ช่วง 2-3 อาทิตย์นี้ ที่กำลังมองเห็นความชัดเจนมากขึ้น ในการทำงาน "สวัสดิการชุมชน" ร่วมกับงาน "สิทธิมนุษยชน" เพื่อเป้าหมายที่ "ความมั่นคงของมนุษย์" อย่างที่เพิ่งบันทึกครั้งก่อน
ก็มีเรื่องของ "คน" ที่ไม่ค่อยจะมั่นคงในชีวิต เข้ามาให้ได้กระทบความรู้สึก ติดๆ กันถึง 3 คน
โยฮา เยาวชนชายที่เรียนจบชั้น ป.6 ได้ 2-3 ปีแล้ว แต่ไม่ยอมเรียนต่อ อาจด้วยความท้อแท้ ที่ติดเชื้อ HIV ตั้งแต่เกิดจากมารดาที่เสียชีวิตไปได้หลายปีแล้ว พอไม่นานบิดาก็แต่งงานใหม่ โยฮาจึงอยู่กับปู่และย่ามาตลอด หลังจากปีก่อนที่ย่าซึ่งโยฮารักมากตายไปอีกคน และปู่ซึ่งเป็นคนเดียวที่เหลือในชีวิตก็มาแต่งงานใหม่ เขาจึงต้องกลับไปอยู่กับบิดาซึ่งไม่ผูกพันกัน เมื่อสัปดาห์ก่อนได้รับทราบข่าวว่า โยฮาทานยาฆ่าตัวตายแล้ว คนในหมู่บ้านบอกว่าเป็นเพราะความประมาท แต่หลายคนก็เชื่อว่าเป็นเพราะสภาพจิตใจ และการสิ้นไร้ความหวัง
เดช เยาวชนชายอีกหมู่บ้าน ครอบครัวมีฐานะค่อนข้างดี แต่เดชก็ไม่ยอมเรียนหนังสือให้จบชั้นมัธยมต้น มาได้ข่าวอีกทีก็ตอนที่พ่อเขามาบอกว่าต้องไปจ่ายเงินปิดคดีให้ตำรวจ เพื่อเปลี่ยนจาก "ผู้ค้า" มาเป็น "ผู้เสพ" พอถามเด็กก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง ไปซ่อมรถมอเตอร์ไซด์แล้วที่อู่ถามว่าบนหมู่บ้านมียาไหม เขาก็ตอบว่ามีเยอะ จึงเอาลงมาให้เขาตามที่เขาบอก !! จนถูกจับ
ล่าสุดวันนี้ เพื่อนมาเล่าให้ฟังว่าเจอ โม เยาวชนหญิงหน้าตาดีที่รู้จักอีกคน ที่ท่ารถกำลังจะไปอยู่กับพ่อเลี้ยงคนหนึ่งที่จะอุปการะเธอ แต่ขอให้เธอไปทำแท้งลูกในท้องของเธอที่เกิดจากเพื่อนชายของเธอเสียก่อน !!
ปัญหาของเยาวชนทั้งสามที่เห็นมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กประถม ทำให้ต้องหยุดคิดบางอย่าง
มีบางคนบอกว่า "ต้องคอยติดตามเด็กแต่ละคน เหมือนติดตามลูกแกะที่หลงทาง"
มีความรู้สึกบางขณะในตอนนี้ที่คล้ายๆ เมื่อ 5-6 ปีก่อนที่ตัดสินใจว่าจะไม่ทำงาน "สิทธิมนุษยชน" เมื่อเห็นว่าหลังจากต่อสู้ให้พวกเขาได้สิทธิ (ในสัญชาติไทย) แล้ว เยาวชนหลายคนที่เราเห็นแต่เด็ก หันไปขายยาบ้า บางคนถูกวิสามัญ บางคนเข้าคุก บางคนไปต่างประเทศ บางคนได้ไปเรียนไกลบ้าน แต่ก็ท้องกลับมา และอีกคนต้องฆ่าตัวตายหลังจากทุ่มเทต่อสู้ให้ตนเองได้สัญชาติเพื่อหวังจะเปลี่ยนชีวิต แต่ก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตคนพิการในหมู่บ้านตามเดิม
ครั้งนั้นเกิดคำถามในใจว่า "บัตรประชาชนหรือ คือที่สุดของชีวิต!!"
แล้วครั้งนี้ล่ะ "สวัสดิการชุมชน อาจเป็นคำตอบของครอบครัวและชุมชน แล้วจะเชื่อมโยงเอาเยาวชนเหล่านี้ เข้าไปให้ผ่านพ้นวิกฤตได้ด้วยหรือไม่?"
"ถ้ามัวแต่ไปจัดการภาพใหญ่ของชุมชน แล้วชีวิตที่อ่อนไหวเหมือนใบไม้ของเยาวชนเหล่านี้ จะปล่อยให้พายุพัดพาให้หลุดร่วงไปทีละใบ ๆ ต่อหน้าต่อตาหรือ?"
บ่นไปด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ทั้งที่รู้ว่าทั้งหมดคงเป็นเรื่องเดียวกัน และต้องไปด้วยกัน แต่จะไปด้วยกันได้อย่างไรล่ะ??
สวัสดีครับ เยาวชนถูกปล่อยให้หลงทางเข้าป่าคอนกรีต เขาพบว่าชีวิตที่เขาต้องการคือความโลดโผนในความเป็นคนของเขา เขาจะลืมพ่อแม่ ลืมญาติ ลืมพี่น้อง ผมเคยมีประสบการณ์นำเด็กชาวเขาจากกาญจนบุรี ตาก และอีกหลายจังหวัดมาบวชเป็นสามเณรในนิกายมหาญานที่วัดถาวรวรารามหาดใหญ่ การทำผิดของเขาทุกเรื่องเขาจะบอกไม่ผิดทั้งหมด จนต้องส่งกลับบ้าน คนที่มีความคิดดีก็เหลือไม่กี่คน การสอนก็เอาอกเอาใจอย่างดีตลอด แต่ก็ทำได้แค่ดูแลอย่างเดียว กินฉันอย่างสบายเรียนถึงม.ปลาย แต่ส่วนใหญ่ล้มเหลว แต่เราก็ยังพยายาม จุดสำคัญคือทุกครั้งที่เขากลับไปเยี่ยมบ้านกลับมาพฤติกรรมจะเปลี่ยนทุกครั้ง บนความตั้งใจที่จะช่วยเด็กเราก็พยายามทำ ไม่ท้อถอย ขอเป็นกำลังใจครับอย่าท้อถอย ขอบคุณที่ช่วยสุดความสามารถครับ
ต้องเข้าใจชีวิตนะคะ
มันเป็นเช่นนั้นเอง
แก้ปัญหาที่สาเหตุค่ะ
@ ขอบคุณค่ะ อ.แหวว
@ ขอบคุณค่ะ คุณธนา
สำหรับเด็กเยาวชนที่อยู่ในสถาบันการศึกษา หรือมีศูนย์ช่วยให้การอบรมก็ยังไม่ค่อยน่าห่วง อย่างน้อยในช่วงเวลานั้น เขายังมีคนอบรม รับได้บ้างไม่ได้บ้างก็ขึ้นกับตัวเด็ก
แต่กลุ่มที่หลุดออกจากระบบการศึกษาแล้ว ที่ยังเป็นเยาวชนล่องล่อยอยู่ในหมู่บ้าน ท่ามกลางความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่สถาบันครอบครัวไม่อาจให้การอบรมได้อย่างแน่นแฟ้นเหมือนเก่า และไม่มีใครติดตามอบรมดูแล ปล่อยให้เขาเรียนรู้เองจากสื่อบริโภคนิยมสมัยใหม่ และสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่เข้าไปในชุมชน นี่สิคะน่าห่วง
อย่างที่คุณธนาเจอ แค่เพียงช่วงปิดเทอมกลับบ้าน ก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปทุกครั้ง จริงไหมคะ ?
แล้วเราจะทำอย่างไรดี แก้ที่สาเหตุคืออะไรคะจารย์แหวว? แก้ที่ระบบบริโภคนิยมที่ทำลายคุณค่า แก้ที่ครอบครัวที่ไม่อบรมดูแล แก้ที่ประเทศพม่าหรือประเทศไทยที่ปล่อยให้เขาอพยพเข้ามาเรื่อยๆ หรือตามแก้ที่สาเหตุของปัญหาของเด็กเป็นรายๆ หรือย่างไรดีคะ??
พวกเราอยู่กับเด็กๆ อยู่กับชาวบ้าน อยู่กับคนจน อยู่กับความไม่รู้ อยู่กับความด้อยโอกาส อยู่กับการถูกเอาเปรียบ
พวกเราอยู่กับปัญหาที่พบเห็น และอยู่กับมันมาตลอด
และแก้ปัญหาที่ปลายเหตุกันมาตลอดครับ
แล้วสาเหตุแห่งทกข์และปัญหาคืออะไร ?
ชีวิต?
อยู่กับความจริงและช่วยเหลือดูแลกันไปให้ดีที่สุดครับ
ท่ามกลางปัญหามากมาย ที่หลายคนเสนอแนะทางออกหลากหลาย เราคงต้องค่อยๆ แสวงหาหนทาง อดทนและก้าวเดินไป พร้อมกับทำในสิ่งที่ทำได้
ล่าสุดเมื่อวานนี้ เราได้ไปพบน้องโม พูดคุย และแนะนำเธอให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัยสำหรับเธอและลูกที่กำลังจะคลอด ซึ่งเธอก็เต็มใจและยินดีสำหรับทางออกนี้
นึกในใจว่า ถ้าเรามัวแต่ท้อ เศร้าใจ ห่วงใย แต่ไม่ทำอะไร ป่านนี้เธออาจตัดสินใจทำแท้ง ตามที่ผู้หวังดีแนะนำเธอไปแล้วก็ได้