ฟื้นฟูชูชาติลาว บำรุงพระพุทธศาสนา
พระเจ้าโพธิสารราช พ.ศ.๒๐๖๓ - ๒๐๙๐ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ลาวที่ฉลาดหลักแหลม มีพระทัยเลื่อมใสหลักธรรมในพระพุทธศาสนา และเป็นกุศลยิ่ง ทรงห้ามการบูชาไหว้ผีต่างๆ และยังได้ทรงทำนุบำรุงศิลปะ และวรรณกรรมอีกด้วย
ในด้านความมั่นคง ได้นำอาณาจักรล้านช้างแผ่อิทธิพลเข้าไปในอาณาจักรล้านนา ทั้งนี้เนื่องจากล้านนาได้อ่อนแอลง เนื่องจากได้ทำศึกกับอาณาจักรอยุธยาเป็นเวลายาวนาน และรุกรานเชียงตุงไม่สำเร็จ ทางล้านช้างและหงสาวดีจึงแผ่อิทธิพลเข้าไปในล้านนา
ใน พ.ศ.๒๐๘๘ พระเจ้าเกศเชษฐราช แห่งอาณาจักรล้านนา สวรรคต ไม่สามารถสรรหาผู้สืบราชสมบัติได้ เหล่าขุนนางแคว้นล้านนาจึงต้องอัญเชิญ เจ้าไชยเชษฐา โอรสพระเจ้าโพธิสารราช และเจ้าหญิงแห่งล้านนา ให้ครองอาณาจักรล้านนา
พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช พ.ศ.๒๐๙๑ - ๒๑๑๔ ทรงเป็นกษัตริย์ลาวที่ชาวไทยคุ้นพระนามมากกว่ากษัตริย์ลาวพระองค์อื่น ในสมัยของพระองค์ทรงได้อาณาจักรล้านนาไว้ในอำนาจ ทรงเจริญพระราชไมตรี กับ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ แห่งกรุงศรีอยุธยา และได้ทรงสร้างพระธาตุศรีสองรักเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งพระราชไมตรีและระหว่างสองอาณาจักร และได้ทรงสร้างพระธาตุหลวง กับบูรณะพระธาตุพนมอีกด้วย
ตรงกับสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พ.ศ.๒๐๙๑ - ๒๑๑๑), สมเด็จพระมหินทราธิราช (พ.ศ.๒๑๑๑ - ๒๑๑๒) และสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช (พ.ศ.๒๑๑๒ - ๒๑๓๓)
และในสมัยนี้พระเจ้าบุเรงนองได้เป็นกษัตริย์ครองอาณาจักรหงสาวดี ที่เข้มแข็งมาก จึงใน พ.ศ.๒๑๐๓ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงย้ายเมืองหลวงของอาณาจักรล้านช้างลงไปที่เมืองเวียงจันทน์ ทางใต้เมืองหลวงพระบาง ประมาณ ๒๕๐ กิโลเมตร เป็นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำโขง ตั้งชื่อใหม่ว่า พระนครจันทบุรีศรีสัตนาคนหุตอุดมราชธานี ซึ่งชาวเราคุ้นเคยกันในชื่อ กรุงศรีสัตนาคนหุต
พ.ศ.๒๑๐๗ กองทัพพม่า เข้ารุกรานและยึดกรุงศรีสัตนาคนหุต แต่พระเจ้าไชยเชษฐามิได้ประทับอยู๋ กองทัพพม่าได้กวาดต้อนผู้คนกลับไป รวมทั้งอุปราชวรวังโส พระอนุชา ด้วย
ต่อมา ในพ.ศ.๒๑๑๔ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เสด็จออกปราบกบฏที่เมืองรามรักองการ และไม่ปรากฏพระองค์อีก เจ้าหน่อแก้ว พระโอรสซึ่งเพ่งประสูติจึงได้ราชสมบัติสืบต่อไป
และใน พ.ศ.๒๑๑๔ พระยาแสนสุรินทร์ลือชัย เห็นว่าพระเจ้าหน่อแก้วนั้นยังเยาว์มากนัก จึงถอดออกเสียและตั้งตนเป็นกษัตริย์ครอบครองกรุงศรีสัตนาคนหุตต่อไป เป็นกษัตริย์อยู่ได้ ๔ ปี
กระทั่ง พ.ศ.๒๑๑๘ กองทัพพม่าก็มาตี และยึดกรุงศรีสัตนาคนหุตได้อีก แล้วแต่งตั้งพระมหาอุปราชวรวังโส ซึ่งพม่านำตัวไปกรุงหงสาวดี เมื่อครั้งการศึก พ.ศ.๒๑๐๗ ให้เป็นกษัตริย์ครองอาณาจักรล้านช้าง และนำตัวพระยาแสนสุรินทร์ลือชัยกลับไปกรุงหงสาวดี
ต่อมาใน พ.ศ.๒๑๒๓ เกิดกบฏขึ้นในเวียงจันทน์พระมหาอุปราชฯสู้ไม่ได้ จึงเสด็จหนีไป แต่เสียชีวิตในระหว่างทาง ฝ่ายพม่าจึงเข้ามาปราบกบฏ และแต่งตั้งพระยาแสนสุรินทร์ลือชัย ให้เป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีสัตนาคนหุตอีก จนกระทั่งถึงแก่พิราลัยใน พ.ศ.๒๑๒๕
พระยานครน้อย โอรสได้เป็นกษัตริย์สืบต่อ แต่ประชาราษฎร์ไม่นิยม จึงถูกขุนนางปลดออก และไม่ทราบว่าจะสรรหาผู้ในมาเป็นกษัตริย์ และเวียงจันทน์ หรือ กรุงศรีสัตนาคนหุต ก็ไม่มีกษัตริย์อยู่ถึง ๘ ปี บรรดาขุนนางลาวที่มีอำนาจ ปลดกษัตริย์ แต่ไม่มีปัญญา หาผู้มาเป็นกษัตริย์จึงขอร้องคณะสงฆ์ให้เดินทางไปเฝ้าพระเจ้าบุเรงนอง เพื่อ
ขอพระหน่อแก้ว โอรสพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ให้มาเป็นกษัตริย์ลาวสืบต่อไป (พระเจ้าบุเรงนองน่าจะนำพระหน่อแก้วไปพม่าพร้อมกับพระยาแสนสุรินทร์ลือชัย เมื่อ พ.ศ.๒๑๑๘)
พระหน่อแก้วได้เป็นกษัตริย์ลาว ตั้งแต่ พ.ศ.๒๑๓๔ ถึง พ.ศ.๒๑๓๙ ก็สวรรคต พระวรวงศาธรรมิกราช ซึ่งเป็นพระญาติได้รับราชบัลลังก์ต่อไป
ใน พ.ศ.๒๑๖๔ พระวรวงศาธรรมิกราช เกิดข้อขัดแย้งกับพระอุปยุวราช ผู้เป็นโอรส จนถึงขั้นเข้าต่อสู้กัน พระอุปยุวราชสังหารพระบิดาได้ และได้ราชสมบัติ แต่เพียงปีเศษๆ ก็สวรรคต
ประชาชนจึงเชิญพระยามหานาม ขุนนางผู้ใหญ่ท่านหนึ่งให้รับเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า พระยาบัณฑิตโพธิสาร ครองราชย์ได้ ๔ ปี เศษก็สวรรคต
ประชาชนจึงเชิญพระหม่อมแก้ว โอรสพระวรวงศาธรรมิกราช (ที่ถูกโอรสสังหาร) ให้ครองราชย์ จวบจน พ.ศ.๒๑๗๐ จึงสวรรคต
จากนั้น พระอุปยุวราช (คนละคนกับที่สังหารพระบิดา) ได้ครองบัลลังก์ และเมื่อสวรรคต พระองค์มีพระโอรส ๒ พระองค์ คือ ท้าวต่อนคำ และ ท้าววิชัย ก็ได้ครองราชสมบัติร่วมกัน จนกระทั่งท้าววิชัย สวรรคต เมื่อ พ.ศ.๒๑๗๙
ขอข้อมูล คัมภีร์ฮีต12คลอง14 แต่งขึ้นในสมัยใด ใครเป็นผู้แต่ง