SAP
ความหมายของ SAP
SAP คือ โปรแกรมที่ช่วยจัดการสายงานทุกสายงานของธุรกิจให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ สามารถนำไปใช้ประกอบการดำเนินกิจกรรมของธุรกิจได้ และผู้บริหารสามารถเรียกดูข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลสถานะของบริษัทได้
กล่าวโดยสรุป SAP (System Application products) เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปทางธุรกิจประเภทERP (Enterprise Resource Planning) ของประเทศเยอรมันที่ใช้ควบคุมดูแลทุกสายงานของบริษัท
ความหมายและลักษณะของ ERP
ERP
(Enterprise Resource Planning) สามารถจัดการ Transaction Cycle
ได้หมดดังนี้
- Expenditure
- Conversion
- Revenue
- Financial
ERP
เป็น Software ที่ใช้ในการ Manage ได้ทั้งองค์กร โดยที่มี common
Database เก็บข้อมูลทุกอย่างไว้ที่เดียวกัน
เพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนของข้อมูล ทำให้มีประสิทธิภาพ มีการ Share
ข้อมูลสูงสุด
โดยแต่ละส่วนสามารถดึงข้อมูลส่วนกลางที่ตัวเองสนใจมาวิเคราะห์ได้ และ
สามารถที่จะ Integrate ได้หมดไม่ว่าจะเป็น Marketing Manufacturing
Accounting และ Staffing
ก่อนที่จะมีระบบ ERP นั้น
เดิมในวงการอุตสาหกรรมประมาณช่วงทศวรรษ 1960
ได้มีการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในส่วนของการผลิตทางด้านการคำนวณความต้องการวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต
หรือที่เรียกเป็นทางการว่าระบบ Material Requirement
Planning ( MRP )
ก็คือเราจะใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการบริหารและจัดการในส่วนของวัตถุดิบหรือ
Material ที่ใช้ในการผลิตเท่านั้น
ต่อมาในช่วงประมาณทศวรรษ 1970
ระบบการผลิตในอุตสาหกรรมมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นจึงมีการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในส่วนของการผลิตในด้านของเครื่องจักร
( Machine ) และส่วนของเรื่องการเงิน ( Money )
นอกเหนือไปจากส่วนของวัตถุดิบ
ซึ่งเราจะเรียกระบบงานเช่นนี้ว่า Manufacturing
Resource Planning ( MRP II )
จากจุดนี้เราพอจะมองเห็นภาพคร่าวๆ
ของการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการบริหารงานในอุตสาหกรรมได้
ดังที่มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านการจัดการหลายท่านได้กล่าวไว้ว่า
ระบบ MRP นั้นจะเข้ามาช่วยในการจัดการทางด้าน
Material ส่วนระบบ MRP II นั้นจะเข้ามาช่วยในการจัดการใน
M อีกสองตัวนอกเหนือจาก Material ก็คือ Machine และ
Money ซึ่งระบบ MRP II ที่ชื่อ TIMS
ของประเทศนิวซีแลนด์ จะมีเมนูหลักของ Module 3 Modules
หลักด้วยกันคือ Financial Accounting , Distribution
และ Manufacturing และใน Module ของ
Manufacturing จะมีส่วนของ MRP
รวมอยู่ด้วย
จะเห็นได้ว่าในการนำเอาระบบ MRP II
เข้ามาช่วยในองค์กรหนึ่งๆ นั้น
จะยังไม่สามารถซัพพอร์ตการทำงานทั้งหมดในองค์กรได้
นี่จึงเป็นที่มาของระบบ ERP ซึ่งจะรวมเอาส่วนของ M
ตัวสุดท้ายก็คือ Manpower
เข้าไปไว้ในส่วนของระบบงานที่เรียกตัวเองว่า ERP
นั่นเอง ดังนั้นระบบ ERP
จึงเป็นระบบที่ใช้ในการบริหารงานทรัพยากรทั้งหมดในองค์กร ( Enterprise
Wide ) หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ระบบ ERP
จะเป็นระบบที่ใช้ในการจัดการ 4 M ซึ่งจะประกอบไปด้วย
Material , Machine , Money และ
Manpower นั่นเอง
ดังนั้นถ้าเราเข้าไปดูที่เมนูหลักของระบบ ERP
เราจะพบว่ามีเมนูของทั้ง MRP และ MRP II
รวมอยู่ด้วยเพราะ ERP มีต้นกำเนิดมาจากระบบ
MRP และ MRP II นั่นเอง
ERP จะเน้นให้ทำ Business Reengineering เพื่อปรับปรุงระบบให้เข้ากับ
ERP ซึ่งจะแบ่ง Function Area เป็น 4 ส่วนหลักๆ คือ
1. Marketing Sales
2. Production And Materials Management
3. Accounting And Finance
4. Human Resource
แต่ละส่วนจะมี Business Process อยู่ในนั้น ซึ่งจะมีหลาย Business
Activity มาประกอบกัน เช่น activity การออก Invoice เป็น Activity
แต่ละ Activity จะไปต่อเนื่องกันหลายๆอันออกไปจนกลายเป็น Process
ที่เรียกว่า “Computer Order management” ซึ่งจะไปเกี่ยวข้องกับ
Functional Area ที่เรียกว่า “Marketing And Sale” Concept
หลักๆของ ERP คือ เอาทุกข้อมูลของแต่ละแผนกมา Integrate กัน เพื่อ
Share ข้อมูลกัน
ประวัติของ SAP
SAP ก่อตั้งที่ประเทศเยอรมันนี เมื่อปี 1972 (พ.ศ. 2515) สํานักงานใหญอยู่ที่ Walldorf, Germany โดยการรวมตัวกันของอดีตพนักงานบริษัท IBM และเจริญเติบโตจนกลายเป็นบริษัท software ที่ใหญ่เป็นอันดับ5ของโลก มีบริษัทที่มีการใช้ SAP มากกว่า 6,000 บริษัท ใช้มากกว่า 50 ประเทศ ใช้มากกว่า 9,000 site มีส่วนแบ่งในตลาด client/server software กว่า 31% มีผู้ใช้เพิ่ม 50% ต่อปี มียอดขาย SAP R/3 เพิ่มขึ้น 70% ต่อปี
เป้าหมายธุรกิจในเริ่มแรก เน้นลูกค้าที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ (Enterprise-scale) แต่ในปัจจุบันได้ขยายธุรกิจไปที่ลูกค้าขนาดเล็กและขนาดกลาง
ในปพ.ศ. 2532 SAPไดตั้งสํานักงานใหญประจําภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกที่ประเทศสิงคโปรเพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในเอเซียใตและประเทศย่านแปซิฟิก ต่อมาได้ขยายสาขาในภูมิภาคนี้ใน ออสเตรเลีย อินเดีย อินโดนิเซีย มาเลเซีย นิวซีแลนดฟิลิปปินสและประเทศไทย
กรกฎาคม พ.ศ. 2546 องคการโทรศัพท์แห่งประเทศไทยได้เลือกใช mySAP Supplier Relationship Management (SRM) เพื่อมาชวยในการจัดซื้อจัดจ้าง และก่อให้เกิด Supplier network ขึ้นมา โดยหวังว่าในที่สุดจะทําใหมีการจัดซื้อจัดจ้างที่รวดเร็วขึ้นและลดต้นทุนในการดําเนินธุรกิจได ซึ่งมีผลต่อ 10 บริษัทที่เป็นคูค้าขององค์การโทรศัพท
ลูกค้าที่สําคัญของ SAP ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกคือ Singtel, Tata Group of Companies, Siam Cement, Telom Asia, PT Astra, San Miguel, Uniliver, FAW-Volkswagen, Sony Computer Entertainment, 7-Eleven Stores, General Motors, Novartis
ผลิตภัณฑ์ของ SAP
ระบบ SAP ประกอบด้วย หลาย module
ของแต่ละส่วนของการจัดการที่เอามารวมกันและทำงานร่วมกัน
เนื่องด้วยตลาดและความต้องการของลูกค้าเป็นตัวกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของระบบ
มีบริษัท software
ที่พยายามสร้างโปรแกรมที่สนับสนุนแต่ละส่วนของธุรกิจ ในขณะที่ SAP
พยายามสร้าง software ที่เหมาะสม กับทุกธุรกิจ SAP
โดยให้โอกาสเลือกใช้แค่ระบบเดียวแต่สามารถทำงานได้กับทุกส่านของธุรกิจ
ทั้งยังสามารถติดตั้ง R/3 application มากกว่า 1
ตัวเป็นการเพิ่มความเร็วในการทำงาน SAPมีหลาย Module
มีหน้าที่ที่ต่างกัน แต่ทำงานร่วมกัน เป็นหนึ่งเดียว (แต่ละ Module
คือแต่ละส่วนของธุรกิจ) ผลิตภัณฑ์SAPมี 2 กลุ่ม คือ
1. SAP R/2 ใช้สำหรับเมนเฟรม
2. SAP R/3 ใช้กับระบบ Client/server
SAP เป็นบริษัทของ German แต่แยกการทำงานเป็น บริษัทย่อย, หุ้นส่วน,
และ พันธมิตรทางธุรกิจทั่วโลก
โมดูลแอพพลิเคชันหลักๆ ในระบบ SAP
1. FI Financial Accounting หรือโมดูลทางด้านบัญชีการเงิน
2. CO Controlling หรือโมดูลทางด้านบัญชีจัดการหรือบัญชีบริหาร
3. AM Fixed Assets Management หรือโมดูลทางด้านการจัดการสินทรัพย์ถาวร
4. SD Sale & Distributions หรือโมดูลทางด้านขายและการกระจายสินค้า
5. MM Material Management หรือโมดูลทางด้านการจัดการวัตถุดิบ
6. PP Production Planning หรือโมดูลทางด้านการวางแผนการผลิต
7. QM Quality Management หรือโมดูลทางด้านการจัดการด้านคุณภาพ
8. PM Plant Maintenance หรือโมดูลทางด้านการซ่อมบำรุงโรงงาน
9. HR Human Resource หรือโมดูลทางด้านการจัดการทรัพยากรบุคคล
10. TR Treasury หรือโมดูลทางด้านการบริหารการเงิน
11. WF Workflow หรือโมดูลทางด้าน Flow ของกระบวนการทำงาน
12. IS Industry Solutions คือส่วนระบบงานธุรกิจเฉพาะ
โดยที่ไม่ใช่โมดูลมาตรฐานของระบบ SAP R/3 ซึ่งจะมีทั้งระบบ Aerospace,
Automotive, Banking, Chemicals, Consumer Products, Engineering and
Construction, Healthcare, Higher
13. Education and Research, High Tech, Insurance, Media, Mill
Products, Oil and Gas, Pharmaceuticals, Public Sector, Retail,
Service Provider, Telecommunications, Transportation และ
Utilities
ความสามารถในการทำงานของ SAP
SAP ได้ออกแบบมาให้รองรับการดำเนินงานของธุรกิจ หรือหน่วยงาน
ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย ง่ายต่อการใช้งาน เช่น
1. รองรับการจัดทำระบบ Business Intelligence
โดยสามารถทำงานกับข้อมูลในระบบ SAP และไม่ใช่ระบบ SAP
2. การจัดทำเหมืองข้อมูล (Data mining)
3. การจัดทำคลังข้อมูล (Data Warehouse)
4. ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (Customer Relationship Management:
CRM)
5. Integration Business Planning แล้วส่งต่อข้อมูลไปในระบบ ERP
ซึ่งสามารถดูผล ผ่านทางโปรแกรม Web browser หรือ Excel ได้
6. การทำ Strategic Management, Balance Score Card
การติดตามและประเมินผล การดำเนินงานตามตัวชี้วัด (KPI)
การวิเคราะห์แนวโน้ม การวิเคราะห์สถานภาพปัจจุบัน อดีตและ
อนาคตขององค์กร
7. การออกรายงาน (Report) ในรูปแบบต่างๆ
เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในทุกระดับ ขององค์กร
รายงานดังกล่าวสามารถส่งต่อไปยังผู้ใช้งานโดยผ่านทาง E-mail หรือ SMS
ได้
8. สามารถออกแบบซอฟต์แวร์ประยุกต์ซึ่งทำงานผ่านเว็บไซต์ (Web
Application Design) ได้
9. มีแม่แบบ (Template) ของ Module ต่างๆ ที่เป็น Best Practice
จำนวนมากเพื่อ อำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานซอฟต์แวร์
10. การนำซอฟต์แวร์นี้มาใช้งานในองค์กร จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร
ได้แก่
- การมีลูกค้าใหม่ (New Customer)
- การรักษาลูกค้าเดิมไว้ได้ (Loyalty)
- การบริหารทรัพยากรต่างๆ
ภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
- การสร้างระบบการทำงานของซอฟต์แวร์ในองค์กรแบบ Portal
สำหรับโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของระบบ SAP R/3 นั้น จะประกอบไปด้วยลำดับชั้นของบริการต่างๆ หรือที่เราเรียกกันว่า Service โดยเราจะพิจารณาส่วนของบริการต่างๆนี้ ในรูปแบบทางด้านซอฟต์แวร์ (Software-oriented Approach) ไม่ใช่ในรูปแบบทางด้านฮาร์ดแวร์ (Hardware-oriented Approach) ซึ่ง SAP R/3 นี้ จะประกอบไปด้วยส่วนบริการต่างๆ 3 ส่วนด้วยกันคือ
ในส่วนของ Protocol
ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันระหว่าง Server ต่างๆนั้น SAP R/3 จะใช้
TCP/IP เป็น Protocol หลักในการติดต่อสื่อสารกัน
โดยที่ในการติดต่อสื่อสารกันระหว่าง Presentation Server กับ
Application Server นั้น SAP R/3 จะใช้ SAP Presentation Protocol
ในลักษณะของ Optimized Protocol ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน
โดยข้อมูลที่มีการแลกเปลี่ยนระหว่างกันนี้จะมีปริมาณที่ไม่มาก
คืออยู่ระหว่าง 1 ถึง 2 กิโลไบต์เท่านั้น
ดังนั้นในส่วนของการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่อง Presentation Server
กับเครื่อง Application Server นั้น
สามารถที่จะทำการติดต่อสื่อสารโดยผ่านทาง Wide Area Network (WAN)
ได้อย่างสบายๆ โดยอาจจะใช้สื่อที่เป็นสายโทรศัพท์ธรรมดาก็ได้
และในส่วนของการติดต่อสื่อสารกันระหว่างเครื่อง Application Server
กับเครื่อง Database Server นั้น SAP R/3 จะใช้ Remote SQL Protocol
ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน
ซึ่งข้อมูลที่มีการแลกเปลี่ยนกันนั้นจะมีปริมาณข้อมูลที่สูงมากเป็นเมกะไบต์
ดังนั้นในการติดต่อสื่อสารกันระหว่างเครื่อง Application Server
กับเครื่อง Database Server นี้ จะต้องทำการติดต่อสื่อสารกันผ่านทาง
Local Area Network (LAN) เท่านั้น
การใช้งานระบบ SAP
เบื้องต้น
ในส่วนต่อไปนี้ จะเป็นการแนะนำการใช้งานระบบ SAP เบื้องต้น
โดยที่ส่วนของ Desktop ของเครื่องคอมพิวเตอร์ จะมีโปรแกรม SAP
Logon
- เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่โปรแกรม SAP Logon เราจะได้หน้าจอ
- ให้คลิกที่ User-Defined… เพื่อทำการเพิ่มระบบที่เราจะทำการ Logon เข้าไปใช้งาน เราจะได้หน้าจอ
- จากนั้นให้ทำการระบุรายละเอียดของระบบ SAP ที่เราต้องการ Logon เข้าไปทำงาน โดยที่ส่วนของ Description ให้ใส่ค่าอะไรก็ได้ที่จะให้ปรากฏอยู่ที่ส่วนของ SAP Logon ในที่นี้คือค่า SAP R/3 Enterprise : TRN ที่ส่วนของ Application Server ให้ระบุค่า IP Address ของ SAP Application Server ในที่นี้คือค่า 161.200.64.7 และท่ส่วน System ID ให้ระบุค่า SID ของระบบ SAP ในที่นี้คือ TRN และส่วนสุดท้ายคือค่า System Number ของ SAP Application Server ในที่นี้คือค่า 00 จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Add เราจะได้หน้าจอ
- จากนั้นถ้าเราต้องการ Logon เข้าไปใช้งานระบบ SAP ให้เลือกระบบที่เราต้องการ Logon เข้าไปทำงาน จากนั้นคลิก Logon เราจะได้หน้าจอ
- ที่ส่วนของ Client ให้ระบุค่า Client ที่ต้องการเข้าไปทำงาน ในที่นี้คือค่า 800 ที่ส่วน User ให้ระบุค่า User ID ในระบบ SAP และใส่ค่า Password จากนั้นกด Enter เราจะได้หน้าจอ
- ถ้าในกรณีที่ User คนนี้ มีการ Logon เข้าไปใช้ระบบ SAP แล้ว ระบบจะแสดง Dialog Box เตือนว่า มีการ Logon เข้าไปแล้วโดย User ที่ชื่อ student นี้ ถ้าเราต้องการ Logon เข้าไปใช้งานด้วย โดยที่ User ที่ทำการ Logon ก่อนหน้านี้ที่ชื่อ student ก็ยังคงอยู่ในระบบ ก็ให้เลือกรายการที่สอง ก็คือ Continue with this logon, without ending any other logons in system … แต่ถ้าเราต้องการ Logon เข้าไปใช้งาน และต้องการให้คนที่ใช้ User ที่ชื่อ student ที่ทำการ Logon เข้าไปใช้งานก่อนหน้านี้ ออกจากระบบไป(ระบบจะทำการ Terminate ออกไปจากระบบ) ก็ให้เลือกรายการที่หนึ่ง ก็คือ Continue with this logon and end any other logons in system … แต่ถ้าเราไม่ต้องการ Logon เข้าไปใช้งาน ก็ให้เลือกรายการสุดท้ายคือ Terminate this logon จากนั้นเมื่อกด Enter เราจะได้หน้าจอ
- เราจะเข้ามาสู่หน้าจอเมนูหลักของระบบ SAP ที่เรียกว่า SAP Menu หรือ SAP Easy Access เราก็จะเห็นรายการ Transaction ทั้งหมดของระบบ SAP โดยแบ่งตาม Application Modules ต่างๆ เช่น Logistics หรือส่วน Accounting เป็นต้น
ไมโครซอฟต์ของ ERP
Microsoft Dynamics AX
Microsoft Dynamics AX คือโซลูชั่นการวางแผนทรัพยากรสำหรับองค์กร หรือ ERP ที่รองรับการใช้งานหลายภาษาและหลายสกุลเงิน ได้รับการออกแบบมาสำหรับบริษัทขนาดกลางและใหญ่ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้อยู่ที่การทำงานด้านการผลิตสำหรับอุตสาหกรรมและ e-business รวมทั้งยังมีฟังก์ชั่นสำหรับธุรกิจค้าส่งและบริการ
Microsoft Dynamics AX ประกอบด้วยแอพพลิเคชั่นสำหรับการบริหารการเงิน,
การบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า, การจัดการซัพพลายเชน,
การบริหารทรัพยากรบุคคล, การบริหารโครงการ และการวิเคราะห์
ด้วยการทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เช่น
Microsoft SQL Server, BizTalk Server, Exchange, Office และ Windows
พนักงานจึงสามารถใช้งานได้ทันทีเนื่องจากมีการใช้งานในลักษณะที่คุ้นเคย
ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม
อุตสาหกรรมการผลิต
Microsoft Dynamics AX
สามารถถูกปรับแต่งให้สนับสนุนความต้องการของอุตสาหกรรมการผลิตโดยเฉพาะ
และมีค่าใช้จ่ายรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ต่ำ
ประกอบด้วยการทำงานหลากหลายที่สนับสนุนซัพพลายเชนในรูปแบบ
Build-to-Order, Engineer-to-Order และ Build-to-Forecast
ในโหมดการผลิตทั้งแบบแยก (Discrete) และแบบรวม (Batch)
จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ผลิตที่มีการทำงานแบบผสม
การบริหารด้านการเงิน
Microsoft Dynamics AX มีความสามารถด้านการเงินที่ครอบคลุม
เพื่อให้บริษัทสามารถรวมบัญชีของบริษัทลูกหรือศูนย์กระจายสินค้าเข้าด้วยกัน
โดยไม่ต้องคำนึงถึงสถานที่ตั้ง นอกจากนี้
พนักงานยังสามารถเรียกใช้บัญชี, รายงาน
และการวิเคราะห์ได้ตามความเหมาะสมกับตำแหน่งงานอีกด้วย
การกำหนดค่าตามความต้องการ
โซลูชั่นรวมที่สามารถกำหนดค่าได้ตามต้องการนี้
ช่วยให้คุณทำงานร่วมกับลูกค้า, คู่ค้า
และผู้ขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อีกทั้งยังสามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจได้
โดยคุณสามารถปรับหรือขยายการทำงานเพิ่มขึ้นได้ตามความต้องการในอนาคตด้วยสภาพแวดล้อมในการพัฒนาแบบ
MorphX นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถออกแบบ, แก้ไข, คอมไพล์
และหาข้อผิดพลาด พร้อมกับเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ในหน้าจอเดียว
ครอบคลุมการทำธุรกิจทั่วโลก
Microsoft Dynamics AX ช่วยสร้างโอกาสทางการค้าให้คุณทั่วโลก
ด้วยการรองรับการทำธุรกรรมจำนวนมากจากผู้ใช้จำนวนนับพันที่เข้ามาจากเว็บไซต์ต่างๆ
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนภาษา, สกุลเงิน และข้อกำหนดทางกฎหมายในกว่า 30
ประเทศทั่วโลก พนักงาน, ลูกค้า
และผู้ขายจึงทำงานได้ด้วยภาษาและสกุลเงินของตนเอง Microsoft Dynamics
AX สามารถขยายระบบเพื่อรองรับธุรกิจที่กำลังเติบโต
และรองรับโอกาสใหม่ทางธุรกิจได้ทั้งในและต่างประเทศ
Microsoft ประกาศ Connection two-tier
การวางแผนทรัพยากรขององค์กร (ERP) การใช้งานระหว่าง Microsoft
Dynamics AX และ หน่วยงานย่อย หรือองค์กร สาขา
เพื่อความสะดวกในการรวมธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ และง่ายต่อการติดตั้ง
SAP กับที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัท
Two-tier connector ของ Microsoft Dynamics ERP
จะช่วยให้ธุรกิจสถานการณ์การรวมกันของสำนักงานใหญ่และสถานที่ บริษัท
ย่อยรวมถึงต่อไปนี้
- Financial consolidation
ร่วมกันและรวมของข้อมูลทางการเงินจาก บริษัท รายละเอียดการใช้
Microsoft Dynamics AX อัตโนมัติและสามารถสัมผัสถึงการติดตั้ง SAP
กลางเพิ่มการแสดงผลของประสิทธิภาพทางการเงินทั่วทั้งองค์กร
-
Supply-chain ระหว่าง บริษัท รวมของการจัดซื้อระหว่าง บริษัท
และ - กระบวนการ supply-chain
ระหว่างภูมิภาคและการจำหน่ายในประเทศกับองค์กรบรรลุ
ส่วนกลางจะช่วยอำนวยความสะดวกในการสั่งซื้ออัตโนมัติ
-
Plant automation. Integration
การกระจายการผลิตในส่วนกลาง
การวางแผนกระบวนการช่วยและตอบสนองต่อการวางแผนการผลิตถูกต้องมากขึ้นทั้งองค์กร
ไม่มีความเห็น