การจะทำวิจัยและพัฒนาสักหนึ่งเรื่อง ควรต้องตอบคำถามอย่างน้อย 3 ข้อให้ได้ คือ
ผศ.ดร.ณรงค์ พุทธิชีวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 25 สิงหาคม 2553) กล่าวถึงการสร้างสรรค์งานวิจัยในระดับบัณฑิตศึกษา ว่า การสร้างมิติใหม่ที่ทำให้การวิจัยในระดับบัณฑิตศึกษาเกิดประโยชน์ทั้งแก่ตัวนักศึกษา อาจารย์ สถาบันการศึกษาและท้องถิ่น ต้องอาศัยบัญญัติ 10 ประการ ได้แก่
ดังนั้น สิ่งที่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ใช้ประโยชน์จากการวิจัยต้องการ คือ
การสร้างมูลค่าเพิ่ม (value creation) จึงมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นการทำกิจกรรมใดก็ตามที่เพิ่มมูลค่าของสินค้าและคุณค่าของบริการสำหรับลูกค้า
โดยสมการของมูลค่า (the value equation) มีดังนี้
RV = UV x CrV x ComV
เมื่อ RV = Recognized value
UV = Understood Value
CrV = Created Value
ComV = Communicated value
ซึ่งทั้ง UV, CrV และ ComV ต้องทำพร้อมกันเพื่อไม่ให้ RV มีค่าเท่ากับศูนย์ คือ ต้องมองลูกค้าเป็นหลัก สร้างคำตอบ และสร้างคุณค่าให้คนอื่นรับทราบ
ดังนั้นจากการรับฟังการบรรยายจาก ดร.นันทวัฒน์แล้ว ผู้เขียนมีความคิดเห็นว่าการทำวิจัยและพัฒนานั้น มีความหมายว่าเป็นการค้นคว้าหาคำตอบในสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์หรือปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้น และเมื่อได้คำตอบแล้ว ต้องนำไปสู่การนำไปใช้ประโยชน์ก่อให้เกิดการพัฒนา ซึ่งอาจเป็นประโยชน์กับใครก็ได้ แต่ควรเป็นไปในลักษณะที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน ที่เรียกว่า win-win ไม่ใช่ทำเพื่อเก็บไว้ขึ้นหิ้ง หรือทำแล้วเกิดประโยชน์กับคนกลุ่มหนึ่ง แต่ทำให้คนอีกกลุ่มหนึ่งเสียประโยชน์ โดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งเป็นบุคคลกลุ่มที่มีคุณค่าต่อประเทศชาติแต่มักถูกมองข้าม และถูกฉกฉวยผลประโยชน์อยู่เสมอ
ข้อมูลจากการบรรยายของ ดร.นันทวัฒน์ เกิดชื่น วันที่ 2 กันยายน 2553
เห็นด้วยกับความคิดของอาจารย์ ตอนนี้ก็กำลังทำ KM เรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มของงานวิจัยอยู่เช่นกันค่ะ