Suicide prevention
สิ่งที่ได้เรียนรู้
วัตถุประสงค์
- เพื่อศึกษาระบาดวิทยาของการฆ่าตัวตาย (Epidemiology of suicide)
- เพื่อศึกษาการกระทำที่เหมาะสมในการการป้องกันการฆ่าตัวตาย (Interventions available to prevention suicide)
- Thailand experiences
ความหมาย
Attempted suicide – not die, self harm (deliberate self harm)
Commit suicide – die
สาเหตุ (Etiology)
- Most suicide problem is from mental health problem such as schizophrenia, psychosis
จากผลการศึกษาในปี 2002-2006 พบว่า อัตราการทำร้ายตัวเอง มากกว่า 1 ครั้ง (Repeated self harm) ลดลง, ผู้หญิงทำร้ายตัวเองมากกว่าผู้ชาย, ผู้ชายตายมากกว่าผู้หญิง และพบอัตราการทำร้ายคนอื่นเพิ่มขึ้นด้วย
Distribution in Thailand ในปี 2006 พบว่า
- อัตราการฆ่าตัวตายของประชากรภาคเหนือมีมากกว่าภาคอื่นๆ
- กลุ่มอายุที่เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในวัยกลางคนมากที่สุดคือ 30-39 ปี รองลงมาคือช่วงอายุ 20-29 ปี และคนที่แต่งงานแล้วมี Commit suicide มากที่สุด
- อาชีพ พบว่า ผู้ใช้แรงงานมีมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ เกษตรกร และนักศึกษา ตามลำดับ
- วิธีการทำร้ายตัวเอง ได้แก่ 1. Intoxication – pesticide และ 2. Drug over dose
- บริการที่จัดให้เพื่อแก้ปัญหา ได้แก่ ส่วนใหญ่เป็นการให้คำปรึกษา (Counseling) รองลงมาคือแนะนำญาติ (advice relatives)
- สถานการณ์ (Circumstance) ที่นำไปสู่ self harm พบว่า ปัญหาเรื่องสัมพันธภาพเป็นปัญหาใหญ่ พบมากที่สุดคือ การถูกตำหนิ (Being condemn), รองลงมาคือ การทะเลาะวิวาทกับคนใกล้ชิด (Quarrel with closed ones) และการคบชู้ นอกใจ (love affairs problem)
- บุคคลที่มีความขัดแย้งกัน มากที่สุดคือ คู่ครอง คนรัก (Spouse) รองลงมาคือแม่ พ่อ พี่น้อง ลูกหลาน ตามลำดับ
- Self harm behavior พบว่า wanted to die 41% และ repeated 25%
- 20% ของ self harm persons มีโรคอื่นร่วมด้วย (Co-morbidity) ดังนี้ ส่วนใหญ่เป็นโรคทางจิต รองลงมาคือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ปวดศรีษะ และ HIV ตามลำดับ
เหตุผลการของการมีชีวิตอยู่และไม่ทำร้ายตนเอง ได้แก่
- การเป็นห่วงคนในครอบครัว คนที่ตนรัก
- คิดว่าตนเองยังมีคุณค่า มีเป้าหมายที่อยากทำอยู่
- มีความมั่นใจในตนเองว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้
- ยอมรับและเข้าใจธรรมชาติของปัญหา
- เป็นบาป และผิดหลักศาสนา
- กลัวคนอื่นจะหาว่าเป็นคนอ่อนแอ
ระบาดวิทยาของการฆ่าตัวตาย ในปี 2007-2008 จาก รง.506 DS มบ.1
- พบว่าในปี 2007 มี 3701 ราย และปี 2008 มี 2865 ราย
- พบมากที่สุดในภาคเหนือ รองลงมาคือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ตามลำดับ
- พบในเพศชาย(74.5%) มากกว่าเพศหญิง (25.5%)
- พบในอายุ 30-39 ปี มากที่สุด รองลงมาคือ 40-49 ปี, 20-29 ปี,50-59 ปี, 60-69 ปี, มากกว่า 70 ปี และ 10-19 ปี ตามลำดับ
- ปี 2007 พบว่า อาชีพที่มีการฆ่าตัวตายมากที่สุดคือ เกษตรกร (ร้อยละ 36.1) รองลงมาคือ ผู้ใช้แรงงาน (ร้อยละ 34.7) และคนไม่มีงานทำ (ร้อยละ 4.8)
- ปี 2008 พบว่า วิธีการฆ่าตัวตายมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ การผูกคอตาย (ร้อยละ 60), สารกำจัดวัชชพืช (ร้อยละ 12) และ ยาฆ่าแมลง (ร้อยละ 10)
- เหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุของการฆ่าตัวตายในปี 2008 มากที่สุดคือ ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ (ร้อยละ 39.9) รองลงมาคือ มีโรคทางกาย/ทางจิต (ร้อยละ 39.6) มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ (ร้อยละ 9.6) และไม่ทราบสาเหตุ (ร้อยละ 26.0)
การป้องกันการฆ่าตัวตาย
- Air way ได้แก่ populations approach โดย Public education
- Ground way โดย ค้นหากลุ่มเสี่ยง/ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย โดยใช้ screening for depression (15 items)และ screening for suicide (10 items)
Combined high risk & population approaches to suicide prevention โดยจัด campaign, ประชาสัมพันธ์ทางสื่อ (media) หรือด้านนโยบาย (policy intervention) เช่น ลดภาษี, คัดกรอง (mass screen)
High risk group ได้แก่ เพศชาย อายุ 20-50 ปี ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่
- มีความขัดแย้งในครอบครัว
- มีโรคเรื้อรัง/ เป็นโรคทางจิต, เป็นโรคที่รุนแรง
- Depression score > 6
- ถูกตำหนิ
- ติดสุรา
และขาดปัจจัยป้องกัน เช่น ไม่มีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ และไม่มีความเชื่อในเรื่องศาสนา
การป้องกันการฆ่าตัวตายต้องใช้ความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นๆ นอกเนือจากหน่วยงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข ดังนั้นจึงมีการผสมผสาน บูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ ด้วย หน่วยงาน 3 อันดับแรก ที่มีความร่วมมือ มากที่สุดคือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ร้อยละ 83.33), หน่วยงานของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ร้อยละ 76.19) และกระทรวงศึกษาธิการ (ร้อยละ 73.81)
ได้มีความพยายามแก้ปัญหาโดยการคัดกรองผู้ป่วยซึมเศร้าในปี 2550-2551 เพิ่มขึ้น และ Standardized of practice โดยการเยี่ยมบ้านและการส่งต่อ
ข้อมูลเพิ่มเติม
- จำนวนผู้ที่ฆ่าตัวตายพบโดบแพทย์เพิ่มขึ้น ร้อยละ 15.8 ในปี 2548 และร้อยละ 17.7 และ 26.1 ในปี 2549 และ 2550 ตามลำดับ
- แพทย์ให้คำปรึกษาผู้ที่ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.4 ในปี 2548 และร้อยละ 15.9 และ 23.9 ในปี 2549 และ 2550 ตามลำดับ
- แพทย์ให้คำปรึกษาผู้ป่วยซึมเศร้า (depress) เพิ่มขึ้น ในปี 2548 ร้อยละ 7.8 และร้อยละ 27.0 และ 30.2 ในปี 2549 และ 2550 ตามลำดับ
- ระดับความมั่นใจต่อทักษะการให้คำปรึกษาของแพทย์ ในปี 2548-2549 ได้คะแนนเฉลี่ย 2.5 จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน
- ระดับความมั่นใจต่อทักษะการให้คำปรึกษาของพยาบาล ในปี 2548-2549 ได้คะแนนเฉลี่ย 4.3 จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน
Suicide prevention strategies (Mann, JJ et al. (2005), JAMA 2005; 2064-74.
สาเหตุสำคัญของการฆ่าตัวตาย คือการมี Stressful life event หรือมี Mood or other psychiatric disorder ทำให้เกิด suicidal ideation และเกิดเป็น Suicide act
การประเมินผลและการติดตามผล
- บุคลากรและภาคีต้องมีทักษะ
- กระบวนการต้องมีตุณภาพและประสิทธิภาพ
- มีการเข้าถึงบริการที่ได้ผล
- ดูผลกระทบทางเศรษฐกิจ
การประเมินผล
- ขนาดของปัญหาลดลง
- การสูญเสียทางเศรษฐกิจลดลง
- ปัจจัยเสี่ยงลดลง
ผู้ที่ฆ่าตัวตายมีความเกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้าและมาพบแพทย์ไม่มากนัก การค้นหากลุ่มเสี่ยงโดยการคัดกรองภาวะเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายของบุคคลในชุมชุน นำเข้าสู่ระบบการรักษา ร่วมกับการเข้าไปให้ความรู้เบื้องต้นแก่ประชาชนทั่วไป เป็นวิธีการป้องกันการฆ่าตัวตายที่มีน่าจะให้ผลดีและประสิทธิภาพที่สุด