21 กันยายน 2553 เริ่มการประชุมประมาณ 9 00 น. ตรง โดย น. ส ปรีดาวรรณ บุญมาก พยาบาลวิชาชีพ ระดับชำนาญการ พิธีกรประจำวัน แนะนำวิทยากร รศ สิวลี ศิริไล การทำงานปัจจุบัน เป็น ภาคีเครือข่ายสมาชิกราชบัณฑิตประเภทปรัชญา (สาขาจริยศาสตร์) เป็นกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน ฐานะคนนอก และนักจริยศาสตร์ อนุกรรมการพิจารณาการศึกษาในคน กระทรวงสาธารณสุข แพทยสภา และสถาบันอื่นๆ
เริ่มต้นอาจารย์ ออกตัวว่า เป็นคนโบราณ จึงใช้การสอนแบบง่ายๆ เป็นแผ่นใส แทน Power point ให้ผู้เข้าประชุมปรับกระบวนทัศน์ของการวิจัย ลืมเรื่องการวิจัยเก่าๆ เพื่อเปิดรับแนวคิดวิจัยใหม่ๆ ที่ต้องให้การวิจัยเป็นไปอย่างน่าเชื่อถือ ตามหลักจริยธรรม โดยเฉพาะการทำวิจัยในมนุษย์
หลักจริยธรรมสากลที่เป็นพื้นฐานการขอความยินยอม
1. การเคารพการเป็นมนุษย์ (Respect for person) ต้องตระหนักใน
2. การเกิดประโยชน์ (beneficence)
3. ความยุติธรรม (Justice)
เอกสารสำคัญ
ในต่างประเทศ เอกสารคำอธิบายโครงการวิจัยแก่ผู้ยินยอม (participant information sheet) กับเอกสารยินยอม โดยได้รับการบอกกล่าว (Informed consent form)จะเป็นชุดเดียวกัน คือ ส่วนแรกเป็นการอธิบายรายละเอียดของโครงการวิจัย และส่วนท้ายเป็นการลงนามของผู้ยินยอม โดยมีข้อความระบุว่าได้อ่านจนเป็นที่เข้าใจ ชัดเจนดี แล้ว แต่ในประเทศไทยนิยม แยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นเอกสารคำอธิบายรายละเอียดโครงการวิจัยแก่ผู้ยินยอม ส่วนที่ 2 แยกเป็นเอกสารยินยอมโดยได้รับการบอกกล่าว (Informed consent form) ซึ่งเป็นข้อความที่เน้นสาระสำคัญ เป็นประเด็นๆ และผู้ยินยอมลงนามตอนท้าย
ข้อแนะนำ การเขียนเอกสารคำอธิบายโครงการวิจัยแก่ผู้ยินยอม
ข้อควรคำนึง ในการใช้ภาษา
บรรยากาศการตลอดการบรรยาย มีความสนุกสนาน เรียกเสียงหัวเราะจากผู้เข้าประชุมเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง จากการยกตัวอย่างประกอบ การบรรยายของอาจารย์
ช่วงสุดท้ายเป็นการเปิดโอกาสให้ซักถาม ได้รับความสนใจ ซักถามเรื่องการสังเกตพฤติกรรมการทำความสะอาดมือ การนำข้อมูลจากเวชระเบียนมาใช้ ที่ต้องขอความยินยอมจากผู้ป่วย ซึ่งเป็นเจ้าของเวชระเบียน และผลกระทบ ที่จะมาสู่สถาบัน รวมทั้งต้องระวังขั้นตอนในการนำเวชระเบียนมาศึกษา ต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจนเขียนไว้
บ่ายโมงเศษๆ เข้าสู่เนื้อหาในช่วงบ่าย เรื่อง ประเด็นการพิจารณาในกลุ่มอ่อนด้อย (Dealing with Vulnerable Population) โดยนพ เกษม ตันติพลาชีวะ ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรม สาขาจิตเวชศาสตร์
วิทยากร ทักทายผู้เข้าอบรม แล้วเข้าสู่เนื้อหา
Vulnerable Population คือ กลุ่มอ่อนด้วย หมายถึง คนที่มีโอกาสได้รับอันตราย หรือ ถูกเอาเปรียบ ปกป้องตัวเองไม่ได้ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ กฏหมาย
กลุ่มอ่อนด้อย ได้แก่ คนตั้งครรภ์ ทารกในครรภ์ เด็ก นักโทษ บุคคลผู้ซึ่งพิการทางกาย ทางใจ ขาดโอกาสทางการศึกษา คนป่วยหนัก คนที่อยู่สถานสงเคราะห์
กลุ่มอ่อนด้อย ต้องได้รับความคุ้มครอง ใน 2 เรื่อง คือ เคารพตัวบุคคล และความยุติธรรม
กลุ่มอ่อนด้อย ที่ต้องได้รับความคุ้มครอง
1 เด็ก ขาดความสามารถที่จะเข้าใจแนวคิด อยู่ภายใต้การปกครองของพ่อแม่ ครู เด็กถูกขู่เข็ญบังคับได้ง่าย
2. พิการทางจิต (Disability /Handicapper Mental Disability) ขาดการเข้าใจการใช้เหตุผล
3. Prisoners in Research กลุ่มนักโทษ ถูกบังคับขู่เข็ญง่าย ในการทำวิจัย ต้องแจ้งเหตุผล เพราะอะไร จำเป็นที่จะศึกษาในกลุ่มนี้ กลุ่มอื่นไม่ได้ เช่น สภาพจิตใจถูกขัง จิตใจดีขึ้นหรือไม่
4. Pregnancy มีความเสี่ยง ต้องได้รับความคุ้มครองพิเศษ ไม่ชักนำให้ทำแท้ง ผู้วิจัยต้องไม่มีส่วนยุติการตั้งครรภ์ การมีชีวิต แม่ หรือเด็ก
5. คนพิการ (Handicapped) ความบกพร่องของร่างกาย
6. กลุ่มผู้ป่วยใกล้ตาย (Terminal Illness) หมดหวัง ทำให้ยอมรับเงื่อนไขได้ง่าย
คำถามสุดท้ายในการประชุม ถามว่า คนไข้ระยะสุดท้ายใครควรเป็นผู้อธิบาย Informed consent form แก่ผู้ป่วย คำตอบ บอกว่า ต้องไม่ใช่ผู้วิจัย เป็นคนอธิบาย
หลังจากการบรรยายเสร็จสิ้นลง อาจารย์นายแพทย์ทนง มอบของที่ระลึกให้อาจารย์ เกษม และ กล่าวปิดการประชุม
พร้อมกับถ่ายรูปร่วมกันกับผู้อบรมบางส่วน ก่อนเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
21 กันยายน 2553
ไม่มีความเห็น