ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ (ภมิปัญญาการทอผ้าไหมบ้านโนนใหญ่)
1.ข้อมูลด้านประวัติส่วนตัว
ชื่อ... นางหวาน อ่อนเฉวียง
เชื้อชาติ... เชื้อชาติ ไทย สัญชาติ ไทย ศาสนา พุทธ
วัน/เดือน/ปีเกิด... - 2501 อายุ 52 ปี
ที่อยู่ปัจจุบัน... 258 หมู่ที่ 6 บ้านโนนใหญ่ ตำบลหนองทอง อำเภอไทรงาม
จังหวัดกำแพงเพชร โทรศัพท์ 08 6 - 8271489
ชื่อบิดา... นายแล่ พุทธจง
ชื่อมารดา... นางวาล พุทธจง
สถานภาพปัจจุบัน... คู่สมรส นายอ่อนจันทร์ อ่อนเฉวียง มีบุตร 4 คน
คติการทำงาน... ทำงานเพื่อส่วนรวมด้วยความตั้งใจ
สิ่งที่คาดหวังในอนาคต... อยากให้ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ และอยู่อย่างมีความสุข
การดำเนินชีวิต... ดำเนินชีวิตแบบพอเพียง
2.ข้อมูลงานด้านความมั่นคง
ป้าหวาน อ่อนเฉวียง เป็นชาวอีสาน อารมณ์ดี มีบุคลิกสนุกสนาน ตั้งใจทำงานด้วยความทุ่มเท จริงใจกับงานที่ได้ทำเสมอ เป็นผู้อุทิศตน และเสียสละเวลาให้กับชุมชนที่ตนอาศัยอยู่ จึงเป็นที่รักใคร่ ไว้วางใจของพี่น้องชาวบ้านหมู่ที่ 6 บ้านโนนใหญ่ ตำบลหนองทอง และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ป้าหวานมีสมาชิกในครอบครัวที่เข้าใจท่านเสมอ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วป้าหวานจะเป็นผู้เสียสละเวลาให้กับงานส่วนรวมมากกว่างานส่วนตน
ปัจจุบันอาชีพหลักของป้าหวาน ก็คือ อาชีพเกษตรกรรม (ทำนา) ส่วนอาชีพเสริม คือ การทอผ้า และป้าหวานก็ได้รับเลือกให้เป็น
r ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง หมู่ที่ 6 บ้านโนนใหญ่
q เป็นตัวแทนเข้ารับการสัมมนา การมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชนในการป้องกันการทุจริต ตามโครงการประชาศึกษาและชุมชนสัมพันธ์
r เป็นตัวแทนในการในการเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรความรู้เบื้องต้นทางกฎหมาย และการไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาทแก่ผู้นำหมู่บ้าน กลุ่มเยาวชน กลุ่มเกษตรกร และประชาชนทั่วไป
3.ข้อมูลด้านจุดเริ่มต้นของการทอผ้า
นางหวาน อ่อนเฉวียง หรือที่ทุกคนในหมู่บ้านโนนใหญ่ เรียกกันว่า แม่ใหญ่หวาน เริ่มทอผ้าตั้งแต่ยังเป็นเด็ก คือเห็นแม่ทอก็เลยหัดทอบ้างเพราะว่าชอบ แต่ป้าหวานมาเริ่มจริงจังกับการทอผ้าเมื่ออายุประมาณ 20 ปีกว่าๆ แต่เดิมเป็นการทอผ้าย้อมสีเคมี ผ้าที่ทอทำให้ขายไม่ดี ราคาก็ไม่ดี
ปี พ.ศ. 2543 กลุ่มทอผ้าไหมสีธรรมชาติได้เข้าร่วมโครงการ ( ฝ้ายแกมไหม ) ภายใต้การส่งเสริมของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้ารับการอบรมและศึกษาดูงานหลายแห่ง โดยเน้นการผลิตผ้าทอมือจากสีธรรมชาติ ทั้งผ้าไหมและผ้าฝ้าย
ปี พ.ศ. 2546 ป้าหวาน ได้รับการอบรมการย้อมสีธรรมชาติจากสถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
จุดสำคัญที่ทำให้ผ้าทอมือเป็นที่รู้จักแพร่หลาย เริ่มจากกลุ่มทอผ้า หมู่ที่ 6 บ้านโนนใหญ่ ตำบลหนองทองได้นำผ้ามัดหมี่ไปเสนอให้มูลนิธิศิลปชีพในพระบรมราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พิจารณา ณ พระราชตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ในปี พ.ศ. 2525 จึงได้รับความสนใจ จากนั้นมูลนิธิฯ ได้มอบหมายให้กลุ่มดำเนินการผลิตผ้าไหมทอมือตามแบบ และลายผ้าที่ต้องการส่งเข้าไปถวาย ณ พระตำหนักสวนจิตรลดา ในนามมูลนิธิศิลปะชีพเรื่อยมา
ด้วยความเป็นผู้มีเชื้อสายจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงทำให้มีความสามารถด้านการทอผ้าเป็นอย่างดี เป็นเหตุให้ในปี 2525 มีการจัดตั้งกลุ่มอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมที่หมู่ที่ 6 บ้านโนนใหญ่ ตำบลหนองทอง อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งปี พ.ศ. 2542 ได้รับการส่งเสริมเงินทุนหมุนเวียนกลุ่มอาชีพจากองค์การบริหารส่วนตำบลหนองทอง หมู่ละ 50,000 บาท เป็นทุนจัดซื้ออุปกรณ์การผลิต เช่น วัตถุดิบ กี่ทอผ้า และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และส่งใช้คืนภายใน 4 ปี ซึ่งปัจจุบันได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมเป็นหมู่บ้านละ 100,000 บาท รายได้โดยเฉลี่ยของสมาชิก 2,000 – 2,500 บาท ต่อเดือน ปัจจุบันผลิตและจำหน่ายทั่วไปทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด
ปัจจุบันได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเครือข่ายผ้าย้อมสีธรรมชาติของจังหวัดกำแพงเพชร และป้าหวาน หรือ นางหวาน อ่อนเฉวียง ประธานกลุ่ม ฯ ได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานเครือข่าย มีสมาชิกเป็นกลุ่มทอผ้าย้อมสีธรรมชาติ จำนวน 20 กลุ่มสร้างรายได้ให้แก่สมาชิกของกลุ่มเป็นอย่างดี
4.ข้อมูลด้านการรวมกลุ่มอาชีพ
ด้วยความหลากหลายทางด้านวิถีชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในอำเภอไทรงาม ประกอบกับภูมิปัญญาที่ทรงคุณค่าของในท้องถิ่น จึงทำให้เกิดการพัฒนาอย่างบูรณาการ ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถในชุมชนรวมตัวกันก่อตั้งกลุ่มอาชีพขึ้น โดยการสนับสนุนของทางราชการหลายหน่วยงาน การรวมกลุ่มอาชีพในพื้นที่ไทรงามนั้น ทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ ประชาชนมีงานทำ และเป็นอยู่อย่างพอเพียง ทั้งนี้ อำเภอไทรงามมีกลุ่มอาชีพที่สำคัญอยู่อย่างหลากหลาย หลายกลุ่ม เช่น กลุ่มผลิตผ้าทอมือย้อมสีธรรมชาติ กลุ่มปุ๋ยน้ำสูตรใหม่ กลุ่มสตรีพัฒนา เป็นต้น
กลุ่มผลิตผ้าทอมือย้อมสีธรรมชาติ
เริ่มก่อตั้งในหมู่ที่ 6 บ้านโนนใหญ่ ตำบลหนองทอง อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร เมื่อปี พ.ศ. 2525 เริ่มต้นมีสมาชิกก่อตั้ง 43 คน ต่อมาในปี พ.ศ. 2543 แยกหมู่บ้านเป็นหมู่ที่ 10 บ้านโนนใหญ่พัฒนา และมีสมาชิกจากหมู่ที่ 5 บ้านลานกระดี่ และหมู่ที่ 9 บ้านสมบูรณ์พัฒนา มาร่วมกิจกรรมด้วย รวมมีสมาชิกทั้ง 4 หมู่บ้าน จำนวน 79 คน ดังนี้
หมู่ที่ 5 บ้านลานกระดี่ มีสมาชิกจำนวน 25 คน โดยมีนางอำนวย เลาะไธสง เป็นประธานกลุ่ม
หมู่ที่ 6 บ้านโนนใหญ่ มีสมาชิกจำนวน 20 คน โดยมีนางหวาน อ่อนเฉวียง เป็นประธานกลุ่ม
หมู่ที่ 9 บ้านสมบูรณ์พัฒนา มีสมาชิกจำนวน 20 คน โดยมีนางบังอร มีสกุล เป็นประธานกลุ่ม
หมู่ที่ 10 บ้านโนนใหญ่พัฒนา มีสมาชิกจำนวน 14 คน โดยมีนางบัวสอน เหมือนไธสง เป็นประธานกลุ่ม
ปัจจุบันมีเงินกองทุนบริหารกลุ่ม จำนวน 90,000 บาท โดยมีคณะกรรมการบริหารกลุ่มประกอบด้วย
5.ข้อมูลด้านอื่นๆ
1) ผ้าไหมท้องถิ่นมีกี่ลาย
ป้าหวานบอกว่า ถ้าพูดถึงลายของผ้าไหมแล้วมีเป็นพันๆ ลาย แล้วแต่ว่าเราจะจินตนาการเป็นลายแบบใหนมากกว่า ( ตามความต้องการของเราหรือของผู้ทอนั่นเอง ) และป้าหวานยังบอกอีกว่าถึงแม้ตัวของป้าจะแก่ยังไง แต่ก็ยังคงอนุรักษ์ผ้าไทยไว้ และก็จะบอกลูกหลานให้ศึกษา อนุรักษ์ผ้าไทยไว้ต่อไป
2) ลายผ้าไทยที่ทอยากคือลายอะไร
ป้าหวานบอกว่า แล้วแต่คนที่จะทอ เพราะว่าถึงแม้ลายที่ทอนั้นมันจะยากขนาดใหน แต่ถ้าคนที่ทอเขามีความตั้งใจที่อยากจะทอจริงๆ เขาก็จะทอให้ได้ จนประสบผลสำเร็จนั่นเอง
3) ผ้าไทยราคาประมาณเท่าไร
ป้าหวานบอกว่า ผ้าบางผืนราคาประมาณ 3,000 – 4,000 บาท แต่บางพื้นก็ประมาณ 1,000 กว่าบาท (แล้วแต่ชนิดของผ้า ความละเอียด ประณีต และความสวยงามของผ้าแต่ละผืนนั่นเอง)
6.ข้อมูลเพิ่มเติม
เมื่อวันเสาร์ ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553 กลุ่มของข้าพเจ้าได้ไปลงพื้นที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับโครงงานภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งกลุ่มของข้าพเจ้าก็เลือกทำโครงงานเกี่ยวกับการผลิตผ้าทอมือจากสีธรรมชาติ
โดยสถานที่ที่กลุ่มของข้าพเจ้าเลือกที่จะไปเก็บข้อมูลคือ บ้านโนนใหญ่ ตำบลหนองทอง อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งกลุ่มทอผ้าหรือผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยที่กลุ่มของข้าพเจ้าเลือกไปเก็บข้อมูลนั้นมีชื่อกลุ่มว่า ( วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าแม่หูกทองบ้านโนนใหญ่ )
เราเริ่มเดินทางออกจากมหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชรในเวลา 13.00 น. และไปถึงที่หมายหรือบ้านโนนใหญ่ ในเวลา 14.00 น. พอเราไปถึงบ้านป้าหวาน หรือบ้านของประธานกลุ่มทอผ้าแม่หูกทองบ้านโนนใหญ่นั่นเอง ป้าหวานก็เอาน้ำเย็นๆ มาต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี พอได้ดื่มน้ำเย็นแล้วรู้สึกชื่นใจจริงๆ เพราะว่าอากาศร้อนมาก
ป้าหวานเป็นคนอารมณ์ดี อัธยาศัยดีมาก สนุกสนาน และก็เป็นคนที่เสียสละเวลาให้กับงานส่วนรวมมากกว่างานส่วนตน ป้าหวานเล่าให้ฟังว่า นายกทักษิณ ชินวัตร เคยมาที่บ้านของแกด้วย และป้าหวานก็มอบผ้าไหมให้ท่าน นายกทักษิณ ชินวัตร 1 ผืน และป้าหวานก็ยังเคยมอบผ้าไหมให้กับหม่อมเจ้าพีรเดชอีกด้วย บางครั้งป้าจะไปเชียงใหม่ไปเป็นวิทยากรเกี่ยวกับการย้อมผ้าจากสีธรรมชาติถึง 10 วัน ป้าหวานบอกว่าแกเป็นคนที่ชอบทำงานส่วนรวม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จึงเอาป้าไปอบรม และจะรู้จักป้าในนามย้อมสีธรรมชาติ ซึ่งในตอนนั้นตลาดหลักของป้าคือ สวนจิตรลดา
ป้าหวานยังเล่าให้ฟังว่า อย่างผ้าซิ่นเนี่ยถ้าทอจะต้องทอ 4 เส้น ถึงจะออกมาเป็นลาย แต่ถ้าเกิน 4 เส้น ก็จะไม่ใช่คือว่า ลายจะผิดเพี้ยนไปเลย ส่วนผ้าสโหร่งไหมนั้นคนอีสานจะใช้รับลูกเขยตอนขึ้นบ้าน สำหรับผู้หญิงถ้าเป็นลูกสะใภ้คนไทย จะต้องคัดผ้าไหมที่สวยที่สุดเพื่อไหว้ ปู่ ย่า ต้องให้ผู้ใหญ่แก่ฝ่ายชาย เพราะผ้าไหมเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุด สวยที่สุด และสำคัญมาก ถ้าจะแต่งงานแล้วจะทำเครื่องไหมเรียกว่า ( เครื่องสมมา ) ที่เลี้ยงไหมต้องสะอาด ล้างมือก่อนให้อาหารไหมจะทำให้ใยไหมมีความสวย และป้ายังเล่าให้ฟังอีกว่า ป้าได้ไปย้อมผ้าที่เชียงใหม่โดยย้อมจากเปลือกมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งมอร์แด๊นของป้าคือ น้ำปูนใส ได้สีโอรส ป้าหวานบอกว่าย้อมจากเปลือกมะพร้าวน้ำหอมที่เชียงใหม่ได้ ( สีโอรส ) ย้อมที่กำแพงเพชรได้สีน้ำตาล เพราะน้ำไม่เหมือนกัน ป้าบอกว่าฝรั่งจะชอบกันมาก
ป้าหวานบอกว่า ที่ศูนย์หม่อนไหมตากนั้นมีการอบรมเกี่ยวกับการเลี้ยงไหม ตอนนี้ที่ศูนย์หม่อนไหมตากจะเอาไหมมาเลี้ยง เพื่อให้คนได้เข้าไปศึกษา เข้าไปอบรม และก่อนจะเข้าไปอบรมเขาก็จะให้ล้างมือก่อน และในขณะที่ป้าหวานพูดเกี่ยวกับเรื่องของหม่อนไหมนั้น ก็มีสมาชิกในกลุ่มถามป้าหวานขึ้นมาว่า ศูนย์หม่อนไหมปัจจุบันนี้มีอยู่ที่ไหนบ้าง? ป้าหวานก็ตอบว่า ( ก็มีอยู่ที่ น่าน ตาก อุตรดิตถ์ โคราช ) แต่ถ้าทางเหนือก็จะมีแค่ ตาก , น่าน , อุตรดิตถ์ สำหรับใบหม่อนนั้นสามารถใช้ได้หลายอย่าง ชาใบหม่อนก็ได้ แม้กระทั่งผักบุ้งก็สามารถนำมาย้อมสีได้ด้วย ป้าหวานเป็นคนชอบอนุรักษ์สีย้อม และการย้อมสีจากธรรมชาติจะดีกว่าการย้อมสีจากเคมี
ป้าหวานได้พาพวกเราไปดูผ้าไหมต่างๆ รวมถึงขั้นตอนต่างๆ ในการทำเพื่อให้ได้เส้นไหมมา จนไปสู่กระบวนการของการทอผ้าชนิดต่างๆ ด้วยกัน เมื่อพวกเราได้เห็นขั้นตอนต่างๆ ทำให้ได้รู้ถึงคุณค่าของภูมิปัญญาเกี่ยวกับผ้าทอมือที่ย้อมจากสีธรรมชาติว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ล้ำค่าจริงๆ เพราะกว่าจะได้เส้นไหมแต่ละเส้นนั้นต้องมีกระบวนการขั้นตอนในการทำเยอะเหมือนกัน เช่น รังไหมนั้น จะเอาไว้ให้ไหมทำรัง ซึ่งไหมตัวสีเหลืองนั้นจะสุกแล้ว จะทำรังภายใน 1 วัน แล้วเอาผ้าปิดไว้ เพราะมันอายทำรัง และให้อาหารวันละ 3 เวลา
เวลาต้มไหม จะต้องรอน้ำที่ใส่ลงในหม้อให้มันร้อนก่อนแล้วค่อยใส่ไหมลงไป จะใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที มันก็จะคลายเป็นเส้นๆ แล้วเอาไม้ตีๆ ก็จะสามารถเสาไหมได้เลย พอไหมหมดอายุก็จะเพาะเลี้ยงใหม่ ( เพาะไว้ 7 วัน ก็จะออกไข่ ) ถ้าผสมกันปุ๊บ ก็จะแยกตัวผู้ กับตัวเมียออกจากกัน
เม็ดคำแสด 1 ขีด ต่อไหม 1 ใจ ( 1 ใจ หมายความว่า ไหม 1 ขีด ) ส่วนไหมเปลือกนอก หรือไหมน้อย คือ เอาเปลือกนอกออกแล้ว ก็จะได้ไหม 100 %
ป้าหวานได้ทิ้งท้ายว่า เด็กสมัยนี้กับเด็กสมัยก่อนนั้นไม่เหมือนกัน ป้าแกเล่าว่า เมื่อตอนเป็นเด็กพ่อกับแม่ไปทำนา ป้าแกต้องเลี้ยงน้อง ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ก็เลยนั่งทอผ้า จึงเกิดเป็นทักษะติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้
ปัญหาและอุปสรรค์ในการเก็บข้อมูล
ระหว่างการเดินทางไปเก็บข้อมูลนั้น ได้มีฝนตกลงมาจึงทำให้การเดินทางล่าช้า
ข้อมูลละเอียดมากค่ะ