K1
คลินิกผู้ป่วยเรื้อรัง (HT,DM) PCU บ้านควน
Plan
จากปัญหายอดผู้ป่วยสูงขึ้น แออัดที่โรงพยาบาล และส่วนหนึ่ง Loss Follow up ขาดการรักษาที่ต่อเนื่อง ทำให้ขาดยา เกิดปัญหาภาวะแทรกซ้อน คือ Stroke ,CVA และอีกส่วนหนึ่งที่พบ DM,HT จากการคัดกรองในชุมชนแล้ว สอ.Refer ไปรพ. แต่ผู้ป่วยไม่ยอมไปยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม เพราะยังไม่มีอาการเนื่องจากการไม่เข้าถึงบริการไม่กล้าไปโรงพยาบาล ไม่คุ้นชินและไม่มีใครไปส่ง ไปรับ ทำให้เหมือนภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ใต้น้ำ พบโรคแล้วแต่ไม่รักษา รักษาแล้วแต่ไม่ต่อเนื่อง เกิดปัญหาผู้พิการมากมาย จากการวิเคราะห์ปัญหาด้านผู้ป่วยคือ มีจำนวนมากขึ้น วิธีการดูแลไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต เดินทางลำบาก การมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลผู้ป่วยมีน้อย ขาดความรู้เรื่องโรค เป็นภาระพึ่งพิงของครอบครัว และด้านระบบบริการ พบว่า มีปริมาณปัญหามากเป็นอันดับต้น ๆ การดูแลรักษาเป็นไปอย่างรีบเร่งแข่งกับเวลา ทีมผู้ให้บริการหมุนเวียนไม่ซ้ำหน้า ผู้ป่วยได้รับการนัดนานขึ้น
Do
ปี 2551 มีโครงการ CUP ละล้านทางโรงพยาบาลหลังสวนได้จัดคลินิก DM,HT ใน สอ.ขึ้น และนำคนไข้ที่แออัดที่โรงพยาบาลโดยการคัดกรองจากแพทย์ เลือกเฉพาะผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน สามารถรับบริการที่ สอ. สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ซึ่งก่อนดำเนินการได้วิเคราะห์ข้อมูล ทั้งด้านศักยภาพของสถานีอนามัยด้านศักยภาพของบุคลากร และพัฒนาคุณภาพการให้บริการรวมทั้งศักยภาพของชุมชน คือ ต้องประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนทราบและชุมชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน เช่น อสม. เป็นแกนนำในการติดตามผู้ป่วยขาดนัด คือ ถ้ามีผู้ป่วยขาดนัดทางสถานีอนามัยจะแจ้ง อสม. ภายใน 2-3 วัน และติดตามให้ผู้ป่วยมาในสัปดาห์ต่อไป
Check
ผลการติดตามผู้ป่วย Loss Follow up ได้ผล 100 % พบปัญหาอุปสรรค คือ ลูกหลานไม่ดูแล ไม่รับ-ส่ง แต่ อสม.จะรับมาเป็นภาระเอง (เฉพาะราย) และ อสม. ยังเป็นจิตอาสามาช่วยชั่งน้ำหนัก วัดความดัน ในวันที่มีคลินิก โดยไม่มีค่าตอบแทนและไม่ได้ร้องขอจาก สอ. จากการประเมินความพึงพอใจของคลินิกโรคเรื้อรังพบว่า ผู้ป่วยมีความสะดวกและพอใจในการรับบริการและนอกจากการให้บริการในคลินิกแล้วยังมีบริการเยี่ยมบ้านโดยทีมสหวิชาชีพ มีแพทย์ พยาบาล นวก.สาธารณสุข นักกายภาพบำบัด พยาบาลจิตเวช ทำให้ทราบปัญหาของผู้ป่วย และให้บริการได้สอดคล้องกับวิถีชีวิตจากการสำรวจความพึงพอใจ พบว่าผู้ใช้บริการมีความพึงพอใจ ร้อยละ 80.06 ควบคุมความดันโลหิตและเบาหวานได้ ร้อยละ 88.46 และ ร้อยละ 88 ตามลำดับ
Action
ผลดีที่ได้รับคือ ทำให้ผู้ป่วยที่ไม่เข้าถึงบริการได้รับการบริการ ผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อน ไม่มีผู้พิการเพิ่มขึ้น และยังมีโครงการฟื้นฟูผู้พิการ ทำให้ผู้พิการทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่นอนติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองได้ 100% และทำให้ชุมชนเห็นถึงศักยภาพของบุคลากรจึงมีการสนับสนุนงบประมาณด้านการส่งเสริมและป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง
K2
การดูแลรักษาผู้ป่วย DM และ HT เดิมที่ รพ.หลังสวน
ปัญหาของผู้ป่วย
- มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
- วิธีการดูแลรักษาไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต
- เดินทางมารักษาที่รพ. ลำบาก
- การมีส่วนร่วมในการดูแลตนเองของผู้ป่วยและชุมชนยังมีน้อย
- ขาดความรู้ในโรคของตนเอง
- เป็นภาระพึ่งพิงของครอบครัว
ปัญหาของระบบบริการชุมชน
- โรคเรื้อรังเป็นปัญหาอันดับต้นๆ มีปริมาณมาก
- การดูแลรักษาเป็นไปอย่างเร่งรีบ แข่งขันกับเวลา
- ทีมผู้ให้การรักษาหมุนเวียนตลอด/สัมพันธภาพระหว่างผู้ป่วยกับบุคลากรทางการแพทย์ไม่ดี ไม่สามารถให้การดูแลแบบองค์รวมได้ทั่วถึง
- ผู้ป่วยได้รับการนัดที่นานขึ้น
- โดยดำเนินการในกลุ่มผู้ป่วย ที่เป็นความดันโลหิตสูงที่มารับบริการที่รพ.ประมาณ 2,000 ราย ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า “ โครงการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูงกลุ่มเสี่ยง” โดยมีงานผู้ป่วยนอก รพ.หลังสวน เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ โดยมีขั้นตอนการดำเนินงานดังนี้
1. คัดเลือกผู้ป่วยที่เน้น Med HT โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลต่อการดูแลตนเอง ไม่มีปัญหาในการสื่อสาร มีความพร้อมและสมัครใจเข้าร่วมกิจกรรม
2. ให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมโดยเน้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการฝึกเอง ทำเอง เรียนรู้เอง โดยแบ่งฐานกิจกรรมเป็น 5 ฐาน มีทีมสหวิชาชีพเป็นผู้ดูแลประจำแต่ละฐานกิจกรรม โดยแบ่งเป็นฐานกิจกรรม 5 ฐาน คือ
ฐานที่ 1 เมื่อคนไข้กล้าเป็นคุณหมอ (ฝึกวัดความดันด้วยตนเอง)
ฐานที่ 2 รับรู้ดัชนีมวลกาย (คิดเอง คำนวณเอง)
ฐานที่ 3 ฝึกลมปราณกับนวดแผนไทยและกรออกกำลังกาย
ฐานที่ 4 กินยาอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
ฐานที่ 5 บริโภคอย่างไรให้ปลอดภัย
- ประเมิน Risk Factor หาโรคที่ร่วมด้วย
- มองหาสาเหตุของ Second dairy HT
- ตรวจหา Target organ damage
- การตรวจตามห้องปฏิบัติการ จากหลักการการดูแลผู้ป่วย HT ดังกล่าวนำสู่โครงการย่อยๆ อีก 4 โครงการ P.1. โครงการแยกกลุ่ม HT ตามปัจจัยเสี่ยงประเมินตามปัจจัยเสี่ยงที่มีผลการพยากรณ์โรค คือ - CVD - ความเสี่ยงของอวัยวะต่อ TOD - โรคร่วม DM, CVD, ไต - ตรวจ Lab ทุกราย ทุกปี - แพทย์ประเมินความเสี่ยงโดยร่วม P.2. การดูแลกลุ่มเสี่ยง - ประเมินพฤติกรรมสุขภาพโดยพยาบาล - ทีมสหวิชาชีพร่วมกันดูแล (แพทย์, พยาบาล, เภสัช, โภชนากร,แพทย์แผนไทย) โดยให้ครอบครัวมีส่วนร่วม - จัดตั้งแกนนำ (Self Help Group) P.3. เข็มมุ่งสู่ชุมชน - เตรียมผู้ป่วยก่อนลงชุมชน - จัดโครงการส่งเสริมสุขภาพการดูแลตนเอง - เข้าร่วมกิจกรรมค่าย HT และสร้างแกนนำ โดยมีพี่เลี้ยงจาก รพ.หลังสวนและสถานีอนามัย P.4. ส่งต่อผู้ป่วย ลงสู่สถานีอนามัย (ใกล้บ้าน ใกล้ใจ ใส่ใจโรค) ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ “ความดันทันยุค” โดยให้สถานีอนามัยนำร่อง เป็นผู้เก็บตัวชี้วัด |
ผลการดำเนินงานที่ได้รับ ข้อ 1 = 72% ข้อ 2 = 80% ข้อ 3 = 0% ข้อ 4 = 86% |
5. ระยะที่ 4 ต่อยอดของโครงการลงสู่ PCU อื่น และมีการพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยใหม่ โดยเพิ่มการดูแลผู้ป่วย DM เข้าร่วมด้วย โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ภายใต้ Concept ที่ว่า “คิดใหม่ ทำใหม่ โดนใจ ใกล้ตัว” โดยลักษณะของการดำเนินการ เป็นลักษณะทีมที่เชื่อมโยงระหว่างรพ.กับ PCU โดยเจ้าหน้าที่ต้องมีคุณสมบัติ หน้าเดิม มีใจ คุ้นพื้นที่
K3
โครงการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้พิการโดยชุมชน
เครือข่ายโรงพยาบาลหลังสวน
Plan
ปัญหาจากโรคเรื้อรัง หลอดเลือดสมองทำให้มีผู้พิการทางการเคลื่อนไหวมากขึ้น (อัมพาต อัมพฤกษ์) ปี 2552 อ.หลังสวน มีผู้พิการทั้งหมด 628 คนเป็นผู้พิการทางการเคลื่อนไหว 269 คน ร้อยละ 42.83 สถานีอนามัยตำบลบ้านควน เป็นสถานีอนามัยนำร่องด้านการฟื้นฟูผู้พิการโดยศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูทางการแพทย์ มาตั้งแต่ปี 2539 มีผู้พิการทั้งหมด 43 คน เป็นประเภทการเคลื่อนไหว 18 คน คิดเป็นร้อยละ 41.86 และเป็นผู้พิการที่เกิดจากโรคหลอดเลือดสมองร้อยละ 80 ทำให้มีนวัตกรรมศูนย์กายอุปกรณ์ขึ้นเมื่อปี 2551
Do
จัดทำโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้พิการโดยชุมชนในเครือข่ายโรงพยาบาลหลังสวน รวม 10 สถานีอนามัย โดยการอบรม อสม. เพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้พิการ (อสม.ก.) สถานีอนามัยละ 3 คน และ สอ.บ้านควนหมู่ละ 1 คน จำนวน 13 คน โดยให้ชุมชนมามีส่วนร่วมในการดูแลผู้พิการแบบครบวงจร มีนักกายภาพบำบัด แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู เป็นวิทยากรให้ความรู้ และมีทีมเยี่ยมบ้านโดยสหวิชาชีพ ในพิ้นที่นำร่องคือ ตำบลบ้านควน มี อสม.ก. เยี่ยมบ้านผู้พิการ โดยใช้แบบประเมินการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (The Barthel Activity of Daily Index) เป็นเครื่องมือในการปฎิบัติงาน และจะมีการติดตามหรือให้คำปรึกษาโดยนักกายภาพบำบัดโรงพยาบาลหลังสวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข(รับผิดชอบงานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้พิการของสถานีอนามัยนั้นๆ
Check
จากการฟื้นฟู โดยทีมสหวิชาชีพ อสม.ก ญาติ และชุมชน พร้อมกับมีศูนย์กายอุปกรณ์สำหรับแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในพื้นที่พบว่าในเขตสถานีอนามัยตำบลบ้านควน ผู้พิการมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ช่วยเหลือตัวเองได้ในชีวิตประจำวัน ไม่นอนติดเตียง ร้อยละ 100 และยังไม่มีผู้พิการเพิ่มขึ้นในปี 2553
Action
โครงการฟื้นฟูผู้พิการโดยชุมชนยังคงทำต่อเนื่องและได้รวบรวมกลุ่มภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือดูแล เช่น การประดิษฐ์กายอุปกรณ์ การแพทย์พื้นบ้าน และอบรมติดตาม อสม.ก อย่างต่อเนื่อง รวมถึง การติดตามในพื้นที่อื่น ๆใน CUP หลังสวนโดยการประสานระหว่าง โรงพยาบาลหลังสวน สาธารณสุขอำเภอหลังสวน และ สถานีอนามัยในเครือข่าย และยังมีการประสานกับหน่วยงานภายนอกเพื่อการช่วยเหลือด้านอื่น เช่น การขึ้นทะเบียนผู้พิการ ประสานงานกับ พมจ. และ อบต.
อ่านแล้ว ชอบจังเลยคะ ว่าจะแอบเอาไปใช้บ้าง ขอบคุณคะ
ใช้แล้วได้ผลยังงัยส่งข่าวด้วยนะซีอิ๊ว