เป็นครั้งแรกที่ได้ไปสัมภาษณ์ ภาคค หลังจากสอบติดภาคข เช้าวันที่ 5 กันยายน 53 เดินทางออกจากบ้าน (เมืองพล) ตั้งแต่เช้าถึงอบต.ปะเคียบประมาณ 8.30 น ลงทะเบียนแล้วนั้งรอ เป็นคนลำดับที่ 45 จากทั้งหมด 52 คน ได้เข้าสอบตอน 11.45 น. มีคำถาม 2 ข้อคือ
1. แนะนำตัว ประวัติ การทำงาน
2. อยากพัฒนาสิ่งใดเป็นอยากแรก
สอบสัมภาษณ์...ก้อแล้ว.....กลับบ้านนั่งรอประกาศผลสอบ ณ.วันนี้ยังไม่ประกาศผลเลย
สิ่งที่ได้จากการไปสัมภาษณ์ ....ในครั่งนี้ คือ
1. การแต่งตัว เราทำงานในงานเอกชนซะจนเคยชิน ...ก็เลยไปสัมภาษณ์โดยการใส่กางเกงแต่เป็นกางเกงผ้าและเสื้อเชิ๊ตก็ดูสุภาพเรียบร้อยนะไม่น่าจะผิดระเบียบอะไร และไปสัมภาษณ์ตำแหน่งพัฒนาฯ น่าจะดูทะมัดทะแมง (หรือไม่ คิดเอาเอง)....แต่เมื่อไปถึงสนามสอบ เฮ้ย...ทุกคนที่เป็นผู้หญิงเค้าใส่กระโปรงกันหมดเลย...เราเป็น 1 หรือ 2 คน(จากที่มองสำรวจ) ที่ใส่กางเกง...นึกในใจเราไม่น่าเลย มาสอบงานราชการควรจะใส่กระโปรงมาให้มันดูเรียบร้อยกว่านี้นะ....
2. การเตรียม แฟ้มผลงาน (Portforio) อาจจะเป็นจุดหนึ่งที่สำคัญเรามองข้ามไป เราเห็นผู้รอสัมภาษณ์บางคนก็ถือ Portrorio ไปด้วย เราก็นึงว่ามันก็เป็นจุดหนึ่งที่จะทำให้เรา Present ตัวเองได้จากภาพได้นอกเหนือจากคำพูดของเราแล้ว ........ทำให้ผู้สัมภาษณ์มองเห็นภาพ และเข้าใจมากขึ้น....ไม่ได้กลับไปเราต้องไปทำ Portfori ของตัวเองซะแล้ว
ก็เลยได้ไปลองค้นหา มาดูซิเค้าเตรียมตัวกันอย่าไรบ้าง.........
การสอบภาคความรู้ความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ภาค ค.) |
|
การสอบภาคความรู้ความเหมาะสมกับตำแหน่ง คือการสอบภาค ค. หรือการ สอบสัมภาษณ์ นั้นเอง |
|
1. ความสำคัญของการสอบสัมภาษณ์ การสอบสัมภาษณ์มีความสำคัญมากด้วยเหตุผลดังนี้คือ |
|
|
1.1
กรณีที่ผู้เข้ารับการสอบสัมภาษณ์ผ่านการสอบข้อเขียนแล้ว
การสอบสัมภาษณ์จะเป็นด่านสุดท้ายที่จะชี้ขาดว่าผู้สอบจะสอบได้หรือสอบตก
|
2. วัตถุประสงค์ของการสัมภาษณ์ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญดังนี้ คือ |
|
|
2.1
เพื่อพิจารณาบุคลิกลักษณะว่าจะเหมาะสมกับตำแหน่งหรือไม่
|
3. การอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ |
|
|
การสอบสัมภาษณ์เป็นการสอบด้วยการสนทนาหรือพูดคุยกัน ดังนั้นผู้เข้าสอบควรจะทบทวนเตรียมความรู้หรือข้อมูลในส่วนที่เป็นวิชาการหรือเนื้อหาต่าง ๆ ที่ได้เตรียมไว้แล้วในการเตรียมตัวเข้าสอบข้อเขียน ซึ่งอาจจะใช้เวลาครั้งละ 10 – 30 นาที แล้วแต่กรณี หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า การเตรียมตัวเข้ารับ การสอบสัมภาษณ์จำเป็นต้องทบทวนความรู้ และข้อมูลบางประการมิใช่เข้าสอบโดยมิได้ทบทวนความรู้หรือข้อมูลอะไรเลย |
4. ลักษณะคำถามที่ใช้ในการสอบสัมภาษณ์ |
|
|
ประเภทที่ 1
เป็นคำถามอิสระแล้วแต่กรรมการสอบสัมภาษณ์จะเลือกตั้งคำถามขึ้นเองได้ตามความเหมาะสม
|
5. การแต่งกายเพื่อเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ |
|
|
5.1 แต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย
สีไม่ฉูดฉาด และไม่มีลวดลาย
|
6. การรายงานตัวเพื่อเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ การรายงานตัวที่ดีควรเป็นดังนี้ |
|
|
6.1 ชาย
ยืนตรงแล้โค้งคำนับอย่างสวยงาม หญิง
ยืนตรงแล้วก้มตัวลงไหว้อย่างนอบน้อม โดย
ทำความเคารพกรรมการสอบสัมภาษณ์คนที่เป็นอาวุโสหรือประธาน
หากไม่แน่ใจว่ากรรมการท่านใดเป็น
ผู้อาวุโสหรือประธาน
อาจทำความเคารพไปยังตรงกลางที่บรรดากรรมการนั่งอยู่
ไม่ควรจะทำความเคารพ ทีละคนเพราะจะดูรุ่มร่าม
แต่ถ้ามีกรรมกรเพียง 2 คน
ก็อาจพออนุโลมให้ทำความเคารพทีละคนได้
แต่ถ้ากรรมการสอบสัมภาษณ์นั่งอยู่คนเดียวก็หมดปัญหาไป
|
7. การวางตัวในขณะกำลังเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ |
|
|
ตามปกติการสอบสัมภาษณ์จะเป็นการคุยกันระหว่างผู้ใหญ่ (กรรมการ) กับผู้น้อย (ผู้เข้าสอบ) ดังนั้น ผู้เข้าสอบพึงวางตัวสำรวมเป็นการให้เกียรติหรือความเคารพแก่กรรมการ ไม่พึงวางตัวเสมอหรือทำตัวเหนือกว่า เพราะจะทำให้กรรมการขาดความเมตตาต่อผู้เข้าสอบได้ การวางตัวอย่างสำรวมนั้น หมายความว่า วางตัวอย่างสงบ ใบหน้ายิ้มน้อย ๆ พูดด้วยเสียงที่ดังพอประมาณ ไม่ค่อยเกินไปจนไม่ได้ยิน ไม่ดังจนเกินไปจนเป็นการตะโกน เสียงที่พูดไม่สั่นหรือประหม่า หากเกิดอาหารเสียงสั่นหรือประหม่า อาจแก้ไขด้วยการหายใจยาว ๆ ลึก ๆ เข้าปอดให้เต็มสัก 3 – 5 ครั้ง สายตา ไม่ควรเหม่อขึ้นบนหรือเหม่อลงล่าง ควรมองที่ใบหน้าของกรรมการที่บริเวณกึ่งกลางระหว่างคิ้วหรือริมฝีปาก แต่ไม่ควรมองแบบจ้องเขม็ง |
8. การซักถามกรรมการในขณะกำลังเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ |
|
|
คนที่ตอบคำถามได้คล่องแคล่ว
วาจาฉะฉานย่อมเป็นที่พอใจของกรรมการสอบสัมภาษณ์มากกว่า
คนที่ตอบคำถามอย่างติดขัดหรืออ้ำอึ้ง
กรณีกรรมการสอบสัมภาษณ์ซักถามในบางคำถามที่ผู้เข้าสอบตอบไม่ได้
หรือ ตอบไม่ได้ดี อาจทำให้เกิดอาการงงหรือเกร็ง
นั่งนิ่งอึ้ง
พูดไม่ออกซึ่งจะเป็นเหตุให้ผู้เข้าสอบเสียคะแนน
เพื่อป้องกันมิให้เกิดอาการดังกล่าว
เมื่อผู้เข้าสอบเผชิญสถานการณ์เช่นนั้น ควรจะปฏิบัติตนดังนี้
|
9. การถูกยั่วยุในขณะกำลังเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ |
|
|
การสอบสัมภาษณ์มีวัตถุประสงค์ประการหนึ่ง คือ ต้องการทดสอบอารมณ์ของผู้เข้าสอบว่าจะมีขีดความสามารถในการควบคุมอารมณ์ได้ดีเพียงใด กรรมการอาจตั้งคำถามหรือใช้ข้อความบางอย่างยั่วยุให้เกิดอารมณ์โกรธ เกลียด เสียใจ หรือน้อยใจ ผู้เข้าสอบบางคนเกิดความสะเทือนใจอย่างมากถึงกับร้องไห้ต่อหน้ากรรมการก็มี เช่น หญิงหม้ายบางคนซักถามถึงชีวิตครอบครัว กรรมการบางคนพยายามใช้ถ้อยคำซักถามต้อนให้ ผู้เข้าสอบพูดในสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจจนผู้เข้าสอบเกิดอาการอึดอัด บางทีกรรมการใช้ถ้อยคำในลักษณะเป็นเชิงดูหมิ่น เพื่อให้โกรธ ในสถานการณ์เหล่านี้พึงทำใจให้สงบ สบาย ๆ พยายามยิ้มเข้าไว้แม้ว่า จะ เป็นการฝืนยิ้มก็ตาม |
10. การเกิดอารมณ์ขันในขณะกำลังเข้ารับการสอบสัมภาษณ์ |
|
|
ในการสอบสัมภาษณ์ครั้งใดหากผู้เข้าสอบสามารถพูดคุยหรือสนทนาจนกรรมการยิ้ม หัวเราะหรือเกิดอารมณ์ ขอให้สบายใจได้ว่าจับทางกรรมการถูกต้อง และถ้าผู้เข้าสอบสามารถตอบคำถามได้คล่องแคล่วถูกต้อง คะแนนสัมภาษณ์ในครั้งนี้จะต้องดีแน่นอน อย่างไรก็ดี การมีอารมณ์ขันก็มีขอบเขตจำกัดคือ ควรจะมีอารมณ์ขันในอาการสำรวม ไม่ควรปล่อยให้มีอารมณ์จนดูเสียบุคลิกหรือมารยาทไป มิฉะนั้น กรรมการอาจจะมองว่าผู้เข้าสอบเป็นคนเจ้าสำราญ ไม่เอาจริงเอาจัง ขี้เล่น จนไม่ว่าไว้ใจว่าจะมีความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน ถ้าเผอิญเกิดอารมณ์ขันสุดขีดจนหัวเราะไม่หยุด ควรจะรีบนึกถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงจัง เพื่อน้อมใจให้สงบ เสร็จแล้วควรจะขออภัยกรรมการด้วย |
11. กรณีที่กรรมการสอบสัมภาษณ์ไม่ค่อยซักถาม |
|
|
บรรยากาศปกติของการสัมภาษณ์น่า จะ เป็นว่ากรรมการถาม ผู้เข้าสอบตอบและสนทนากันไป โดยผู้เข้าสอบควรดูสีหน้าของกรรมการประกอบด้วยว่า ยังคงให้ความสนใจที่จะฟังคำตอบของตนเรื่องนั้น ๆ หรือไม่ หากดูทีท่ากรรมการไม่สนใจที่จะฟังคำตอบอาจจะหยุดเพื่อเปิดโอกาสให้กรรมการซักถามต่อ อาจจะเป็นเพราะว่ากรรมการเหนื่อยเนื่องจากสอบสัมภาษณ์มาทั้งวัน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะเกิดสภาพแบบต่างฝ่ายต่างนิ่ง สภาพเช่นนี้ไม่เป็นผลดีแก่ผู้เข้าสอบ กรรมการอาจจะเห็นว่าพูดไม่คล่องไม่น่าฟังไม่น่าประทับใจ หรืออาจจะเชิญผู้เข้าสอบลุกขึ้นและบอกว่าเสร็จแล้ว การป้องกันและแก้ปัญหาเช่นนี้ ควรจะทำโดยผู้เข้าสอบเป็นฝ่ายเริ่ม พูดขึ้นก่อน เช่น ขอเสริมคำพูดในบางประเด็นที่ได้พูดไปแล้วแต่เห็นว่ายังไม่ชัดเจนหรือแม้ว่าจะเสนอข้อเท็จจริง หรือความเห็นบางอย่างให้กรรมการรับทราบก็ยังได้ ทั้งนี้ เพื่อให้การสนทนาดำเนินต่อไปได้ |
12. เมื่อการสอบสัมภาษณ์ยุติลง |
|
|
เมื่อกรรมการสอบสัมภาษณ์บอกว่า การสอบสัมภาษณ์เสร็จแล้วให้ท่านกล่าว ขอบคุณ ลุกขึ้น แล้วทำความเคารพอย่างนอบน้อม โอกาสนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่ผู้เข้าสอบจะตักตวงคะแนนจากการสอบสัมภาษณ์ ดังนั้นจึงไม่ควรรีบลุกขึ้นด้วยอาการลุกลี้ลุกลนจนขาดความสง่างาม |
|
|
13. หลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้คะแนน |
|
|
เมื่อผู้เข้าสอบลุกขึ้นและโค้งคำนับหรือไหว้ออกไป กรรมการจะพิจารณาคะแนนทันที ปกติ จะไม่มีผู้ใดสอบสัมภาษณ์ตก ยกเว้นผุนั้นบุคลิกลักษณะและการพูดจาโต้ตอบแย่จริง ๆ กรรมการอาจจะให้สอบ ตกได้ ในทางตรงกันข้ามปกติจะไม่มีผู้ใดสอบสัมภาษณ์ได้เต็ม ยกเว้นผู้นั้นจะมีบุคลิกลักษณะจากการพูดจาโต้ตอบ เป็นที่ประทับใจกรรมการจริง ๆ เพื่อป้องกันมิให้มีการเปรียบเทียบในการสอบสัมภาษณ์มากเกินไป ทางราชการนิยมกำหนดคะแนนต่ำสุด และคะแนนสูงสุดที่กรรมการแต่ละคนจะให้ได้ เช่น คะแนนสอบสัมภาษณ์เต็ม 100 คะแนน กรรมการจะให้คะแนนต่ำสุด 75 คะแนน และคะแนนสูงสุด 85 คะแนน หากจะให้คะแนนต่ำหรืสูงกว่า จะต้องให้เหตุผลในช่องหมายเหตุไว้
การพิจารณาให้คะแนนผู้เข้าสอบสัมภาษณ์ของกรรมการแต่ละคน
อาจจะใช้ดุลพินิจแตกต่างกันไป
แต่อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า ผู้เข้ารับการสอบสัมภาษณ์ที่ได้คะแนนดี
มักจะเป็นเช่นนี้
|
ไม่มีความเห็น