มาแล้วค่าาาาาา ภาคต่อของหลักสูตรฝึกอบรม ที่ทุกคนตั้งใจรอคอยกันมา คราวนี้อ่านจบแน่นอนค่ะ เริ่มกันที่หัวข้อที่ 2 หลักสูตรฝึกอบรมที่ดี มีคุณภาพเป็นอย่างไร อ่านอย่างมีความสุขนะคะ
2. หลักสูตรฝึกอบรมที่ดี มีคุณภาพ เป็นอย่างไร มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
2.1 ประเภทของการฝึกอบรม
ประเภทของการฝึกอบรม มีวิธีแบ่งหลายอย่างเช่น แบ่งตามลักษณะของหลักสูตร แบ่งตามจำนวนผู้เข้ารับการฝึกอบรม แบ่งตามระดับตำแหน่งของผู้เข้ารับการอบรม เป็นต้น
แบ่งการฝึกอบรมออกเป็น 2 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 การฝึกอบรมก่อนการทำงาน (Pre – Service Training) เป็นการฝึกอบรมก่อนที่บุคคลนั้นจะเริ่มทำงานในตำแหน่งหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งในองค์กร การฝึกอบรมก่อนการทำงานนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. การปฐมนิเทศ (Orientation) เป็นการฝึกอบรมที่จัดขึ้นเพื่อต้อนรับหรือ แนะนำเจ้าหน้าที่ใหม่ให้รู้จักหน่วยงาน องค์กรหรือ สถาบัน ได้ทราบวัตถุประสงค์และนโยบายของหน่วยงานองค์การหรือสถาบันนั้น ๆ แนะนำให้รู้จักผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน ตลอดจนให้เข้าใจถึงกฎ ข้อบังคับ ระเบียบ วินัยต่าง ๆ เพื่อจะได้มีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับงานที่จะปฏิบัติต่อไป
2. การแนะนำงาน (Introduction Training) เป็นการฝึกอบรมกึ่งปฐมนิเทศ และสอนวิธีการปฏิบัติงาน ในตำแหน่งหน้าที่หนึ่งโดยเฉพาะ ทั้งนี้เป็นเพราะเหตุผลที่ว่าไม่มีสถาบันการศึกษาใด ๆ ที่สามารถผลิตคนให้มีความรู้ ทักษะ และเจตคติให้เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร เพราะงานประเภทเดียวกันในแต่ละองค์กรอาจมีความแตกต่างกัน วัตถุประสงค์ของการแนะนำงานนี้ เพื่อสร้างทัศนคติของคนต่องานใหม่ให้เกิดความรู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานนั้น
ประเภทที่ 2 การฝึกอบรมระหว่างทำงาน (In - Service Training) เป็นการฝึกอบรมภายหลังจากที่บุคคลได้เข้ามาปฏิบัติงานในองค์กรหรือหน่วยงานแล้ว ซึ่งอาจเรียกได้ว่าการฝึกอบรมบุคลากรประจำการก็ได้ การฝึกอบรมระหว่างทำงานนี้แยกออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. การฝึกอบรมขณะทำการ (On the Job Training) เป็นการฝึกอบรมขณะทำการ มีลักษณะไม่เป็นทางการ เป็นการอบรมที่เน้นความสำคัญของการลงมือปฏิบัติงาน คือ เน้นให้ผู้ปฏิบัติงานได้ลงมือฝึกปฏิบัติในสถานการณ์ทำงานจริง โดยมีเจ้าหน้าที่เพื่อนร่วมงานหรือ ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีประสบการณ์ในการทำงานมากกว่าเป็นผู้สอนให้ ลักษณะการสอนจะเป็นการสอนรายบุคคลหรือจัดแบ่งกลุ่มก็ได้ โดยใช้เทคนิคการสาธิต และการอภิปรายหลังจากนั้น ผู้อบรมได้ลงมือปฏิบัติจริง การฝึกอบรมวิธีนี้จะกระทำเมื่อมีความเป็นเกิดขึ้น ไม่มีเวลากำหนดแน่นอน ให้มีการปฏิบัติซ้ำ ๆ จนแน่ใจว่าผู้เข้าอบรมสามารถปฏิบัติงานได้ด้วยตนเอง จึงจะถือว่าเสร็จงานการอบรม การฝึกอบรมในขณะทำการนี้จะได้ผลมากสำหรับงานประเภทที่ต้องการ
2. การฝึกอบรมนอกที่ทำการ (Off the Job Training) เป็นการฝึกอบรมนอกที่ทำการ เป็นการอบรมที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมีหน่วยงานหรือสถาบันมีเจ้าหน้าที่ในการจัดฝึกอบรม การฝึกอบรมแบบนี้มักจัดในห้องอบรมหรือ ห้องประชุม ทำให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีเวลาสำหรับการอบรบอย่างเต็มที่ สิ่งที่ผู้เข้าอบรมได้รับจากการอบรมแบบนี้ ผู้เข้าอบรมจะต้องรู้จักนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงาน
2.2 ขั้นตอนการสร้างหลักสูตรการฝึกอบรม
ในการจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมเมื่อได้ทำการวิเคราะห์ความจำเป็นและความต้องการร่วมทั้งวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมแล้ว ผู้จัดทำหลักสูตรควรจะดำเนินการเป็นขั้นๆ ดังต่อไปนี้ คือ
ขั้นที่ 1 ทำการวิเคราะห์สิ่งที่เป็นปัญหา โดยปกติก่อนที่จะดำเนินการจัดทำหลักสูตรหรือโครงการการฝึกอบรม ผู้บริหารจะต้องวิเคราะห์สภาพปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดในองค์กรนั้น ๆ ว่าอะไรบ้างที่เป็นปัญหา และปัญหานั้นเกี่ยวข้องกับงานอย่างไร มีรายละเอียดของงานอย่างไร โดยจะต้องพิจารณาอย่างละเอียดว่างานใดที่เบี่ยงเบนไปจากมาตรฐาน จนทำให้เกิดปัญหาและปัญหาในการทำงานเหล่านั้นจะต้องทำการแก่ไข้ด้วยการฝึกอบรมหรือไม่และ ถ้าได้รับการฝึกอบรมแล้วบุคลากรจะสามารถปฏิบัติงานได้ถูกต้องตามมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพในการทำงานหรือไม่
ขั้นที่ 2 จัดลำดับความสำคัญของงานที่มีปัญหา เมื่อทำการวิเคราะห์และทราบว่าอะไรบ้าง คือ ปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน ขั้นต่อไปควรจัดลำดับความสำคัญของปัญหาและถ้าไม่รีบทำการแก้ไขจะทำให้งานนั้นเกิดปัญหากับองค์การอย่างใหญ่หลวง ดังนั้น ผู้วิเคราะห์ความสำคัญของปัญหาควรจะนำงานที่มีปัญหามาจัดลำดับเรียงความจำเป็นหรือความต้องการก่อนหลัง หรือลำดับความสำคัญเพื่อจะได้ทำการฝึกอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับงานนั้น ๆ ก่อนหลังตามลำดับความสำคัญของปัญหา
ขั้นที่ 3 กำหนดหัวข้อการฝึกอบรม คือ การกำหนดเนื้อหาสาระที่ต้องการให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้รับความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและทัศนคติ ที่จะนำไปใช้ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยปกติแล้วเมื่อได้มีการกำหนดงานที่มีปัญหา และจะต้องแก้ไขโดยการฝึกอบรมแล้ว ขึ้นตอนต่อไปจะเป็นการกำหนดหัวข้อของการฝึกอบรมว่าหัวข้ออะไรที่จะช่วยในการแก้ไขงานที่มีปัญหาและอุปสรรค เพราะงานที่มีปัญหาบางงานอาจจะต้องใช้หัวข้อวิชาเดียวหรือหลายวิชาผสมผสานกัน ขึ้นอยู่กับปัญหาว่ามีความสลับซับซ้อนมากน้อยเพียงใด โดยพิจารณาว่าหัวข้อต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ในการแก้ปัญหาในการทำงานด้วยการฝึกอบรมนั้นจะต้องชัดเจน และสะท้อนให้เห็นปัญหาของงานได้อย่างดีจนสามารถทำให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถเปลี่ยนพฤติกรรม และสามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต
ขั้นที่ 4 กำหนดวัตถุประสงค์ของหัวข้อในการฝึกอบรม ในการฝึกอบรมแต่ละครั้งควรระบุให้ชัดเจนว่า หัวข้อวิชาที่จะทำการฝึกอบรมนั้นมีวัตถุประสงค์ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกิดการเรียนรู้หรือ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในลักษณะใดหลังจากเข้ารับการฝึกอบรมให้เนื้อหาเหล่านั้น และวัตถุประสงค์ของแต่ละหัวข้อ และแต่ละเนื้อหาเมื่อรวมกันควรเป็นวัตถุประสงค์ของโครงการฝึกอบรมในภาพรวม
ขั้นที่ 5 กำหนดแนวทางการฝึกอบรม คือ การกำหนดว่าภายในเนื้อหาแต่ละหัวข้อควรประกอบด้วยหลักการ หลักทฤษฎีแนวความคิดอะไรบ้างที่จะให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้รับความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และทัศนคติ ตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่กำหนดไว้ เพราะการกำหนดแนวทางการฝึกอบรมจะช่วยให้วิทยากรรู้ว่าจะต้องเตรียมตัวในการถ่ายทอดความรู้ในเรื่องอะไร และเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนของเนื้อหาวิชา
ขั้นที่ 6 กำหนดวิธีการฝึกอบรม เทคนิควิธีการฝึกอบรมจะเป็นเครื่องมือที่ทำให้การฝึกอบรมประสบความสำเร็จได้ เพราะบุคลากรที่เข้ารับการฝึกอบรมโดยปกติจะเป็นผู้ใหญ่ ฉะนั้น การกำหนดเทคนิควิธีการฝึกอบรมจึงต้องเหมาะสมกับวัย และเทคนิควิธีแต่ละเทคนิควิธีจะมีจุดเด่นและจุดด้อยภายในตัวเอง ผู้จัดทำโครงการฝึกอบรมจะต้องวิเคราะห์ดูว่าเทคนิควิธีใดเหมาะสม หรืออาจจะใช้หลาย ๆ เทคนิควิธีในการถ่ายทอดความรู้ได้ ถ้าสามารถเลือกเทคนิควิธีที่เหมาะสมก็จะทำให้เข้ารับการฝึกอบรมเกิดการเรียนรู้ มีทักษะ และทัศนคติที่ดีต่อการฝึกอบรม ตลอดจนเป็นการประหยัดทั้งเงินและเวลาในการฝึกอบรมอีกด้วย
ขั้นที่ 7 กำหนดระยะเวลาของแต่ละหัวข้อ ในการกำหนดว่าหัวข้อหรือเนื้อหาแต่ละเรื่องนั้น ควรมีระยะเวลามากน้อยเพียงใดอยู่ที่ลักษณะของเนื้อหาวิชานั้น ๆ การกำหนดระยะเวลาของแต่ละหัวข้อจะทำให้วิทยากรสามารถเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสม ไม่ทำให้เยิ่นเย่อ และน่าเบื่อหน่วย
ขั้นที่ 8 การเตรียมตารางการฝึกอบรม หลังจากได้มีการกำหนดหัวข้อวิชา วัตถุประสงค์ แนวทางในการฝึกอบรมและระยะเวลาการฝึกอบรมแล้ว ควรมีการจัดเตรียมตาราง การฝึกอบรม ซึ่งอาจจะเป็นรายวัน รายสัปดาห์หรือรายเดือนก็ได้ ขึ้นอยู่กับความยาวของหลักสูตร การฝึกอบรม ในการฝึกอบรมแต่ละครั้งจะมีการจัดส่งหัวข้อการฝึกอบรมให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทราบล่วงหน้า แต่ละรายละเอียดของแต่ละหัวข้อผู้เข้ารับการฝึกอบรมทราบในแต่ละวัน เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้ทราบว่า ในวันนั้น ๆ จะมีการฝึกอบรมหัวข้ออะไร ช่วงเวลาไหน ใครเป็นวิทยากร และจะใช้เทคนิควิธีการฝึกอบรมอย่างไร สถานที่และห้องที่ใช้ในการฝึกอบรมที่ไหน
ขั้นที่ 9 การเตรียมข้อแนะนำ โดยทั่ว ๆ ไปจะเริ่มตั้งแต่การแสดงความยินดีกับบุคลากรหรือบุคคลที่ได้รับการฝึกอบรม การแนะนำสถานที่จัดการฝึกอบรม สถานที่พัก รายชื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมทั้งหมด ตารางการฝึกอบรมอย่างกว้าง ๆ รายชื่อวิทยากร รายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการฝึกอบรม
ขั้นที่ 10 การกำหนดการ ในการดำเนินการฝึกอบรมนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้มีความยืดหยุ่น ในการดำเนินงานเพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเกิดการเรียนรู้ และปฏิกิริยาการสนองตอบในทางสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแต่ละวันอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนตารางการฝึกอบรมเพ่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของหลักสูตร
ขั้นที่ 11 การวัดผลการเรียน เมื่อสิ้นสุดการฝึกอบรมในแต่ละหัวข้อวิชาหรือเสร็จสิ้นการฝึกอบรมทั้งหลักสูตร ควรมีการทดสอบผู้เข้ารับการฝึกอบรมว่ามีความรู้ ความเข้าใจและทัศนคติตามวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมหรือไม่ โดยอาจใช้แบบทดสอบและถ้าเป็นไปได้ควรแจ้งผลความก้าวหน้า และผลของการทดสอบให้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้ทราบทุกคนเมื่อเสร็จสิ้นการฝึกอบรม
ขั้นที่ 12 การประเมินผลการฝึกอบรม การประเมินผลการฝึกอบรมจะทำให้ฝ่ายดำเนินงานสามารถรู้ผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ของการฝึกอบรม เช่นโครงการสถานที่ วิทยากร กิจกรรม ฯลฯ ว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เหมาะสมหรือไม่ และผลการประเมินจะทำให้ได้รับข้อมูลมาปรับปรุงการจัดการฝึกอบรมในครั้งต่อไป
2.3 การประเมินหลักสูตรฝึกอบรม
ได้จัดลำดับขั้นตอนของการประเมินหลักสูตรอบรมไว้ 6 ประการ ดังนี้
2.3.1 การประเมินเอกสารหลักสูตรฝึกอบรม เป็นการตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างหลักการจุดมุ่งหมาย โครงสร้าง จุดประสงค์ เนื้อหา การจัดประสบการณ์การฝึกอบรมและการประเมินว่ามีมากน้อยเพียงใด ข้อกำหนดในการใช้หลักสูตรฝึกอบรมมีความชัดเจนในการปฏิบัติการหรือไม่ เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย และระดับการศึกษาหรือไม่ การประเมินแบบนี้มักจะใช้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ
2.3.2 การประเมินระบบหลักสูตรฝึกอบรม เป็นการประเมินหลักสูตรฝึกอบรมทั้งระบบพร้อมกัน โดยการตรวจสอบหลักสูตรว่าบรรลุจุดประสงค์หรือไม่ จุดประสงค์มีความเที่ยงตรงหรือไม่ หลักสูตรที่วางไว้เหมาะสมกับผู้เข้ารับการฝึกอบรมหรือไม่ เนื้อหาสาระเหมาะสมหรือไม่ วิธีการฝึกอบรมสอดคล้องกับจุดประสงค์หรือไม่ โดยใช้รูปแบบการประเมินหลักสูตรฝึกอบรม
2.3.3 การประเมินระบบบริหารหลักสูตรฝึกอบรม เป็นการประเมินผลโครงการฝึกอบรม ที่จะช่วยให้ทราบว่า การใช้หลักสูตรนั้น บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือไม่ เช่น การเตรียมความพร้อมขององค์กรในการใช้หลักสูตรฝึกอบรม การจัดเตรียมงบประมาณการฝึกอบรม เป็นต้น
2.3.4 การประเมินผลสัมฤทธิ์ผู้เข้ารับการฝึกอบรม เป็นการประเมินคุณภาพ ความรู้ ทักษะ และเจตคติของผู้เข้ารับการฝึกอบรมตามเกณฑ์ และมาตรฐานที่กำหนดในหลักสูตรนั้น ๆ
2.3.5 การประเมินวิทยากรที่มาให้ความรู้ เป็นการประเมินเทคนิคและวิธีการฝึกอบรมว่าบรรลุจุดประสงค์หรือไม่ซึ่งเป็นการประเมินความสามารถในการฝึกอบรมของวิทยากร ที่จะบ่งชี้ว่ากระบวนการฝึกอบรมได้ดำเนินไปสู่ความมุ่งหมายของหลักสูตร
2.3.6 การประเมินติดตามผลผู้สำเร็จหลักสูตรฝึกอบรม เป็นการศึกษาสถานภาพของผู้สำเร็จหลักสูตรการฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ เช่น ความรู้ความสามารถ ทักษะ และเจตคติต่ออาชีพ หรือตำแหน่งหน้าที่ของตน ความสามารถในการปฏิบัติงาน การแก้ปัญหา และการปรับตัวให้เข้ากับสังคมในองค์กร เป็นต้น
แหละนี่ก็เป็นเรื่องราวต่าง ๆ ของหลักสูตรฝึกอบรมที่เล็กกลั่นกรองด้วยความตั้งใจมากมาย อยากให้ผู้อ่านมีความสุขกับการอ่านเรื่องหลักสูตรฝึกอบรมนะคะ
อ๊ะ อ๊ะ ...... ยังค่ะ ยังไม่จบนะ ยังมีตัวอย่างหลักสูตรฝึกอบรมดี ดี มาฝากอีก ติดตามได้ในตอนต่อไปนะคะ
ไม่มีความเห็น