเป็น ratio scale สมมติว่า น้ำหนักของค่าคะแนน มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด เท่ากับ 5, 4, 3, 2, และ 1 ตามลำดับ หากตอบข้อคำถามที่หนึ่งว่า “มาก” จะมีคะแนน “4” ถ้าตอบ “น้อยที่สุด” เท่ากับคะแนน “1” เมื่อรวมคะแนนทุกข้อแล้วหารด้วยจำนวนข้อก็จะเป็นคะแนนเฉลี่ยที่ผู้ตอบคนนั้นให้ไว้ ถ้ามีผู้ตอบ b คน ก็จะได้ค่าคะแนนรายบุคคล b ค่าซึ่งเมื่อนำมารวมกันแล้วหารด้วย b ก็จะได้ค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่เราศึกษา เป็นหลักการเดียวกับการคิดเกรดเฉลี่ยสมัยเราเรียนหนังสือนั่นเอง
รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ http://gotoknow.org/file/phenkhael/OH_R2R_Attitude_measurement.pdf
ดีค่ะ เป็นประโยชน์มาก
อยากทราบเพิ่มว่าเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสุขภาพช่องปากที่ง่ายและนิยมใช้กันในปัจจุบันคือเครื่องมือ(แบบฟอร์ม)ใดบ้างคะ
เป็นประโยชน์มากเลยครับ จะได้นำไปใช้ต่อไป ขอบคุณมากครับ คืออยากรบกวนเป็นที่ปรึกษาวิจัยได้ไหมครับ [email protected]
เรียน คุณNong
เครื่องมือ/แบบฟอร์ม จะเป็นแบบไหน อย่างไร ขึ้นกับวัตถุประสงค์ของการตรวจค่ะ
ตัวอย่างหาดูได้จากวิทยสารทันตสาธารณสุข หรือลองถามหาจากรุ่นพี่ๆ ในพื้นที่ ที่เคยทำกัน
เรียน คุณ Lucky
ติดต่อได้ทาง e-mail ค่ะ งานหนึ่งของนักวิชาการคือ บริการวิชาการ
(ผู้มาปรึกษาก็ต้องมีความตั้งใจที่จะเป็นนักวิชาการด้วยนะคะ จะได้สมดุลกันทั้ง 2 ฝ่าย)